logo-heading

ข้อแรก ข้อสำคัญที่สุด อาร์เซน่อลเริ่มปรับตัวกับการเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้ 

ย้อนกลับไปตอนต้นฤดูกาล พวกเขามีปัญหาเจาะทีมเล็กไม่ค่อยเข้า เจอแต่ทีมมาอุดทั้งนั้น ขนาดซาก้ายังให้สัมภาษณ์ว่าเจอ 2 รุม 1 มากกว่าเดิม ต้องพยายามหาวิธีเลี้ยงแหวกใหม่ๆ ซึ่งต่างจากฤดูกาลก่อนที่ไม่ได้แข็งขนาดนี้

ทำไมปีนี้ถึงยากกว่าเก่า? สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ฤดูกาลก่อนหลายทีมสบประมาทอาร์เซน่อล ไม่คิดว่าจะลุ้นแชมป์ได้ เลยกล้าเปิดเกมแลกใส่ แต่ตอนนี้ทุกทีมตาสว่างแล้วว่าอาร์เซน่อลแกร่งมาก เลยต้องเล่นแบบรับลึกแล้วรอโต้ 

พอเล่นแบบนี้มันก็ทำให้อาร์เซน่อลบุกยากกว่าเก่า จนมีสถิติออกมาว่า ช่วงก่อนไปเข้าแคมป์ที่ดูไบ อาร์เซน่อลอาจจะเป็นทีมลุ้นแชมป์ก็จริง แต่ยิงประตูเป็นอันดับ 7 ของลีกเท่านั้น 

หรือจะเป็นค่า XG ซึ่งหมายถึงสถิติที่ควรจะเป็นประตู ปรากฏว่าอาร์เซน่อลอยู่อันดับ 5 เท่านั้น เรียกว่าเกมรุกจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ดร็อปมาก ทั้งที่ฤดูกาลก่อนยิงเยอะเป็นอันดับ 2 ของลีกเลย 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่กลับมาจากดูไบ บวกกับเริ่มปรับตัวเวลาเจอทีมเล็กได้ มันเลยทำให้อาร์เซน่อลเกมรุกโคตรโหด ยิงถล่มมาหลายนัดจนยิงประตูเป็นอันดับ 1 พรีเมียร์ลีกแล้ว ทั้งที่ก่อนไปดูไบยังอยู่อันดับ 7 อยู่เลย

ซาก้าที่เคยฝืดๆ ช่วงก่อนไปดูไบ กลับมาก็ดีขึ้นแบบทันตา นี่คือนักเตะที่ผมเลือกเอาไว้ในแฟนตาซีทุกนัด ไม่ถอดเด็ดขาดเพราะความมั่นใจกำลังพุ่ง และเหมือนเจ้าตัวคิดสูตรในหัวออกแล้วว่า เวลาเจอทีมเล็กต้องเจาะยังไง? สถิติเลยออกมาว่า 7 นัดหลังสุดเขามีส่วนร่วมถึง 9 ประตู 

ปัจจัยข้อที่ 2 อาร์เซน่อลยังรักษาทีเด็ดเซตเพลย์ได้คงเส้นคงวา ผมเคยเขียนวิเคราะห์ไปแล้วเมื่อเดือนก่อนว่า นิโคลัส โยเวอร์ ที่เป็นสต๊าฟฟ์ดูแลเรื่องนี้ คิดสารพัดสูตรโคตรเก่ง ไม่ว่าจะเป็นสูตร 'น้ำท่วม' เอานักเตะทั้งทีมไปรุมเสา 2 แล้วค่อยเปลี่ยนมารุมเสาแรกในเวลาเพียงเสี้ยววินาที 

หรือจะเป็นการเอา เบน ไวท์ ไปป่วนผู้รักษาประตูกับกองหลังคู่ต่อสู้ เป็นการสกรีนเพื่อเปิดทางให้เพื่อนโจมตีได้ ซึ่งสถิติบอกว่าตอนนี้อาร์เซน่อลยิงประตูจากลูกเซตเพลย์ไปแล้วถึง 18 ลูก เยอะเป็นอันดับ 1 พรีเมียร์ลีก ในขณะที่ซิตี้, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส 10 ประตู และเชลซีกับยูไนเต็ด 7 ประตู 

สถิติบอกด้วยว่า เวลาที่อาร์เซน่อลได้เตะมุม ทุกการเตะเฉลี่ย 2.4 ครั้ง พวกเขาจะได้ลุ้นทำประตูทันที เรียกว่ามีประสิทธิภาพทุกรอบ ส่วนเกมรับก็ทำได้ดีเช่นกัน อาจจะไม่ใช่ทีมเสียน้อยสุด เพราะอันดับ 1 คือแมนฯ ซิตี้ 2 ประตู ตามมาด้วยฟูแล่ม 3 ประตู แต่อาร์เซน่อลคืออันดับ 3 ร่วมกับวูล์ฟ ซึ่งโดนยิงไปแค่ 5 ประตู

ปัจจัยสุดท้าย ฟอร์มของฮาแวร์ตซ์และจอร์จินโญ่ที่ช่วงนี้ร่างทองจัด

จอร์จินโญ่เริ่มได้โอกาสมากขึ้นระยะหลัง ซึ่งผมคิดว่าเล่นดีตั้งแต่เกมที่ชนะลิเวอร์พูล ทำให้ 4 นัดหลังสุดในลีกเป็นตัวจริงไปถึง 3 นัด เป็นตัวคุมจังหวะแดนกลาง คอยสวิตช์บอลซ้ายขวาให้เพื่อนไปทำเกมรุกต่อ 

สถิติบอกว่านัดล่าสุดที่ถล่มเชฟฟิลด์ 6-0 จอร์จินโญ่วางบอลยาวเข้าเป้าถึง 6 ครั้ง ผ่านบอลแม่นยำ 92.2% หรือจะเป็นนัดเจอนิวคาสเซิ่ลโชว์สถิติเชื่อมเกมสุดโหด ผ่านบอลทั้งเกม 103 ครั้ง 

ฮาแวร์ตซ์เองก็ดีมากๆ ยิงประตูในลีกมา 3 นัดติดต่อกัน และมีส่วนถึง 5 ประตูจาก 3 นัดหลังสุด 

ผมเคยวิเคราะห์ไปตั้งนานแล้วว่า ฮาแวร์ตซ์ไม่เหมาะกับการเล่นเบอร์ 8 เพราะสมัยอยู่เชลซีแทบไม่ได้เล่นเลย หรือจะเป็นตอนอยู่เลเวอร์คูเซ่นก็ไม่เคยเล่น 

ตอนที่เป็นดาวรุ่งขึ้นมาใหม่ๆ ฮาแวร์ตซ์เคยเป็นเบอร์ 10 มาก่อน แต่ช่วงที่เล่นดีสุดกับเลเวอร์คูเซ่นคือฟอลส์ 9 เช่นเดียวกับตอนอยู่เชลซี ตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือหน้าต่ำ ไม่ว่าจะเป็นปีได้แชมป์ UCL หรือปีได้สโมสรโลกที่เป็นรองดาวซัลโวของทีม

ผมเชื่อมาตลอดว่า ฮาแวร์ตซ์น่าจะถนัดกับวิธีเล่นหันหลังให้กองหลัง แบบที่ฟีร์มิโน่เลยเคยให้ลิเวอร์พูล ไม่ใช่หันหน้าเข้าใส่แนวรับ แบบที่โอเดการ์ดถนัด ทำให้การจับไปยืนกองหน้าใน 2 นัดหลังสุด ดูจะเป็นผลลัพธ์ที่ดี 

อันที่จริงยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้อาร์เซน่อลฟอร์มแรง แต่ผมคิดว่า 3 ข้อนี้คือสำคัญสุด มันคือเหตุผลหลักที่สร้างความแตกต่างได้ ส่วนเรื่องเกมรับผมจะไม่ได้พูดถึงเท่าไหร่ เพราะพวกเขามีสถิติดีตั้งแต่ก่อนไปดูไบแล้ว

นี่คือซีซั่นที่คุณห้ามประมาทอาร์เซน่อลเด็ดขาด หากด้านบนอย่างลิเวอร์พูลและซิตี้สะดุดขึ้นมา พวกเขารอเสียบแน่ โดยเฉพาะบิ๊กแมตช์สัปดาห์นี้ทั้งคู่เจอกันเองด้วย หากเสมอกันแล้วอาร์เซน่อลชนะ พวกเขาจะผงาดจ่าฝูงเลย 

ปีก่อนเป็นทีมลุ้นแชมป์ แต่ประสบการณ์ไม่เข้ม เลยโดนซิตี้แซงช่วงท้าย

น่าสนใจเหลือเกินว่า เมื่อประสบการณ์ตอนนี้เริ่มดีขึ้น และเริ่มคุ้นชินเวลาเจอทีมเล็กแล้ว พวกเขาจะเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 20 ปีได้หรือไม่?

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline