logo-heading

บวกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะดุดเสมอกับ เชลซี อีก 1-1 และ เก็บ 3 แต้ม ในนัดตกค้างด้วยการเฉือน เบรนท์ฟอร์ด 1-0 แต่กระนั้น หงส์แดง ก็ยังนำเป็นอันดับ 1 เหมือนเดิม

แต่ในความรู้สึกสาวก เดอะ ค็อป เชื่อว่า เป็น 3 แต้ม ที่ไม่ค่อยคุ้มเอาซะเลย เพราะในเกมนี้ต้องเสียนักเตะตัวหลักเพิ่มไปอีก 2 คน จากอาการบาดเจ็บ ก่อนเกมสำคัญที่ต้องชิงถ้วย คาราบาว คัพ กับ เชลซี คืนวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้

อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้าย ก็ยังมีสิ่งดีๆมาให้แฟนๆกลบเกลื่อนความรู้สึกอันน่ากังวลใจไปได้ ฉะนั้นก่อนเกมที่ชิงโทรฟี่ คาราบาว คัพ ไปดูว่า ลิเวอร์พูล มีเรื่องดี เรื่องร้าย ตรงไหนบ้าง ก่อนฟาดแข้งกับ เชลซี

เริ่มกันที่เรื่องร้าย : ลิเวอร์พูล มีลิสต์นักเตะบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว 

การเก็บ 3 แต้มนัดนี้ สามารถรักษาจ่าฝูงได้ต่อไป นับเป็นโมเมนตั้มที่ดีสำหรับ ลิเวอร์พูล ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ แต่เรื่องที่น่ากังวลสุดๆ คงหนีไม่พ้น อาการบาดเจ็บ !! เพราะต้องสังเวยนักเตะตัวหลักไปถึง 2 คน ได้แก่ เคอร์ติส โจนส์ กับ ดิโอโก้ โชต้า ซึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรับว่า ทั้งคู่อาการไม่ค่อยดีเลย

โดยเฉพาะในรายของ  ดิโอโก้ โชต้า ที่เข้าขั้นหนัก อาจพักยาวทั้งซีซั่น เมื่อมีรายงานจาก DaveOCKOP (เดฟโอซีค็อป) สื่อสาย ลิเวอร์พูล ระบุว่า โชต้า อาจจะมีอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หลังหัวเข่าข้างขวา (หรือ PCL) ซึ่งวิธีรักษาคือต้องผ่าตัดเท่านั้น และ จะใช้เวลาพักฟื้นยาวไปจนจบซีซั่นนี้เลย

เนื่องจากมีเพียงแค่ภาพที่เห็นคือ โชต้า อาการไม่ค่อยดี ต้องใช้เครื่องป้องกันที่หัวเข่า พร้อมใช้ไม้เท้าพยุงเดินออกจากสนาม 

แต่ในความโชคร้าย ก็ยังพอมีข่าวดีเล็กๆอยู่บ้าง เพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ยืนยันถึงอาการบาดเจ็บของ โชต้า ว่าต้องพักเกิน 1 เดือน !! ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานจาก “เรคคอร์ด” สื่อยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ระบุว่า โชต้า จะต้องพักประมาณ 2 เดือน และ มีโอกาสกลับมาช่วย ลิเวอร์พูล ในช่วงเดือนเมษายน คือในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อลุ้นแชมป์แบบนี้ การไม่มี โชต้า ถือว่าเสียหายหนักมาก แต่ก็ยังไม่ได้ปิดเทอมไปได้ซะทีเดียว

เพราะ โชต้า ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ยิงประตูกับทำแอสซิสต์เป็นว่าเล่น โดย พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ เขาซัดไป 9 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ เป็นคนที่แบ่งเบาภาระการจบสกอร์ได้ดีเหลือเกิน แต่อย่างน้อยคิดในแง่ดี เขาจะกลับมาทันช่วงปลายซีซั่น เผื่อว่าตอนนั้น หงส์แดง ต้องการใครสักคน

ส่วน เคอร์ติส โจนส์ ตามรายงานของสื่อล่าสุด อาจจะพักแค่ 1 สัปดาห์ แต่มันก็เสียหายตรงที่ จะพลาดลงสนามเจอกับ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ค่อนข้างแน่นอนแล้ว

เท่ากับว่า นักเตะที่มีอาการบาดเจ็บของ ลิเวอร์พูล ชั่วโมงนี้ ประกอบด้วย อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โดมินิค โซบอสไล, ติอาโก้ อัลคันตาร่า, โจเอล มาติป และ สเตฟาน บายเซติค ต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้ว จะมีใครหายเจ็บกลับมาทันเวลาพร้อมช่วยทีมได้บ้าง

แต่อาจจะไม่มี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เพราะมีรายงานว่าต้องพักเกือบๆ 1 เดือน ขณะที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ มีข่าวว่า จะพักยาวไปจนถึงช่วงโปรแกรมทีมชาติ เดือนมีนาคม หรือ ต่อให้หายกลับมา แต่รายการ  คาราบาว คัพ เป็นหน้าที่ของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ อยู่แล้ว

ขณะที่ เรื่องดีของ ลิเวอร์พูล คือการได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับคืนมา

"เธอมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ" !! เพลงนี้ดังขึ้นมาในหัวเลยครับ เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จัดการซัดประตูที่ 3 ให้กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ เบรนท์ฟอร์ด 3-0 เพราะในช่วงที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปวดหัวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะ ก็ได้ บังโม นี่แหละครับ สลัดปัญหาเดี้ยง กลับมาช่วยทีมได้แบบพอดิบพอดี

จริงๆแล้ว คล็อปป์ คงวางพล็อตเรื่องให้ ซาลาห์ ลงมาเคาะสนิมในช่วงครึ่งหลังมากกว่า แต่ด้วยความที่ทั้ง โจนส์ และ โชต้า บาดเจ็บ เลยจำเป็นต้องส่ง ซาลาห์ ลงสนามมาตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งดูจากการวิ่ง การปะทะกับกองหลัง ก็กราบเรียนกันตามตรงว่า ซาลาห์ แทบจะฟิตสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ด้วยความที่เขาร้างสนามไปเกือบ 1 เดือน ก็มีอาการเหนื่อย อาการล้าให้เห็น ซึ่งตรงจุดนี้ แก้ไขได้ด้วยการฝึกซ้อม 

อย่างในเกมที่ชนะ เบรท์ฟอร์ด 4-1 นั้น 2 ประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในเกมนี้ ก็มาจากฝีเท้าของ ซาลาห์ จากการทำ 1 แอสซิสต์ให้กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ยิงเองอีก 1 ประตู ทำให้ตอนนี้ ซาลาห์ ซัดไปแล้ว 15 ประตู พร้อมทำอีก 9 แอสซิสต์ และ ตามไล่บี้ลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เหลือเพียงแค่ 1 ลูก

ซึ่งการได้ ซาลาห์ กลับมา ก็เหมือนว่า ลิเวอร์พูล ได้คลังแสงอาวุธที่อันตรายที่สุดกลับคืนมาแล้ว ยิ่งได้เห็นฟอร์มการเล่นของ บังโม ในเกมเจอ เบรนท์ฟอร์ด ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ ในวันที่ต้องเสีย โชต้า อีกหนึ่งนักเตะคนสำคัญไป แต่ในเกมวันพุธนี้ ที่ ลิเวอร์พูล มีคิวเจอกับ ลูตัน ทาวน์ เชื่อว่า คล็อปป์ คงไม่กล้าใช้งาน ซาลาห์ หนักเกินไป เผลอๆอาจนั่งเป็นสำรองด้วยซ้ำ เพราะหวั่นจะมีอาการบาดเจ็บ เนื่องจากเพิ่งหายกลับมา

ส่วนอีกเรื่อง ที่ ลิเวอร์พูล ต้องลุ้นอย่างหนัก และ ภาวนาให้เป็นข่าวดี ก็คืออาการของ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกสายคอนเทนต์ ที่เพิ่งยิงแบบเวิลด์คลาสชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู ให้ทีมขึ้นนำ เบรนท์ฟอร์ด แต่ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามช่วงพักครึ่ง เพราะรู้สึกเจ็บนิดๆที่บริเวณกล้ามเนื้อ

ล่าสุด มีรายงานว่า นูนเญซ อาจจะต้องเช็คความฟิตอย่างหนัก ก่อนกับ เชลซี เช่นเดียวกันกับ โจนส์ ซึ่งต้องรอการคอนเฟิร์มจากทางสโมสรอีกครั้ง หากไม่มี 2 คนนี้ เหมือนที่เสีย โชต้า ไปแล้ว ความน่ากลัวของ ลิเวอร์พูล คงหายไปเยอะ แต่ในขุมกำลังที่มีอยู่ ก็ต้องสู้กันสุดชีวิต ถ้าลงได้ครบ 11 คน ก็จะถอยหลังไม่ได้แล้ว ดังนั้นเพื่อแชมป์ใบแรก จาก 4 รายการ ที่พวกเขาหวังเอาไว้ เชื่อว่า หงส์แดง สู้ตาย เพื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ แน่นอน

ฮาย ฮาวดี้-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline