logo-heading

เดแคลน ไรซ์ 105 ล้านปอนด์ ที่โคตรคุ้มค่า ถ้าจะถามว่าใครคือดีลยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล จะตอบว่า เดแคลน ไรซ์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะนับตั้งแต่ ไรซ์ ย้ายเข้ามาในถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เขาก็กลายเป็นหัวใจหลักของทีมในทันที 

โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นแทบทุกนัดที่ลงสนาม จนแฟนบอล อาร์เซน่อล ต่างเรียกร้องกันว่าควรเอาเงินอีก 100 ล้านปอนด์ จ่ายเพิ่มให้กับ เวสต์แฮม เพราะจำนวนเงินแค่ 105 ปอนด์ สำหรับ เดแคลน ไรซ์ มันถูกเกินไปถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาทำให้กับทีม

ว่าแล้ว ขอบสนาม จะมาเจาะลึกถึงความสำคัญของ ดีแคลน ไรซ์ ว่าเข้ามายกระดับ และเปลี่ยนแปลง อาร์เซน่อล อย่างไรบ้าง ไปรับชมกันครับ

เดแคลน ไรซ์ ย้ายมาลงหลักปักฐานกับ อาร์เซน่อล ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรที่ 105 ล้านปอนด์ พร้อมกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และคำครหาต่างๆนาๆว่า "นักเตะที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับท้อป ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องจ่ายถึง 100 ล้านปอนด์" "ที่มีค่าตัวสูงขนาดนี้เพราะเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษ"

แต่วันนี้ในระยะเวลาที่ยังไม่ถึง 1 ฤดูกาล เดแคลน ไรซ์ ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า 100 ล้านปอนด์ยังถูกเกินไปด้วยซ้ำ เขาเข้ามายกระดับแผงมิดฟิลด์ของ อาร์เซน่อล ให้อยู่ในชั้นแนวหน้าของ พรีเมียร์ลีก

และกลายเป็นนักเตะสำคัญในแผนการเล่นของ มิเกล อาร์เตต้า ในทันที กุนซือชาวสแปนิช เคยกล่าวถึง ไรซ์ ก่อนที่จะเซ็นสัญญานักเตะรายนี้ว่า "เขาคือตัวเลือกอันดับ 1 ของเรา และไม่มีตัวเลือกรอง"

มันเห็นได้ชัดเลยว่า อาร์เตต้า ต้องการตัวเขามากขนาดไหน และ ไรซ์ ก็ตอบแทนความคุ้มค่าของเขาด้วยผลงานในสนามในฐานะตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับของทีม

เดแคลน ไรซ์ ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับ อาร์เซน่อล ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ในที่ดวลกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แม้ว่าในเกมนัดแรกอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่บ้าง

 

แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไรซ์ ก็เริ่มฉายแสงให้เห็นถึงความสุดยอดของเขา ทั้งการตัดบอลในพื้นที่สำคัญ หรือจังหวะทรานซิชั่นเปลี่ยนจากรับเป็นรุกก็ทำได้แบบเนียนตาสุดๆ การจ่ายบอลเพื่อแกะเพลสซิ่งก็ทำได้แบบไม่มีเคอะเขิน

เพียงแค่เดือนแรกเท่านั้น เดแคลน ไรซ์ ก็เข้ามาอยู่ในหัวใจของเหล่าสาวกปืนโต ทุกคนในทันที ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร

และนอกจากจะทำหน้าที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับได้ยอดเยี่ยมแล้ว เขายังมีสกิล "แมตซ์วินเนอร์" ซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญต่อการลุ้นแชมป์ของทีมเป็นอย่างมาก

เพราะในยามที่ทีมต้องการใครซักคนเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน จาก 0 แต้มให้เป็น 1 คะแนน จาก 1 คะแนนให้เป็น 3 คะแนน ดีแคลน ไรซ์ มักเป็นคนๆนั้นเสมอ 

อาร์เตต้า ยังเคยพูดถึง ไรซ์ ไว้อีกว่า "เขาเป็นเหมือนประภาคารที่ส่องแสงให้กับทีมในยามที่มืดมิด" ซึ่งจากคำพูดของ อาร์เตต้า มันไม่เกินจริงแต่อย่างใด

อีกทั้งประตูของ ดีแคลน ไรซ์ ล้วนมีความสำคัญกับทีมแทบทุกประตู ทั้งขึ้นมายิงประตูชัยในที่เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ประตูที่ยิง เชลซี เกือบครึ่งสนามเพื่อเรียกโมเมนตั้มของทีม ไหนจะประตูที่ขึ้นมาโขกใส่ ลูตัน ทาวน์ ในนาทีสุดท้าย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า ไรซ์ มีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน

เท่านั้นไม่พอ หลังกลับมาจากแคมป์ที่ดูไบ มิเกล อาร์ตต้า เปลี่ยนให้ เดแคลน ไรซ์ ไปหน้าทำหน้าที่เตะลูกนิ่งทางกราบซ้าย ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเป็นอย่างมาก ถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก เขาทำประตู และ แอสซิตซ์ รวมกันได้ถึง 8 ประตู แบ่งออกเป็น 4 ประตู กับอีก 4 แอสซิสซ์

นอกจากนี้ เดแคลน ไรซ์ ยังได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมตซ์ อยู่ที่ 8 ครั้งด้วยกัน จากการลงสนามทั้งหมด 24 นัดใน พรีเมียร์ลีก มากที่สุดเหนือทุกคนในทีม

ในเรื่องของการมีส่วนร่วมกับประตู ไรซ์ เป็นรองเพียงแค่ มาร์ติน โอเดการ์ด และ บูกาโย่ ซาก้า เท่านั้น ในตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 6 มันบ่งบอกได้เลยว่าคลาสของดาวเตะรายนี้มันสุดยอดขนาดไหน

นอกจากฟอร์มในสนามจะยอดเยี่ยมเยียมแล้ว การวางตัวในฐานะนักเตะก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เขามักเป็นคนกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมเสมอในตอนที่ทีมอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของเขาได้อย่างชัดเจน

ไหนจะตอนที่ยิงใส่ทีมเก่าอย่าง เวสต์แฮม ในเกมล่าสุดแต่ ไรซ์ ก็ไม่มีทีท่าที่จะแสดงอาการดีใจให้เห็น แม้จะโดนโห่ตลอดทั้งเกมก็ตาม

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของนักเตะที่ถูกมองว่า overrate ในเรื่องของค่าตัว และฝีเท่ามาโดยตลอด และวันนี้เขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าค่าตัว 105 ล้านปอนด์ ไม่มีคำว่าแพงเลยสำหรับ ดีแคลน ไรซ์

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline