โหมโรงก่อนเกมที่ ทีมชาติไทย มีคิวพบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทั้ง 2 นัด ในวันที่ 21 มีนาคม 2567 ที่สนาม โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม ก่อนจะกลับมาเล่นที่ไทย ในวันที่ 26 มีนาคม 2567 ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ช้างศึก ภายใต้การคุมทัพโดย มาซาทาดะ อิชิอิ ได้ประกาศ 23 ขุนพลซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เล่นจากชุดลุย ศึก เอเชี่ยน คัพ 2024 เกือบทั้งหมด และเรียกเข้ามาเพิ่มอีก 4 ราย อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกซูเปอร์สตาร์จาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, บุญยเกียรติ วงค์ษาแจ่ม นายด่านหน้าหยก จาก อุทัยธานี เอฟซี, ปกเกล้า อนันต์ กองกลางจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ปรเมศย์ อาจวิไล กองหน้าที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด
กุนซือเลือดปลาดิบ ยังคงเลือกนักเตะชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างมีจำกัด บวกกับผู้เล่นชุดเดิมทำผลงานออกมาได้ดีในทัวรนาเมนต์ที่ผ่านมา และเข้าใจแท็กติก ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดี ณ ตอนนี้
ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติเกาหลีใต้ ของ ฮวาง ซอน-ฮง อดีตกุนซือเกาหลีใต้ชุด U23 ที่เข้ามาขัดตาทัพ แทน เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ที่ถูกปลดจากตำแหน่งหลังทำผลงานไม่เป็นไปตามเป้าในศึก เอเชี่ยน คัพ 2024 ที่ผ่านมา ขนซูเปอร์สตาร์ดังติดทีมเกือบทั้งหมด นำทัพโดย ซน ฮึง-มิน, อี คัง-อิน, คิม มิน-แจ และโช กยู-ซอง โดยขาดเพียง ฮวาง ฮี-ชาน กองหน้าจากวูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา และพักนานถึง 6 สัปดาห์
ซึ่งการเรียกตัวผู้เล่นแบบจัดเต็มของทัพ โสมขาว ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีทางประมาท ช้างศึก อย่างแน่นอน และสถานการณ์พวกเขาตอนนี้ยังไม่ผ่านเข้ารอบ 100 เปอร์เซ็นต์ มีเป้าหมายต้องเก็บให้ถึง 12 คะแนน เพื่อการันตีการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
สถิติการพบกันที่ผ่านมาทั้งหมด 75 ครั้ง ทีมชาติเกาหลีใต้ ชนะ 52 เสมอ 12 แพ้ 11 โดยเกมแรกที่ต้องไปเยือนที่ โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม จะต้องพบเจอกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ รวมถึงบรรยากาศแฟนบอลที่คาดว่าจะเข้ามาชมเกมเต็มความจุ เพื่อกดดันคู่แข่ง
หากมองดูในด้านชื่อชั้น ขุมกำลังต่างๆ แน่นอนว่าเราอาจดูเป็นรองอยู่พอสมควร แต่ 2 ข้อสำคัญที่ทีมชาติไทยจะต้องมีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทัพ โสมขาว มีดังนี้
สวมจิตวิญญาณนักสู้ ไม่มีคำว่าเกรงกลัว
ทีมชาติเกาหลีใต้ คือชาติที่ได้ไปฟุตบอลโลกเกือบทุกครั้ง มีขุมกำลังล้วนนมีคุณภาพคุณภาพ ดังนั้นถ้าเราอยากได้ผลการแข่งขันที่ดี นอกจากแท็กติกและวิธีการเล่นแล้ว เรายังต้องสวมจิตวิญญาณนักสู้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง คือข้อแรกที่ต้องมี
งัดศักยภาพทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ และดีที่สุด
จากผลงานในเอเชี่ยนคัพ 2024 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า มาซาทาดะ อิชิอิมัก มีทีเด็ดในการรับมือกับทีมต่างๆ เสมอ ทั้งการจัดตัวผู้เล่น การเรียกผู้เล่นมาประชุมเพื่อทำความเข้าใจและปรับแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด โดยนักเตะหลายๆ คน เรียกว่ามีฟอร์มที่พัฒนาขึ้น ดังนั้นบรรดาแข้งหน้าใหม่ที่ติดธงครั้งแรกต้องปรับตัว-ความเข้าใจกับแผน หากทำได้เร็วที่สุดก็จะยิ่งผลดีต่อระบบการเล่นภายในทีม
เกมนี้จึงถือเป็นงานสุดหินของ ทีมชาติไทย แต่ลึกๆ ก็ยังเชือว่า มาซาทาดะ อิชิอิ จะมีทีเด็ดเตรียมรับมือคู่แข่ง โดยมีเป้าหมายให้นักเตะแสดงศักยภาพออกมาให้ดีที่สุด เล่นตามแท็กติกที่วางไว้ และเก็บแต้มออกมาให้ได้ในเกมแรก
ท้ายที่สุดกำลังใจจากแฟนบอลชาวไทยที่นำมาหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว เปรียบเสมือนเป็นผู้เล่นในสนามคนที่ 12 คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้นักเตะได้สู้เต็มที่ เพื่อนำผลการแข่งขันที่ดีมาฝากให้แก่แฟนบอลได้อย่างแน่นอน
Aom Sin