logo-heading

ปัจจัยที่ 1 คือการให้เวลา เรื่องนี้วิเคราะห์ไม่ยาก ยังไงลิเวอร์พูลก็มีภาษีดีกว่าเพราะ FSG ไม่ใช่ผู้บริหารใจร้อน พวกเขาบริหารทีมแบบยืนด้วยลำแข้ง ไม่หวังอะไรเกินตัว แล้วก็ไม่กดดันโค้ชมากเกินไปด้วย เหมือนกับที่ JK ได้รับโอกาสสร้างทีมเต็มที่ และต้องใช้เวลาถึง 4 ปีกว่าจะเสกแชมป์แรกให้สโมสรได้

ต่างกับบาเยิร์น พวกเขาคือยอดทีมแน่ แต่จากประวัติที่ผ่านมาไม่ค่อยมีโค้ชได้คุมยาว เช่น ทูเคิ่ลถ้าออกตอนพฤษภาคมก็จะได้คุม 1 ปี 2 เดือน, ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ได้คุมไม่ถึง 2 ปี, ฮันซี่ ฟลิค มีปัญหากับบอร์ดก็ไม่ถึง 2 ปี, นิโก โควัช 1 ปี 4 เดือน หรือจะเป็นอันเช่ที่ได้คุมแค่ปีเศษๆ เท่านั้น

สถิติการปลดโค้ชบาเยิร์น แทบไม่ต่างกับเชลซียุคเสี่ยหมีเลย ดังนั้น ถ้าวัดกันที่การให้โอกาสลิเวอร์พูลชนะ

ปัจจัยที่ 2 ความกดดันจากกุนซือคนเก่า อันนี้จะไม่คุยถึงเชิงประวัติศาสตร์ แต่จะคุยแค่โค้ชคนก่อนหน้าเท่านั้น ข้อนี้ก็วิเคราะห์ง่ายเช่นกัน หากอลอนโซ่ไปบาเยิร์นต่อทูเคิ่ล มันมีเปอร์เซ็นต์น้อยที่ผลงานจะแย่กว่า เพราะทูเคิ่ลช่วงนี้ฟอร์มตกจริงๆ ขนาดเป็นแชมป์ปีก่อน คนยังไม่ค่อยให้เครดิตเลย

ในทางกลับกัน การไปคุมลิเวอร์พูลต่อ JK เป็นอะไรที่โคตรกดดัน เขาสร้างทีมไว้ดีมาก จริงอยู่ว่าจำนวนโทรฟี่อาจไม่ได้มหาศาล แต่ก็ได้ครบทุกแชมป์เท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ JK รวมสปิริตของคนทั้งเมืองได้โคตรดี ชื่อชั้นของ JK จะถูกยกย่องระดับ God ซึ่งมันยากมากที่จะหาคนมาเทียบในเวลาอันใกล้

ความรู้สึกมันใกล้เคียงตอนยูไนเต็ดหาคนมาแทนเฟอร์กี้เลย ขนาดเอามอยส์มาก็แล้ว, ฟานกัลก็แล้ว, มูรินโญ่ก็แล้ว หรือใช้ตำนานอย่างโอเล่ก็แล้ว ยังไม่มีใครสอบผ่านแบบจริงจังสักคน ทำให้บาเยิร์นดูเป็นต่อในประเด็นนี้

ปัจจัยที่ 3 คือขุมกำลังปัจจุบัน จริงอยู่ว่าการคุมต่อจาก JK คือกดดันแน่ แต่ข้อดีคือคล็อปป์ทำทีมแบบห่วงคนรุ่นใหม่พอสมควร เขาพยายามเปลี่ยนถ่ายทีมตั้งแต่ซัมเมอร์ก่อน เสริมมิดฟิลด์ใหม่ถึง 4 คน ส่วนเกมรุกก็ได้ นูนเญซ, ดีอาซ, กั๊คโป มาเป็นเจนใหม่สักพักแล้ว เหมือนกับที่ JK พูดเองว่า ลิเวอร์พูล 2.0 ไม่จำเป็นต้องให้เขาคุมเองก็ได้

ส่วนบาเยิร์น อันที่จริงขุมกำลังทีมก็ยังไม่ได้อายุเยอะขนาดนั้น อยู่ในวัยพีกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีหลายคนที่อยู่กับทีมมานาน และมีข้อสงสัยเรื่องอนาคต เช่น มานูเอล นอยเออร์, โยชัว คิมมิช หรือตัวหลักอย่าง อัลฟองโซ่ เดวิส ก็มีข่าวว่าสนใจย้ายไปมาดริด ทำให้ลิเวอร์พูลดูเป็นต่อนิดๆ ในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายทีม 

ปัจจัยที่ 4 การเซตระบบให้ทีมใหม่ ถามว่าอลอนโซ่ไปคุมทีมไหนแล้วต้องเปลี่ยนสไตล์ฟุตบอลมากกว่ากัน คำตอบอาจเป็นลิเวอร์พูล เพราะสไตล์ JK เป็นฟุตบอลไดเรคต์ดุดัน ทำให้ส่งบอลสั้นเป็นอันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีก เฉลี่ยแม่นยำนัดละ 463.8 ครั้ง ส่วนบาเยิร์นของทูเคิ่ลส่งบอลสั้นเฉลี่ย 541.2 ครั้ง

อลอนโซ่เป็นสไตล์คอนโทรลเกม ได้รับอิทธิพลแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่ทีมชาติ เขาเลยเซตระบบให้เลเวอร์คูเซ่นส่งบอลเฉลี่ยเข้าเป้านัดละ 580.4 ครั้ง อันดับ 1 ของบุนเดสลีกา เป็นบอลสั้นเข้าทำตรงกลางชัดเจน นั่นหมายความว่า ถ้าต้องไปฝึกให้นักเตะบาเยิร์นเล่นแบบเขา กับไปฝึกให้ลิเวอร์พูลเล่นแบบเขา บางทีนักเตะบาเยิร์นอาจปรับตัวกับแผนได้ไวกว่า

ข้อนี้ผมเลยให้น้ำหนักไปที่บาเยิร์น ผลล่าสุดเสมอกัน 2-2

ปัจจัยที่ 5 ความยากง่ายของลีก ข้อนี้วิเคราะห์ไม่ยาก จริงอยู่ว่าบุนเดสลีกาอาจไม่ได้เติมความท้าทายให้อลอนโซ่ เพราะปีนี้ก็มีโอกาสทำได้ แต่อย่างน้อยการทำได้ 2 ปีติดมันก็เพิ่มเครดิตให้เขาเหมือนกัน แถมจากประวัติที่ผ่านมาบาเยิร์นผูกขาดบุนเดสมาตลอดด้วย กวาดมาแล้ว 11 สมัยติดต่อกัน ขณะที่พรีเมียร์ลีกได้ยากกว่า เพราะขนาด JK ที่ว่าเก่งขั้นเทพยังได้แค่สมัยเดียว

คุมบาเยิร์นมีโอกาสเป็นแชมป์ลีกมากกว่าลิเวอร์พูล ข้อนี้ค่อนข้างชัด มันดูเซฟโซนกว่า ไม่ต้องปรับตัวเข้ากับประเทศใหม่ด้วย สามารถซิ่งได้ทันที แต่ปัจจัยข้อต่อไป ซึ่งเป็นข้อที่ 6 อลอนโซ่ก็ต้องคิดให้ดี นั่นคือเรื่องทำร้ายจิตใจแฟนบอล

หากอลอนโซ่คุมทีมอื่นผลงานโอเค แล้วบาเยิร์นมาฉกตัวไป แฟนบอลก็คงไม่โกรธมาก แต่ถ้าคุณพาเลเวอร์เป็นแชมป์บุนเดสสมัยแรก แล้วทิ้งไปหาคู่แข่งที่เป็นปลาตัวใหญ่ของวงการ มันคงทำร้ายจิตใจแฟนบอลไม่น้อย 

ในทางกลับกันถ้าไปลิเวอร์พูล ผมเชื่อว่าแฟนบอลแฮปปี้ รับได้ อย่างน้อยก็ไปลีกอื่นเลย ดังนั้น ข้อนี้ผมให้ลิเวอร์พูลเป็นต่อ ผลสรุปคือเสมอกัน 3-3

ข้อสุดท้าย การเงินและประวัติศาสตร์ เป็นข้อที่วัดได้ยากสุด แต่ผมให้เสมอกัน ซึ่งไม่ได้จงใจให้เสมอเพื่อกันดราม่า แต่ผมคิดว่าสูกันจริงๆ ครับ

บาเยิร์นแชมป์ยุโรป 6 สมัย ลิเวอร์พูลเองก็ 6 สมัย หรือจะเป็นการเงิน จริงอยู่ว่าบาเยิร์นดูพรีเมียมกว่าเวลาเสริมทัพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าลิเวอร์พูลไม่ทุ่มเลย เอาอย่างปีล่าสุดถ้า มอยเซส ไกเซโด้ ไม่ตกลงกับเชลซีไปก่อน ป่านนี้คงเป็นนักเตะใหม่ลิเวอร์พูลด้วยราคา 110 ล้านปอนด์ไปแล้ว 

หรือจะเป็นเพดานค่าเหนื่อย Salarysport บอกว่าแพงสุดบาเยิร์นคือ แฮร์รี่ เคน ประมาณ 362,000 ปอนด์ ส่วนลิเวอร์พูลคือซาลาห์ 350,000 ไม่ได้หนีกันเยอะมาก ซึ่งถ้าให้สรุปง่ายๆ คือเจ้าของลิเวอร์พูลก็มีเงิน ไม่ใช่ไม่มี ยิ่งถ้าปีไหนผลงานดี ต้องจ่ายแอดออนค่าเหนื่อยนักเตะมหาศาลด้วย

ท้ายที่สุด หากตัดสินในแง่ของฟุตบอล ผมมองว่าการไปลิเวอร์พูลหรือบาเยิร์น ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน อันนี้คือวิเคราะจากมุมย้ายทีมเท่านั้น ยังไม่ได้คุยเรื่องโอกาสอยู่เลเวอร์คูเซ่นต่ออีกปี ซึ่งก็เป็นไปได้

หากต้องหาข้อสรุป ผมคิดไว้แบบนี้ 

คือมันดีต่ออลอนโซ่ทั้ง 2 งาน ถ้าไปบาเยิร์นคือเมกชัวร์กว่า เครดิตน่าจะคูณ 2 ส่วนถ้าไปลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ยากกว่า สำหรับผมคือ High Risk High Return มีความเสี่ยงมากกว่า แต่ถ้าคว้าแชมป์ได้ขึ้นมา เครดิตมันจะคูณเพิ่มเป็น 4 เท่า

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline