logo-heading

ลิเวอร์พูลโดนตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แต่ระยะยาวอาจเสียเปรียบซิตี้หรืออาร์เซน่อล เพราะมีตัวเจ็บเยอะกว่า ซึ่งตามหลักมันก็ควรเป็นแบบนั้น จนกระทั่ง JK กล้าดันเด็กมาเล่นตั้งแต่นัดชิงลีกคัพ

ตอนเห็นฟอร์ม เจมส์ แม็คคอนเนลล์, บ็อบบี้ คลาร์ก หรือเจย์เด้น แดนน์ส ลงสนามนัดชิงช่วงแรก ผมยังไม่ได้ว้าวมาก เพราะอาจจะตื่นสนามกันได้ แต่พอคล็อปป์มีโอกาสได้กระตุ้นเด็กเหล่านี้ช่วงจบ 90 นาที ปรากฏว่าช่วงต่อเวลาพิเศษกลายเป็นเล่นดีแบบเหลือเชื่อ 

ทุกคนกลับมาลงเล่นด้วยความมั่นใจ เล่นดีกว่าเชลซีด้วยซ้ำ ซึ่งต้องให้เครดิต JK ที่ปลุกใจนักเตะโคตรเก่ง ทำให้นักเตะมีความเชื่อมั่น แถมยังสานต่อด้วยเกม FA ที่ชนะเซาธ์แฮมป์ตัน มันคือนัดที่สถานการณ์บังคับว่าต้องใช้ดาวรุ่ง เพราะตัวหลักเจ็บไปเยอะ แต่พวกเขาก็ยังเอาตัวรอดได้ดีเยี่ยม แถมคนยิง 3 ประตูยังเป็นดาวรุ่งหมดเลยด้วย

พอเห็นแบบนี้ ผมเลยรู้สึกว่าเด็กเหล่านี้มีลุ้นเป็นขุมกำลังเชิงลึกให้ทีมได้ โดยเฉพาะในรายการยูโรปา ที่มีความสำคัญน้อยกว่าพรีเมียร์ลีก

หากดูจากโปรแกรม ลิเวอร์พูลสามารถสลับชุดนักเตะกันลงได้เลย เริ่มจากเกมลีกเสาร์นี้จัดชุดใหญ่ไปเยือนฟอเรสต์, จากนั้นโรเตชั่นเอาเยาวชนลงเล่นในเกมยูโรปากับ สปาร์ต้า ปราก

พอตัวหลักได้พักเกมยุโรป ก็น่าจะมีร่างกายฟิตเต็ม 100 สำหรับบิ๊กแมตช์เจอกับซิตี้วันที่ 10 มีนาคม ซึ่งเป็นนัดสำคัญ ถ้าอยากเป็นแชมป์ซีซั่นนี้ ไฟต์บังคับเลยว่าอย่างน้อยควรมี 1 แต้ม 

เมื่อใส่เต็มกับซิตี้ ก็ไปโรเตชั่นอีกทีกับยูโรปาเลก 2 ได้ตามปกติ ก่อนจะกลับมาเล่น FA แดงเดือดไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งคนอาจจะแซวว่าส่งดาวรุ่งเลยไหม? แต่ผมคิดว่า ในเมื่อโรเตชั่นบอลยุโรปมาแล้ว นัดนี้ก็สามารถจัดเต็มได้ 

นั่นหมายความว่า 5 นัดจากนี้ ลิเวอร์พูล สามารถสลับตัวจริงกับเยาวชนลงได้เลย กลายเป็นอยู่ดีๆ ทีมก็มีขุมกำลังเชิงลึกเพิ่มมาซะงั้น 

หากลิเวอร์พูลเลือกทำแบบนั้นจริง ผมไม่ได้มองว่า JK จงใจทิ้งรายการยุโรปด้วยครับ เพราะผมเชื่อว่าเขาจะปลุกใจนักเตะว่า ถ้าอยากลงเล่นชุดใหญ่มากกว่าเดิม ตอนไปเล่นยูโรปาก็ต้องพยายามชนะให้ได้ ซึ่งถ้าชนะและผ่านเข้ารอบได้ เด็กเหล่านี้ก็จะได้เล่นรอบต่อไปเรื่อยๆ ด้วย

อารมณ์ประมาณว่า ถ้าตกรอบก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเข้ารอบ มันคือโบนัสที่จะบูสต์ประสบการณ์ดาวรุ่งเพิ่มไปอีก 

เท่านั้นไม่พอ หลังจบเกมแดงเดือดจะมีเบรกทีมชาติมาคั่นด้วย ซึ่งถ้าอ้างอิงจากเว็บไซต์ Premier Injuries ที่วิเคราะห์อาการเจ็บนักเตะ คาดว่าตัวหลักอย่าง อลีสซง และเทรนต์ จะกลับมาหลังเบรกทีมชาติพอดี 

เมื่อรวมกับแก๊ง โซโบสไลซ์, ซาลาห์, นูนเญซ, เอ็นโด หรือโจนส์ ที่น่าจะฟิตตั้งแต่เกมลีกสุดสัปดาห์นี้ นั่นหมายความว่า หากลิเวอร์พูลไม่ซวยมีใครมาเจ็บเพิ่มเติมอีก เชื่อว่าช่วงปลายเดือนมีนาคม - ต้นเมษายน พวกเขาจะมีขุมกำลังสมบูรณ์เกือบ 100%

คนสำคัญที่อาจหายไม่ทันคือ ดีโอโก้ โชต้า สื่อคาดว่าจะกลับมากลางเมษายน แต่ระหว่างรอหายเจ็บก็ใช้ 3 แนวรุกเป็น ดีอาซ, นูนเญซ และซาลาห์ ได้แบบไม่มีอะไรต้องเขิน หรือจะเป็น กั๊คโป กับ เอลเลียตต์ ก็สลับลงเล่นแทนกันได้

สิ่งสำคัญคือ JK จะกระตุ้นดาวรุ่งให้เป็นแบ็กอัพที่ดีไปตลอดทางได้ไหม? ถ้าทำได้ แผนสลับชุดผู้เล่นเพื่อเน้นเกมลีกก็มีโอกาสสำเร็จ

หากเป็นโค้ชคนอื่น ผมไม่เชื่อมั่นเท่าไหร่ แต่พอเป็นคล็อปป์เวอร์ชั่นเตรียมอำลา + พลังนักเตะที่สู้เพื่อโค้ชคนนี้เต็มที่ ทุกคนอยากเห็น JK จบกับลิเวอร์พูลแบบสวยงามที่สุด

ถ้ามีเลือกให้ 2 ชอยส์ว่า จะรักษาสภาพจิตใจนักเตะได้ หรือไม่ได้? ผมเอียงไปทางทำได้เกิน 70%

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline