logo-heading

เพราะด้วย ศักยภาพ, ตัวผู้เล่น หรือแม้สภาพอากาศ ที่เราไปด้วยความเป็นรองทุกๆ ประตู 

แต่ด้วยความเป็นรองนี่แหละ ทำให้เราเลือกวิธีการสู้แบบยิบตา และทำให้สุดท้ายเรื่องที่ไม่มีใครเชื่อเราจะทำได้มันจะกลายเป็นจริง

แต่ทั้งหมดทั้งมวล 1 แต้มที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย ล้วนมีเหตุและผลทั้งหมด โดย ทีมงานขอบสนามบอลไทย ได้เก็บข้อมูลจากแมตช์ที่เพิ่งจบลงไปก่อนแตกเป็น 5 เป็นสำคัญๆ ดังนี้ 

1. เพราะโค้ชอิชิอิเลือกนักเตะที่พร้อมที่สุด : แน่นอนอย่างแรกที่ทุกคนเห็นพร้อมกันคือ 11 ผู้เล่นตัวจริงของเราในเกมนี้ ถ้านับตัวหลักๆ ที่ใช้ตั้งแต่ เอเชี่ยน คัพ ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ สุพรรณ ทองสงค์ แนวรับจาก บียู ลงแทนที่ เอเลียส ดอเลาะ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ปีกขวา กิเลน แทนที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จากเบลเยี่ยม และเพิ่ม ชนาธิป สรงกระสินธ์ เข้ามา ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่เปลี่ยนไปตามแทคติกที่เล่นแต่อย่างใด แต่ที่ต้องเปลี่ยนเพราะตัวหลักอย่าง เอเลียส และ เจ้าแบงค์ ยังมีความฟิตไม่ถึงขีดที่จะออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ดังนั้น มาซาทาดะ อิชิอิ จึงเลือกไม่ใช่และเลือกคนที่ฟิตและพร้อมเล่นลงก่อน ทำให้เราได้เห็นเซ็ตตัวจริงเกมกับ เกาหลีใต้ เป็นแบบนี้ 

2. เพราะแทคติกเด็ดๆ เพรสซิ่งทุก 15 นาที : ในเมื่อบอลจบไปแล้วชุดข้อมูลนี้ข้อนี้สามารถบอกกันได้เลย เพราะนี่คือชุดคำสั่งของ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือจอมวางแผนของเราที่ใช้วิธีการสั่งให้นักเตะทีมชาติไทย "เพรสซิ่ง" แข้งเกาหลีทุกๆ 15 นาทีของการเล่นตลอด 45 นาทีแรก โดยแทคติกนี้ถือว่าได้ผลมากๆ เพราะ ตลอด 15-30 นาทีแรกของเกม มันสามารถกดให้ เกาหลี ไม่ได้บุกใส่เราหนักเหมือนที่นึกภาพกันไว้ แถมเป็นเราที่ใช้การ "เพรสซิ่ง" นี้ ชะลอเกมรุกของแข้งพลังโสมได้ดีทีเดียว แม้ว่าสุดท้าย "ทำนบ" ประตูของเราจะแตก แต่ก็ถือว่าเกินคาดเพราะเรามาเสียประตูในในช่วงท้ายครึ่งแรก ดังนั้นเท่ากับว่าการ "เพรสซิ่ง" ทุกๆ 15 นาทีเป็นแทคติกและผลงานที่น่าพอใจ

3. เพราะการเปลี่ยนตัวแบบถูกที่ถูกเวลา : ต้องยอมรับจริงๆ ว่าการเลือกเปลี่ยนตัวเอา ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ลงมาในช่วงต้นครึ่งหลัง (นาที 58) เป็นจุดเปลี่ยยสำคัญในการเสมอ 1-1 เกมนี้ เพราะอะไร?? เพราะมันเหมาะเจาะแบบพอดีกันจริงๆ ซึ่งถือว่าผิดวิสัยการเปลี่ยนตัวของ โค้ชอิชิอิ พอสมควร เนื่องจากปกติแล้วมักจะรอให้เลยนาที 65 หรือ 70 ไปก่อน อันนี้อาจจะเพราะเราโดนนำเลยจำเป็นต้องเพิ่มผู้เล่นในเกมรุกที่เป็นคนชอบพาตัวเองไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ซึ่ง "เจ้าแบงค์" คือคำตอบของการเป็นกองหน้ากึ่งปีกในตอนนั้นที่สุด และเขาใช้เวลาไปแค่ 3 นาทีเศษๆ เท่านั้น กับการสอดตัวขึ้นมายิงประตูเสมอ เท่ากับว่า ศุภณัฏฐ์ ยัง "ไม่ฟิต" แต่กลายเป็น "เรื่องดี" ของพวกเรา

4. เพราะใครไม่เซฟ แต่ "ปฏิวัติ คำไหม" โคตรเซฟ : แน่นอนว่าช็อตการเซฟของ "เจ้าไมค์" ในเกมกับ เกาหลีใต้ ต้องเข้าตาใครสักคนไม่มากก็น้อยล่ะ เพราะเขาถือว่าเป็นนักเตะไทยที่ได้คะแนนความสามารถดีที่สุดกับ 8.2 คะแนน จากผลงาน 7 เซฟตลอด 90 นาที พร้อมกับ 4 จาก 7 เซฟ เป็นการเซฟจากในกรอบเขตโทษด้วย โดยเฉพาะช่วง 5 นาทีสุดท้ายเลยไปจนถึงช่วงทดเวลาที่เซฟบนเส้น 2 ชอทสำคัญที่ทำให้เราไม่เสียประตู เรียกได้ว่านายด่านจาก ทรู แบงค็อก ผู้นี้คือหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ทำให้เราได้ 1 แต้มกลับออกมา โซล เวิลด์ คัพ สเตเดียม 

5. เพราะทุกคนช่วยกันตลอด 90 นาที : ข้อนี้คงต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับนักเตะทีมชาติไทยทุกคน รวมไปถึงทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชด้วยที่ทุ่มเททุกอย่าง จนทำให้เกิดแมตช์ประวัติศาสตร์นี้ที่ใครๆ ก็ไม่คาดคิดว่าเราจะสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่คนนึงคนใดเล่นดี แต่ทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ เพราะทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันจริงๆ นักบอลช่วยกันไล่ ช่วยกันเพรส ตามแทคติกของโค้ช ส่วนทีมงานสต๊าฟฟ์ก็ช่วยกันแก้เกมตั้งแต่เริ่มจนถึงเสียงนกหวีดยาวของผู้ตัดสินดังขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วเกมนี้จึงเป็นเกมแห่งความภาคภูมิใจของทุกๆ คนในนาม ทีมชาติไทย ที่ทำให้เห็นว่าความห่างของ "ฟีฟ่า แรงกิ้ง" กว่า 80 อันดับ ไม่ได้เป็นการตอบว่าเราจะต้องแพ้เขาเสมอไป แต่ถ้าทุกคนเชื่อว่าเราทำได้ และช่วยกันทำให้เกิดขึ้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เหมือนการบุกไปเสมอกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในแมตช์นี้ 

แต่โปรแกรมของ ทีมชาติไทย ยังไม่หมด ภารกิจเอาแต้มจาก เกาหลีใต้ ยังมีให้เชียร์กันอีกกับเกม ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดที่ 4 ที่เราจะเปิด ราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของพลพรรคโสมขาวในวันที่ 26 มีนาคม 2567 เริ่มคิกออฟตั้งแต่ เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป ...

และจากผลการแข่งขันในวันนี้ คงไม่ต้องบอกนะว่าในวันนั้น ราชมังฯ จะเป็นนรกของพวกคุณแค่ไหน "เกาหลีใต้" !!!

 

 

บอลพาดู 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline