logo-heading

อย่างแรกเห็น "ระดับ" และ "มาตรฐาน" ที่ต่างกันชัดเจน : นี่แหละคือความจริงและ ทีมชาติเกาหลีใต้ ก็ยังคงเป็น ทีมชาติเกาหลีใต้ เหมือนเดิม แม้ว่าเกมแรกเขาจะทำให้เรามีความคาดหวังในเกมนี้พอสมควร แต่สุดท้ายในสมฐานะทีมเบอร์ต้นๆ ของเอเชียที่มีนักเตะระดับเล่นอยู่ยุโรปอยู่หลายคน มันเห็นความแตกต่างระหว่างทีมอย่างชัดเจน ทั้งวิธีการ, ทั้งการเข้าทำ, ทั้งสกิลและความสามารถนักบอล โดยเฉพาะลูกยิง 2-0 ของ ซน ฮึง มิน ที่ทุกคนทั้งที่ดูในสนามและที่บ้านคงได้เห็น "โอปป้าซน" ทำให้ดูเลยว่าคลาสของนักบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มันเป็นยังไง

อย่างที่สองเห็น เกาหลีใต้ มาตึงจัดๆ และเต็มที่ทุกนาที : แน่นอนผลพวงในเกมนี้มาจากการหลุดเสมอกับ ทีมชาติไทย 1-1 ในนัดที่แล้ว ดังนั้นเราจึงได้เห็นความตึงเครียดตั้งแต่ต้นเกมของ เกมหลีใต้ เพราะเกมนี้พวกเขาถูกดดันอย่างหนักที่ต้องมาเมืองไทยและกลับออกไปด้วย 3 แต้มเท่านั้น เราจึงเห็นการเริ่มต้นด้วยการไล่เพรสซิ่งแดนบนอย่างดุดันทันที โดยใช้แนวรุกทั้งหมดพุ่งเข้ามาบอลบิ้วอัพของเราอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หลายๆ ครั้งเราต้องเปิดเกมด้วยการเปิดยาวและมันก็ได้ผล ทำให้เราเก็บบอลมาเล่นไม่ได้ รวมไปถึงในช่วงท้ายเกมพวกเขาก็ยังไม่ลดละที่จะยิงประตูและก็ทำได้กับลูกที่ 3 ในช่วงท้ายเกม นี่แหละที่ทำให้เห็นว่าความผิดหวังในเกมแรกส่งผลให้พลังอยากเอาชนะในเกมที่สองนี้เพิ่มมากขึ้นขนาดไหน

 

อย่างที่สามเห็นปัญหา "แบ็กซ้าย" ที่แท้ทรู : ตั้งแต่ เอเชี่ยน คัพ ที่ผ่านมา เราเอาใจช่วยให้ ทีมชาติไทย ไม่เจอปัญหาเรื่อง แบ็กซ้าย นี้รบกวน เพราะเรามี ธีราทร บุญมาทัน คนเดียวที่ติดทีมไปตั้งแต่ตอนนั้น จนในที่สุดก็มาเกิดปัญหาในเกมกับ เกาหลีใต้ หลังจาก "โก๋อุ้ม" โดนเปลี่ยนตัวออกไป และ โค้ชอิชิอิ เลือกเอา "ลูกโซ่ นิโคลัส" มาเล่น แน่นอนมันไม่แปลกตาเท่าไหร่ เพราะแผนนี้เคยถูกนำมาใช้แล้วตั้งแต่ตอนที่เล่นกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา แต่มันส่งผลให้เรายวบตั้งแต่แบ็กซ้ายอย่าง ลูกโซ่ ที่ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดแน่นอนว่าเล่นได้กับเล่นดีมันต่างกัน เสมือนเราต้องเลือกคนที่ดีที่สุดมาเล่นเพื่อกลบปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระหว่างเกม และแน่นอนมันส่งผลไปยังแบ็กขวาด้วยที่เราต้องเสียแบ็กขวาเบอร์ 1 ไปเล่นแบ็กซ้ายแทน ดังนั้นจากนี้ไม่ว่าจะยังไงการบ้านชิ้นใหญ่ๆ ของ สต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติ คือต้องหาแบ็กซ้ายเข้าทีมให้ได้มากกว่า ธีราทร จะเอามาเล่นร่วมหรือมารอแทนในอนาคตก็ต้องหาให้ได้ครับ 


 

อย่างที่สี่เห็นเลเวลความฟิตคนละระดับ : จริงๆ ข้อนี้เป็นอีกข้อที่เราต่างตั้งข้อสังเกตุกันว่าการลงเล่นในเมืองไทยที่สภาพอากาศที่ต่างจาก เกาหลีใต้ ร่วมๆ 30 องศาของผู้เล่นทีมชาติเกาหลีเองมันจะส่งผลยังไงต่อพวกเขา และแน่นอนจากเกมเมื่อวานนี้มันชัดเลยว่าอากาศบ้านเราเอาพวกเขาไม่ลง เพราะถ้าดูจากระบบหายใจค่อนข้างมั่นใจว่านักเตะเกาหลียังวิ่งต่อได้จนถึง 120 นาทีแน่ๆ ผิดกับนักเตะของเราที่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายเริ่มช้าลงอย่างชัดเจน เริ่มมีการผิดตำแหน่งกันอยู่ตลอด เนื่องจากพลังในการวิ่งลดลง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพสำหรับผู้เล่นไทยคือ ยังสามารถวิ่งไล่บอลแบบปกติ แต่คุณกลับไปประจำตำแหน่งได้ช้ากว่าเดิม ส่วนนักเตะเหมือนที่บอกในช่วงต้นว่าช่วงท้ายเกมก็ยังไม่ลดละก่อนที่จะยิงประตูที่ 3 ปิดเกมไปได้ นี่แหละที่เขาว่ากันว่า "ความฟิต" คนละระดับมันเป็นอย่างงี้ 

และอย่างสุดท้ายเห็นว่าเรายังมี "อนาคต" และ "มีโอกาส" : แน่นอนว่าการแพ้เกมนี้ทำให้เราถูกหยุดไว้ที่ 4 คะแนน พร้อมร่วงลงมาเป็นอันดับที่สามของกลุ่ม แต่ๆๆ เรายังมีความหวังกับ 2 เกมสุดท้ายที่เหลืออยู่ ซึ่งเกือบทุกอย่างของการเข้ารอบต่อไปก็อยู่ในมือเรา โดยเราต้องเอา 6 คะแนนจากเกมเยือนจีน และเปิดบ้านรับสิงคโปร์ให้ได้นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ พร้อมกับลุ้นให้เกาหลีใต้ช่วยยิงจีนให้แดดิ้นกลาง โซล เวิดล์ คัพ เพื่อให้เรามีคะแนนมากกว่าพวกเขา และที่บอกว่าเรายังพอจะมีโอกาสก็เพราะ "ผลงาน" ของนักเตะไทยในตอนนี้ที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึง "ความรู้สึก" ของแฟนบอลที่ส่วนใหญ่ยังคิดบวกว่าเราดีพอไปชนะจีนถึงบ้านของพวกเขาได้ ตรงนี้กลับกันกับเกมแรกที่เราเปิดบ้านแพ้จีน ในตอนนั้นเราบอกเลยว่าเล่นแบบนี้ยังไงก็ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว ?? แต่สุดท้ายพอทีมชาติไทยมีการเปลี่ยนแปลงและมันไปในทิศทางที่ดีขึ้น มันจึงทำให้เรายังมี "อนาคต" และ "มีโอกาส" ไปลุ้นไปต่อในรอบต่อไป 

 

บอลพาดู 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline