logo-heading

[20 นาทีแรก แท็กติกรับ 4-4-2 ตัดกลางโต้]

ทีมชาติไทยมาในแผน 4-2-3-1 แต่ภาพรวมเล่นเป็น 4-4-2 มากกว่า โดยช่วงเล่นเกมรับ ชนาธิป จะยืนเป็นกองหน้าคู่กับ ศุภชัย หน้าที่หลักคือพยายามกดดัน ฮวัง อิน-บอม มิดฟิลด์ของเกาหลีใต้ 

การกดดันแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าไทยเล่นเพรสซิ่งสูง เพราะแผนหลักคือทำให้ อิน-บอม ขึ้นบอลลำบากที่สุด ทำให้รำคาญที่สุด ซึ่งในเมื่อบิวด์อัพคนเดียวไม่ได้ เกาหลีใต้ต้องเอามิดฟิลด์คนอื่นถอยต่ำลงมาช่วยขึ้นเกม

พอเกาหลีใต้ต้องใช้มิดฟิลด์ 2 คนบิวด์อัพ มันก็ทำให้ตัวรุกน้อยลง แล้วพอตัวรุกน้อยลง สปีดเกมรุกของเกาหลีใต้เลยดร็อปไปเยอะ นอกจากนี้ มันจะมีบางจังหวะที่เกาหลีใต้พยายามฝืนขึ้นเกมคนเดียว เลยมีหลายครั้งที่จ่ายเสียกันเองตรงกลางสนาม ซึ่งเมื่อทีมชาติไทยตัดบอลได้ เลยมีลุ้นทำประตูหลายครั้ง

[อีกจุดเด่นคือสลับพื้นที่เกมรับดีมาก]

แผนเกมรับอีกข้อที่ชอบ เห็นตั้งแต่ตอนแข่งเอเชียนคัพแล้ว คือการตั้งโซนเกมรับแบบสั่งให้นักเตะเล่นไฮบริด ฟูลแบ็กต้องเล่นเป็นแบ็กกึ่งเซนเตอร์ และปีกธรรมชาติ ต้องเล่นเป็นปีกกึ่งวิงแบ็ก

เผื่อใครไม่เห็นภาพ เวลาเกาหลีใต้พาบอลไปถึงพื้นที่สุดท้าย แบ็ก 2 ข้างของไทยอย่าง ธีราทร และมิคเกลสัน จะหุบเข้าไปในกรอบเขตโทษ จนเหมือนมีเซนเตอร์ 4 คน ทำให้พื้นที่เหลือน้อยที่สุด ขณะที่ปีกอย่าง ศุภโชค และเจริญศักดิ์ จะถอยต่ำลงมาเล่นเหมือนเป็นวิงแบ็ก

เท่ากับว่าช่วงที่ตั้งรับสุดขั้ว ทีมชาติไทยเล่นเหมือนมีกองหลัง 6 คน ปิดพื้่นที่สนิทจนเกาหลีใต้เข้าทำยากมาก

ตอนที่เจอแบบนี้ เกาหลีใต้พยายามแก้ทางด้วยเทคนิควิ่งสลับตำแหน่ง เช่น ปีกขวาพยายามถอยต่ำลงมา เพื่อดึงตัวประกบอย่างธีราธรให้หลุดตำแหน่ง แล้วจากนั้นจะให้แบ็กขวาอย่าง โซล ยอง-วู เติมเกมสูงไปเป็นปีกขวาแทน 

เรียกว่าวิ่งสลับฟันปลากันเลย แต่ต้องชมระเบียบวินัยศุภโชค ที่วิ่งตามสุดเส้นเพื่อทดแทนพื้นที่ธีราธรได้ดีมาก คัฟเวอร์ตำแหน่งกันโคตรดี จนทำให้แท็กติกนี้ของเกาหลีใต้ไม่ได้ผล ในเมื่อคุณรุกสลับฟันปลาด้านข้าง ไทยก็รับแบบสลับเช่นกัน

[แผนเกมรับแตก เจอแก้ทาง]

แผนของไทยมาดีมาก แต่หลังนาที 25 เจอเกาหลีใต้แก้ทางใหม่ พวกเขาสั่งให้ปีก 2 ข้างหุบเข้ามายืนใกล้ ซน เฮือง มิน มากขึ้น ยืนประชิดมาก เพื่อไม่ให้สตาร์เบอร์ 1 ของพวกเขาเงียบเกินไป ส่วนพื้นที่ด้านข้างก็สั่งให้แบ็ก 2 ข้างลอยสูงแทน

เกาหลีใต้พยายามขึงแบบสุดตัว และในเมื่อไทยลงไปรับเต็มสูบ คู่เซนเตอร์อย่าง คิม มิน-แจ และ คิม ยอง-กวอน เลยกล้าดันมาถึงครึ่งสนาม ซึ่งทีเด็ดของเกาหลีใต้ก็คือ ในเมื่อปีก 2 ข้างหุบเข้ามาข้างในหมดแล้ว แผนของเขาเลยสั่งให้มิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกมวิ่งสอดพื้นที่ด้านข้างแทน

สังเกตจังหวะเสียประตู คนที่ส่งให้ ซน เฮือง มิน ยิงประตูไม่ใช่ตำแหน่งปีกอย่างที่ควรจะเป็น แต่มิดฟิลด์ตัวกลางฝั่งซ้ายอย่าง ลี แจ-ซุง ที่วิ่งสอดเข้าไปแทน จนทำให้เจริญศักดิ์ที่เป็นปีกขวา ไม่ทันระวังตัว เพราะปกติเกาหลีจะใช้แบ็กกับปีกโจมตีพื้นที่นี้ แต่หนนี้ใช้เป็นกองกลางแทน

[ทีเด็ดศุภณัฏฐ์ ฉลาดวิ่ง ฉลาดยิง]

ครึ่งหลังไทยมาตีเสมอได้ โคตรสะใจ จังหวะนี้ต้องชมเซนส์บอลของศุภณัฏฐ์ โดยเจ้าตัวลงมาเล่นเป็นปีกขวา แต่ทันทีที่เพื่อนทุ่มบอลมาตรงกลาง เขาพยายามวิ่งฉีกไปทางซ้ายแทน เพื่อดึงฟูลแบ็กเกาหลีใต้ตามไปด้วย

ทันทีที่ฟูลแบ็กเกาหลีใต้หลุดตำแหน่ง มันเลยเปิดโอกาสให้ มิคเกลสัน เติมขึ้นมาแบบโล่งๆ ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่านไปเสาไกล แล้วเป็นศุภณัฏฐ์ที่ชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือ 1-1 

นอกจากศุภณัฏฐ์จะดึงตัวประกบจังหวะแรกสวยแล้ว จังหวะยิงประตูก็เซนส์ดีจริงๆ ทักษะการเล่นแบบ Off the Ball หรือการเล่นตอนไม่มีบอลยอดเยี่ยมมาก

[ท้ายเกมปรับแท็กติก รับสุดขั้วจนมีแต้ม]

พอตีเสมอได้ เกาหลีใต้พยายามบุกแบบสุดตัว และพยายามเอากองกลางวิ่งสอดเหมือนตอนยิงประตูขึ้นนำ ซึ่งเจาะเข้าเสียด้วย แต่ต้องชมมือกาวทีมชาติไทย ปฏิวัติ คำไหม ที่เซฟสำคัญได้ทุกรอบ

พอท่าทีไม่ค่อยดี กุนซืออิชิอิเลยปรับหมากอีกหน ด้วยการส่ง สารัช อยู่เย็น ลงมาเล่นแทนชนาธิป พร้อมปรับแท็กติกเกมรับจาก 4-4-2 ไปเล่นเป็น 4-1-4-1 ซึ่งพอเติมมิดฟิลด์เข้ามาแบบนี้ กองกลางเกาหลีใต้เลยใช้ทีเด็ดวิ่งสอดยากขึ้น เพราะพื้นที่่กลางสนามของไทยแน่นกว่าเดิม

ส่วนด้านข้าง ไทยยังใช้รูปแบบเก่า ฟูลแบ็กหุบไปยืนเหมือนเซนเตอร์ และปีกธรรมชาติถอยต่ำลงมาเป็นวิงแบ็ก ระเบียบวินัยสุดยอด จนในที่สุดเรายันสกอร์เสมอ 1-1 ได้สำเร็จ

[ตัดเกรดอิชิอิ]

ชื่นชมการวางระบบเกมรับตั้งแต่เอเชียนคัพ ไม่ได้เห็นทีมชาติไทยเล่นด้วยระดับนี้นานแล้ว คือนอกจากนักเตะจะสู้กันสุดตัว แท็กติกของเราก็ไม่ได้ด้อยเลย มาตรฐานสูงแบบชัดเจน แล้วมาสานต่อนัดนี้ได้ดีด้วย

งานนี้ยกเครดิตให้เต็มๆ เราตัดสินใจถูกต้องที่เลือกโค้ชคนนี้มา แล้วด้วยการที่มีประสบการณ์ในไทยอยู่แล้ว เลยรวมสปิริตนักเตะได้ไม่ยาก

วันนี้โค้ชวางแผนดี นักเตะก็สู้ด้วยจิตวิญญาณเต็มเปี่ยม 

ขอบคุณ และขอบคุณ สำหรับทุกคนในทีมชาติไทย ที่ทำให้เรากลับมามีไฟ ในการศรัทธาทัพช้างศึกอีกครั้ง

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline