logo-heading

ย้อนกลับไปฤดูกาล 2019-20 ตอนที่อาร์เตต้ามาคุมปีแรก ผลงานลูกตั้งเตะอาร์เซน่อลไม่ได้แย่มาก ทำประตูจากฟรีคิ๊ก, เตะมุม และลูกทุ่มรวมกัน 12 ประตู รั้งอันดับ 8 

แต่พอเข้าฤดูกาล 2020-21 ทั้งซีซั่นยิงได้แค่ 6 ประตู รั้งอันดับ 18 ของลีกเลย เป็นสถิติที่เข้าขั้นแย่สำหรับทีมใหญ่ ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง จนนำไปสู่การแต่งตั้ง นิโคลัส โยเวอร์ ให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ

โยเวอร์ผ่านประสบการณ์ทำงานวิเคราะห์วิดีโอให้ มงต์เปลิเย่ร์, โครเอเชีย ก่อนจะย้ายมาอังกฤษครั้งแรกด้วยการเป็นสต๊าฟฟ์ให้เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งผลงานโดดเด่นมาก ช่วยให้ทีมทำประตูจากลูกตั้งเตะ 46 ครั้ง ในเวลาเพียง 3 ฤดูกาล 

อาร์เตต้าทึ่งกับสถิติของโยเวอร์ เลยชวนมาร่วมงานด้วยกันที่ซิตี้เมื่อปี 2019 ซึ่งทั้งคู่สนิทกันมาก ครอบครัวก็รู้จักกัน ภรรยาของโยเวอร์เป็นคนอาร์เจนติน่า ใช้ภาษาสเปนเหมือนอาร์เตต้าด้วย ทำให้เวลาจะพูดคุยเรื่องสามี ก็คุยสเปนไปเลย 

ไม่นานจากนั้น อาร์เตต้าได้โอกาสให้เป็นกุนซืออาร์เซน่อล แล้วพอสถิติเซ็ตพีซย่ำแย่ ก็เลยชวนโยเวอร์มาร่วมงานกันในปี 2021 พร้อมเสกสถิติให้ดีขึ้นจนตกใจ 

แค่ปีแรกที่โยเวอร์ย้ายเข้ามา อาร์เซน่อลทำประตูจากลูกตั้งเตะ 16 ครั้ง รั้งอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีกเลย เป็นรองแค่ซิตี้กับลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีกว่า จากนั้นพอเข้าฤดูกาลที่ 2 ก็พาอาร์เซน่อลจบอันดับ 4 ของสถิติลูกตั้งเตะ เรียกว่ามาตรฐานยังดี

ผมจำได้ว่ามีสื่อวิเคราะห์โยเวอร์ตั้งแต่ช่วงนั้นแล้ว เพราะตัวเลขดีขึ้นทันตา แต่ถามว่าคนสนใจเยอะหรือยัง? ก็ยังไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะมันคือตัวเลขที่ "ดีขึ้น" แต่ยังไม่ใช่ "ดีที่สุด"

จนกระทั่งฤดูกาลนี้แหละ 24 นัดผ่านไปอาร์เซน่อลทำประตูจากเซตเพลย์ 16 ครั้ง รั้งอันดับ 1 พรีเมียร์ลีก ตามมาด้วยเอฟเวอร์ตัน 13 ประตู และนิวคาสเซิ่ล 11 ประตู 

การทำตรงนี้ได้ดีของอาร์เซน่อล ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเขาลุ้นแชมป์เต็มตัวด้วย เพราะถ้านับเฉพาะการทำประตูจากโอเพ่นเพลย์ พวกเขามีปัญหาหนัก ยิงได้เป็นอันดับ 7 ของลีก เพราะโดนคู่ต่อสู้อุดใส่มากกว่าปีก่อน 

เรียกว่าพอโอเพ่นเพลย์ฟอร์มตก ก็มาชดเชยด้วยเซตเพลย์ฟอร์มเทพ มันเลยทำให้ผลงานรวมไม่ดร็อปจากปีก่อน ซึ่งจากการที่ผมไปศึกษาข้อมูลมาหลายสื่อ พบว่าจุดแข็งของโยเวอร์ คือการทำให้อาร์เซน่อลมีหลายสูตรและจับทางยาก 

ช่วงครึ่งซีซั่นแรก อาร์เซน่อลชอบเล่นสูตรแบบให้นักเตะยืนกระจุกตรงกลาง แล้วเปิดยาวไปเสาไกลให้ตัวที่ว่างทำประตู ซึ่งถ้าใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงประตูที่ เดแคลน ไรซ์ ยิงใส่ยูไนเต็ดช่วงต้นฤดูกาลนัดชนะ 3-1 เป็นบอลยาวจากซาก้าเลยไปถึงไรซ์ ก่อนจะพักอกแล้วยิงแฉล่บเข้าไป 

จากนั้นแผนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ตอนบุกไปเยือนลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ นัดที่มีดราม่าเรื่องแฮนด์บอลโอเดการ์ด วันนั้นพวกเขาได้ประตูจากฟรีคิ๊กที่มีลูกสูตรเหมือนกัน 

สูตรคือให้นักเตะตัวสูง 4 คนยืนแบบล้ำหน้าไปก่อน จากนั้นพอโอเดการ์ดกำลังจะเตะฟรีคิก ก็ให้ทั้ง 4 คนวิ่งกลับมาในไลน์แค่เสี้ยววินาที แล้ววิ่งขึ้นหน้าไปหาบอลอีกรอบ จนทำให้กองหลังลิเวอร์พูลสับสนแล้วเสียประตู 

เท่านั้นไม่พอ หลังกลับมาจากแคมป์ที่ดูไบ มีเปลี่ยนแผนให้ไรซ์ไปเป็นคนเตะลูกนิ่งด้วย โดยสื่อ The Times เรียกเทคนิคล่าสุดอาร์เซน่อลว่า "การเปลี่ยนเสาแบบทันท่วงทีเพื่อให้คู่ต่อสู้รับมือไม่ทัน" 

มันเริ่มตั้งแต่เกมถล่มพาเลซ 5-0 ไรซ์เปิดมุมเข้าไป จากนั้นทรอสซาร์ที่ยืนเสาไกลตอนแรก พยายามวิ่งดึงตัวประกบมา 2 คนตรงกลาง เพื่อเปิดทางให้กาเบรียลเทคตัวโหม่ง หรือจะเป็นนัดล่าสุดที่ถล่มเวสต์แฮม ก็ใช้สารพัดแผนจนทีมของ เดวิด มอยส์ โดนถล่มไปครึ่งโหล

อาร์เตต้าเคยเปิดใจเรื่องนี้ว่า ต้องยกเครดิตให้โยเวอร์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง เขาสื่อสารนักเตะเก่ง สร้างแบบจำลองได้เก่ง และพยายามหาหลายสูตรมาเล่นงานคู่ต่อสู้ เพราะถ้ามีแค่ไม่กี่สูตร สักวันก็จะต้องโดนจับทางได้ 

หากใครนึกภาพไม่ออก เวลาคู่ต่อสู้ศึกษาลูกสูตรอาร์เซน่อลมาเป็นอย่างดี เตรียมสูตรเกมรับมาแก้ทางโดยเฉพาะ แต่พอแข่งจริงอาร์เซน่อลงัดสูตรใหม่มาซะงั้น มันก็เลยทำให้คู่ต่อสู้สับสนและปรับตัวไม่ทัน

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยกระดับอาร์เซน่อลได้เยอะ มันทำให้เห็นว่าอย่ามองข้ามลูกตั้งเตะเด็ดขาด สามารถสร้างความแตกต่างให้ทีมได้

ลองนึกภาพตาม ขนาดอาร์เซน่อลโอเพ่นเพลย์ฟอร์มตก ยังได้เซตเพลย์มาช่วยได้ขนาดนี้ 

ถ้าในอนาคตพวกเขาคืนฟอร์มเรื่องโอเพ่นเพลย์ได้เมื่อไหร่? อาร์เซน่อลจะน่ากลัวกว่านี้อีกเยอะ

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline