logo-heading

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ! โจ โกเมซ จากตัวตลกสู่ดาวเตะสารพัดประโยชน์ของ ลิเวอร์พูล

จากนักเตะที่แฟนบอลไม่ต้องการ แถมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนาๆถึงฟอร์มการเล่น ในยามที่ลงสนามมามักสร้างความบรรลัยให้กับทีมได้ตลอด รวมไปถึงสภาพร่างกายที่มักจะถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอยู่เสมอ 

จนฤดูกาลปัจจุบัน โจ โกเมซ ถูกรับบทบาทเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์คอยอุดแนวรั่วในแผงหลัง ซึ่งปรากฏว่ามันกลับดีกว่าที่คาดเอาไว้ โกเมซ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกตำแหน่งที่ เจอเก้น คล็อปป์ จับลงสนาม 

โดยเฉพาะกับตำแหน่งแบ็คซ้ายที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง จนทำเอาแบ็คซ้ายตัวจริงที่เพิ่งจะหายเจ็บกลับมาอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ถึงกับต้องหลีกทางให้กับ เทพ โจ โกเมซ กันเลยทีเดียว

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม จะพาไปเจาะลึกถึงเรื่องราวของ โจ โกเมซ ว่าตัวเขานั้นผ่านอะไรมากบ้าง จนกลายเป็นนักเตะที่ ลิเวอร์พูล ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว

โจ โกเมซ ได้ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2015 ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ จาก ชาร์ลตัน แอธเลติก พร้อมกับเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ เป็นระยะเวลา 5 ปี ในยุคของ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส 

โดยกุนซือชาวไอริส ตั้งเป้าหมายให้ดาวเตะผู้นี้เติบโตไปเป็นแข้งระดับท็อปของทีมในอนาคต ด้วยคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความแข็งแกร่ง รวมไปถึงความหนักแน่นดุดัน 

โจ โกเมซ เปิดตัวในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล ในตำแหน่งแบ็คซ้าย ในเกมที่พบกับ สโต๊ค ซิตี้ พร้อมกับผลงานที่เรียกได้ว่าเหมือนฝัน เขาแอสซิสต์ให้กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซัดประตูชัยในช่วงท้ายเกม ทำให้เกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายคว้า 3 แต้มเอาไว้ได้

 


 

ทุกอย่างเหมือนกำลังไปได้ดีใช่ไหมหละครับ แต่ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายแบบนั้น โจ โกเมซ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเอ็นไขว้หน้าฉีกขาด หรือ ACL ที่เรารู้จักกันดี ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวราวๆเกือบ 1 ปี พลาดลงสนามไปกว่า 104 นัด

พอ โกเมซ หายจากอาการบาดเจ็บ และเรียกความฟิตพร้อมกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง แต่ปรากฏว่าฟอร์มจากที่เคยดี กลับดิ่งลงเหวแบบกู่ไม่กลับ สร้างความผิดพลาดเสมอตลอดที่ลงสนามให้กับทีม

รวมถึงอาการบาดเจ็บก็คอยเล่นงานเจ้าตัวอย่างต่อเนื่อง จนขาดความต่อเนื่องในการลงสนาม จนผลงานก็ค่อยๆออกทะเลไปเรื่อยๆจนตกเป็นตัวสำรองในตัวเลือกสุดท้ายของทีม

แต่เชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ เพราะในฤดูกาล 2019 กองหลังตัวหลักอย่าง โจเอล มาติป ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เป็นโอกาสของ โกเมซ ที่จะได้เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาอีกครั้ง

และเขาก็ตอบความไว้วางใจจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยการโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และการยืนคู่กับสุดยอดเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จนสามารถพาทีมประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ หรือ ถ้วยใบใหญ่ในยุโรปอย่าง ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และ อื่นๆอีกหลายรายการ จึงทำให้เขาถูกยกย่องจากแฟนบอลว่านี่คือคู่หูกองหลังที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในขณะนั้น

แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนล้า เพราะกรำศึกหนักมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้ในฤดูกาลต่อมาอาการบาดเจ็บได้กลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง 

คราวนี้มันกลับเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ โกเมซ ได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นหัวเข่าซ้ายอย่างรุนแรง ทำให้ต้องพักไปเกือบๆหนึ่งปีเต็ม

 

 

ทำให้ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลเขากลับมาสู่วังวนแห่งความเลวร้ายอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โกเมซ ก็ไม่เคยอยู่ในฟอร์มที่คงเส้นคงวาอีกเลย สามวันดีสี่วันไข้ ผีเข้าผีออก

จนทำให้ช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขาถูกมองว่าทีมจะขายออกไป แต่เมื่อไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทำให้ โกเมซ ต้องมุ่งมั่นฟิตร่างกาย และจิตใจให้อยู่แค่กับฟุตบอลเท่านั้น

โกเมซ พยายามฝึกซ้ออย่างหนัก พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และฉกฉวยโอกาสที่จะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งให้จงได้

และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง โจ โกเมซ ก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือไปเมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รวมไปถึง คอสตาส ซิมิคาส ได้รับบาดเจ็บทำให้ไม่มีตำแหน่งแบ็คซ้ายเหลืออยู่แล้ว

โกเมซ ก็ไม่ลังเลที่จะคว้าโอกาสนั้นแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่ตัวเองถนัดก็ตาม เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เกมรับเหนียวแน่นแข็งแกร่งแทบไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น

จังหวะการเติมเกมรุกเองก็ทำได้ดี รวมไปถึงการเล่นในบทบาทอินเวิร์ดฟูลแบ็ค ที่หุบเข้ามาช่วยตรงกลาง ทำให้เขามีอิสระในการเล่นมากขึ้น ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำเอาแฟน หงส์แดง หลายท่านต่างเชียร์ให้ โกเมซ ยืนเป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ็คซ้ายเลยเสียด้วยซ้ำ 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ เทพโจ โกเมซ คือตำแหน่งแบ็คซ้ายไปเสียแล้ว

อีกทั้งนัดล่าสุดที่ผ่านมานัดที่เปิดบ้านถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 ในศึก เอฟเอ คัพ โจ โกเมซ ก็ได้ประเดิมกับตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรับ เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ 

จากนักเตะที่แฟนหงส์ต่างร้องยี้ยามที่เขาลงสนาม กลับเป็นเสียงชื่นชม จากนักเตะที่ถูกมองว่าจะถูกโละออกจากทีม กลับกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ กลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่พร้อมช่วยทีมเสมอในยามที่ลงสนาม ทุ่มเททุกครั้งที่ได้รับโอกาส ไม่มีเสียงบ่นเลยแม้จะถูกนั่งเป็นตัวสำรอง 

เชื่อได้เลยว่าหาก ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จกับถ้วยรางวัลต่างๆในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่า โจ โกเมซ จะเป็นอีกหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนทีมไปให้ถึงจุดนั้นอย่างแน่นอน

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline