logo-heading

เอาจริงๆ การกลับมาเล่นได้ดีโดยไม่ต้องใช้เวลากู้ฟอร์ม ก็นับว่าแปลกใจแล้ว แต่ที่แปลกใจมากกว่า คือเข้าใจแท็กติกใหม่ของเป๊ปไวมาก ซึ่งมันไม่ใช่แค่แท็กติกของทีมนะครับ แต่ยังเป็นแท็กติกแบบรายบุคคลด้วย เพราะ 2 นัดหลังสุด KDB โดนจับไปเล่นคนละตำแหน่งกัน

นัดล่าสุดใน UCL เป๊ปเล่นแผน 4-2-3-1 โดยให้เขายืนกลางรุกด้านหลังฮาลันด์ แต่นั่นคือผังการเล่นที่ประกาศ ไม่ใช่ตำแหน่งการยืนที่แท้จริงในสนาม เพราะเวลาเล่นจริงจะยืน 3-2-4-1 เหมือนที่เคยใช้จนเป็นแชมป์ UCL ฤดูกาลก่อน

วิธีการขึ้นเกมจะสั่งให้ จอห์น สโตนส์ ขยับขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์คู่กับโรดรี้ แล้วมีแนวรับช่วยเซตบอล 3 คนคือ อาเก้, ดิอาส และวอล์คเกอกร์ รวมแล้วมีตัวบิวด์อัพ 5 คน 

พอเซตบอลกันได้ KDB จะขยับไปยืนเป็นกลางรุกเยื้องขวา แล้วมีแบร์นาร์โด้เป็นกลางรุกเยื้องซ้าย ขณะที่ปีก 2 ข้างคือกรีลิชกับโฟเด้น 

ประเด็นคือตำแหน่งของ KDB เขายืนใกล้กับฮาลันด์มาก เรียกว่าใกล้กัน จนแทบจะเป็นกองหน้าตัวขวาไปแล้ว เขาพยายามวิ่งสอดเข้าพื้นที่ฮาล์ฟสเปซ หรือพื้นที่กึ่งกลางแนวรับคู่ต่อสู้ตลอดเวลา 

เป๊ปคงอ่านเกมมาว่า โคเปนเฮเก้นนัดนี้เล่นบ้านตัวเอง คงพยายามตอบโต้ใส่ซิตี้บ้าง น่าจะมีพื้นที่ให้วิ่งสอดได้ เลยสั่งให้ KDB ไปเผด็จศึกพื้นที่สุดท้ายเสียเลย เกมนี้วัดกันที่ความคมล้วนๆ ไม่จำเป็นต้องเอา KDB ลงมายืนต่ำเพื่อเปิดเกม

ผลที่ออกมาคือ KDB เหมือนเป็นกองหน้าอีกคน สถิติบอกว่าเขามีโอกาสยิงมากสุดในเกมนี้ที่ 7 ครั้ง สร้างโอกาสให้เพื่อน 2 ครั้ง และพยายามครอสจากด้านขวามากถึง 10 ครั้ง เป็นอันดับ 1 ของเกม สรุปแล้วทำ 1 ประตู 1 แอสซิสต์

เอาจริงๆ บทบาทนี้ผมไม่ได้แปลกใจมาก เพราะฤดูกาลก่อนตอนเป็นแชมป์ UCL ก็เล่นแบบนี้ แค่เปลี่ยนคู่หูกลางรุกเป็นกุนโดกัน และพยายามสอดเข้ากรอบเขตโทษมากขึ้น จนมีโอกาสยิงประตูเยอะขนาดนี้

แต่ที่นับว่าแปลกใจ คือเกมลีกที่ลงมาพลิกเกมชนะเอฟเวอร์ตัน วันนั้นสื่อบอกว่าซิตี้เล่นแผน 4-1-4-1 แล้วเปลี่ยนเอา KDB ลงมาเล่นนาที 67 ซึ่งพอได้ดูการเล่นเต็มๆ บทบาทนัดนี้ไม่ใช่ตัวสอดไปยิง แต่เป็นตัวเปิดเกมจากแนวลึกมากกว่า

วันนั้นเอฟเวอร์ตันอุดเต็มพิกัด เพราะ 1 แต้มก็น่าพอใจแล้ว เป๊ปคงอ่านเกมว่าเมื่อเจอทีมรับลึกขนาดนี้ ควรต้องเอาสายคล่องไปป่วนพื้นที่สุดท้าย แล้วหาคนส่งบอลจากแนวลึกมาเล่นกับโรดรี้ เพื่อตัดสินเกมจากการส่งแค่ 1 จังหวะ 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือซิตี้บิวด์อัพ 5 คนเหมือนเดิมครับ นัดนั้นเป็น อาเก้, ดิอาส และสโตนส์ ส่วนวอล์คเกอร์จะเติมสูงขึ้นไปเล่นเป็นปีกขวา, กราบซ้ายเป็นโดกู, คู่กลางตัวขึ้นเกมเป็น KDB และโรดรี้ ขณะที่ โฟเด้น กับ อัลวาเรซ ต้องใช้ความพลิ้วโจมตีแนวรับเอฟเวอร์ตัน 

ทันทีที่ KDB ลงมาเล่น สถานการณ์ของซิตี้ดีขึ้นชัดเจน ซึ่งถ้าจะเรียกบทบาทในสนามตอนนั้น เขาเล่นเหมือนเป็นเบอร์ 6 กึ่งเบอร์ 8 (กลางรับ กึ่งกลางคุมจังหวะ) ต่างกับนัดเจอโคเปนเฮเก้นที่เล่นเบอร์ 10 กึ่งเบอร์ 9 (เพลย์เมกเกอร์ กึ่งกองหน้า)

ผลที่ออกมาคือซิตี้ยิงชนะได้ 2-0 KDB มีส่วนกับประตูสุดท้ายที่แทงให้ฮาลันด์หลุดไปยิงประตู เรียกว่าโหดทุกนัด โหดทุกบทบาท และคงไม่มากเกินไปถ้าจะเรียกว่านี่คือนักเตะตัว Edit ของแท้ 

เชื่อว่าอีกหลายเกมที่เหลือในซีซั่นนี้ เราอาจได้เห็นเป๊ปจับ KDB ไปเล่นบทบาทอื่่นเพิ่มอีก เช่น กลางรุกเยื้องขวา ที่ขยับมายืนหน้าต่ำตอนทำเกมบุก ซึ่งบทบาทนี้ ฟิล โฟเด้น เคยเล่นมาก่อนช่วงครึ่งฤดูกาลแรก เป็นตำแหน่งแบบไฮบริดที่ผมเชื่อว่ายังไง KDB ก็สามารถเล่นได้

ตอนหายเจ็บกลับมาใหม่ๆ คนชอบเรียกว่า "ตัวเดียวเสียวทั้งลีก" เพราะตอนนั้นยังแข่งแค่บอลในประเทศ 

แต่ตอนนี้บอลยุโรปกลับมาแล้ว เราคงต้องเรียกการกลับมาครั้งนี้ว่า "ตัวเดียว เสียวทั้งยุโรป"

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline