logo-heading

เริ่มจากลิเวอร์พูล แท็กติกครึ่งแรกโดนไบรท์ตันจี้หนักไปหน่อย พวกเขาวางแผนมาเล่น 4-3-3 แต่ตอนบุกจริงๆ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ จะลอยสูงเป็นปีกขวา ยืนสูงไลน์เดียวกับดิอาซที่ยืนปีกซ้ายเลย จากนั้นปีกขวาธรรมชาติอย่างซาลาห์ จะหุบไปยืนหน้าคู่กับนูนเญซ

นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูลจะเหลือแนวรับธรรมชาติน้อยลงตอนบุก ลักษณะการยืนข้างหลังเหมือนกล่อมสีเหลี่ยม โดยฐานล่างคือ ฟาน ไดค์ กับ ควอนซาห์ ส่วนฐานบนเป็น โกเมซ ที่หุบเข้ามายืนกลางกับเอ็นโด

ข้อดีคือบุกได้เต็มพิกัด แนวรุกมี 4 คนโดยธรรมชาติ แถมยังมีจังหวะที่โซโบ้กับแม็คก้าเติมขึ้นไปอีก จนเหมือนมีเกมรุก 6 คน อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือเกมรับฝั่งขวาโดนเล่นงานตลอด 45 นาทีแรก เพราะตอนที่แบรดลี่ย์ลอยสูงขึ้นไป มันไม่มีคนมาคัฟเวอร์พื้นที่ให้ เลยโดนเกมสวนกลับของ ไซม่อน อดินกร้า จู่โจมตลอดเวลา 

สิ่งที่ผมชมก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ แก้เกมครึ่งหลังโคตรดี เมื่อรู้ว่าการบิวด์อัพแบบกล่องสี่เหลี่ยมมีปัญหา พวกเขาเลยเปลี่ยนวิธีขึ้นเกมใหม่ โดยควอนซาห์จะไม่ยืนกระจุกตรงกลางกับฟานไดค์แล้ว แต่จะยืนฉีกด้านขวามากขึ้น เล่นเป็นกึ่งเซนเตอร์กึ่งฟูลแบ็ก เพื่อป้องกันเกมสวนกลับอดินกร้า 

ส่วนจังหวะที่ตรงกลางแหว่งไปเพราะควอนซาห์ฉีกข้าง เอ็นโดจะถอยมาเล่นใกล้ฟานไดค์มากขึ้น ซึ่งถ้าให้สรุปคือ พอกางอาณาเขตเกมรับกว้างขึ้น ก็ป้องกันเกมโต้กลับไบรท์ตันได้ดี จุดนี้ให้เครดิต JK 100% ทีมอาจจะไม่ได้ชนะสวยหรู แต่ก็ลบอาถรรพ์แพ้ทางไบรท์ตันได้ แล้วยังทำให้ทีมผงาดจ่าฝูงด้วย

ต่อกันที่อาร์เซน่อล พวกเขาเสมอกับซิตี้ด้วยเปอร์เซ็นต์ครองบอลที่เป็นรอง สถิติบอกว่าพวกเขาครองบอลแค่ 27.5% และมีโอกาสทำประตูน้อยกว่าซิตี้ 2 เท่า แต่ถามว่าผมมองอาร์เซน่อลเป็นแง่ลบบ้างไหม? แม้จะเสียจ่าฝูง บอกเลยว่าไม่ เพราะอย่าลืมว่าการมาคว้า 1 แต้มที่เอติฮัดไม่ง่าย

ผลเสมอไม่ได้เสียหายขนาดนั้น เพราะเกมหน้าลิเวอร์พูลจะไปเยือนยูไนเต็ด ถ้าหงส์แดงสะดุด แล้วอาร์เซน่อลชนะ ก็กลับไปเป็นจ่าฝูงได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าพวกเขาไปเสี่ยงบุกแลกที่บ้านซิตี้ อาจลงเอยด้วยการเปิดพื้นที่จนแพ้ ซึ่งจะกลายเป็นตาม 3 แต้ม และแซงยากกว่าเก่า 

ส่วนตัวผมคิดว่าอาร์เซน่อลปีนี้แกร่งขึ้นแล้ว การเจอกับซิตี้ 2 นัดแล้วเก็บได้ 4 แต้ม ถือว่าประสบความสำเร็จ พวกเขามีมินิลีกในการเจอทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันโคตรดี นอกจากนี้ วิธีการเล่นเกมรับของพวกเขาก็ดีมาก ช่วงเกมรับโอเดการ์ดจะดันสูงไปช่วยฮาแวร์ตซ์ไล่เพรส ปรับไปยืน 4-4-2 ชั่วคราว

จุดที่ผมชอบก็คือ อาร์เตต้าสอนนักเตะให้รับมือสถานการณ์ดีมาก ซิตี้พยายามโอเวอร์โหลดพื้นที่เยอะจัด เช่น เวลาจะบุกฝั่งกรีลิชท้ายเกม แผนของเป๊ปจะสั่งให้คนอื่นมารุมโซนนั้นหลายคน เพื่อให้ตัวนักเตะมากกว่า แต่เซนส์นักเตะอาร์เซน่อลแรงมาก อ่านจังหวะตลอด 90 นาที ถ้ารู้ว่าจะโดนซิตี้โอเวอร์โหลดไปบุกทางเบนไวท์ ทุกคนจะเคลื่อนที่ไปช่วยปกคลุมพื้นที่พร้อมกัน

หรือถ้าโดนบุกฝั่งคิวิออร์ ก็จะโยกไปช่วยป้องกันทั้งทีม นี่คือแมตช์ที่โอเวอร์โหลดพื้นที่เกมรุกและเกมรับเดือดมาก สมาธิไม่หลุดเลย ถ้าพลาดปล่อยให้เกมรับเจอสถานการณ์โดนรุมแค่หนเดียว อาจแพ้ได้ทันที ซึ่งการเล่นแบบนี้ ทำให้ซิตี้หาโอกาสยิงจะแจ้งยากด้วย รวมถึงต้องชมกาเบรียล-ซาลิบาที่ประกบฮาลันด์ได้โคตรดี 

ปิดท้ายที่ซิตี้ แม้จะไม่ชนะจนตามหลังลิเวอร์พูล 3 แต้ม แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือ เป๊ปแก้สถานการณ์เรื่องนักเตะเกมรับดีมาก เอาแค่ไลน์อัพก็เซอร์ไพรส์แล้ว ไม่มีฟูลแบ็กธรรมชาติสักคน เป็นเซนเตอร์อาชีพหมดเลยทั้ง กวาร์ดิโอล, อาเก้, ดิอาซ และอาคันจี้ ซึ่งจุดสำคัญคือการที่อาเก้เจ็บ แล้วต้องเปลี่ยนเอาลูอิสลงมาแทน

เป๊ปสั่งให้ 3 เซนเตอร์ยืนกันกว้างสุดขีด กวาร์ดิโอลยืนเหมือนแบ็กซ้าย, อาคันจี้ยืนเหมือนแบ็กขวา และดิอาซปักหลักตรงกลาง ซึ่งตามหลักมันควรจะมีช่องโหว่ตรงกลางบ้าง เพราะเซนเตอร์อีก 2 คนฉีกออกข้างสุดฤทธิ์ แต่เป๊ปแก้ปัญหาด้วยการให้ ลูอิส หุบมาเล่น Inverted Fullback ตามถนัด จนมีกลางเพิ่มอีกคน 

จากนั้นโรดรี้ก็เป็นพระเอกของการบิวด์อัพ คอยเคลื่อนตัวเองไปช่วย 3 เซนเตอร์ขึ้นบอลตลอดเวลา เขาคือคนที่ทำให้กวาร์ดิโอล, ดิอาซ และอาคันจี้ ไม่ต้องยืนโดดเดี่ยว คอยวิ่งไปเชื่อมเกมซ้ายทีขวาที ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นเต็ง 1 คว้า PFA ปีนี้ 

สิ่งที่เห็นก็คือ เป๊ปต้องติวลูกทีมเข้มขนาดไหน? นักเตะถึงปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดีขนาดนี้ เรียกว่าก่อนอาเก้เจ็บกับหลังเจ็บ วิธีการเล่นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่นักเตะเล่นแบบไม่ตื่นเลย แสดงว่าซ้อมกันมาหลายแผน แล้วดันซ้อมเข้มมาทุกแผนด้วย 

ผลที่ออกมาสัปดาห์นี้ คงไม่ได้แฮปปี้ครบทุกทีม แต่เหมือนที่บอกไป เมื่อดูจากวิธีแก้สถานการณ์ของทั้ง 3 ทีม ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะด้วยการแก้เกมโต้กลับ, อาร์เซน่อลได้แต้มที่สำคัญในเกมที่ยากสุดของซีซั่น และซิตี้ขนาดแนวรับไม่สมบูรณ์ แต่ยังเล่นด้วยแนวทางเดิมได้ 

ผมดูทีมอื่น ก็มีบางนัดที่แก้ปัญหาได้ดี แต่ไม่ได้ทำบ่อยจนชินตาเท่า 3 ทีมนี้ จนไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาคือทีมเต็งแชมป์ของจริง

ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครจะเป็นฝ่ายได้ชูถ้วย จะเป็นลิเวอร์พูลได้ลา JK แบบยิ่งใหญ่, จะเป็นซิตี้ได้ 4 สมัยติด หรืออาร์เซน่อลได้สมัยแรกในรอบ 20 ปี ต่างก็มีความเหมาะสมในแบบของพวกเขาเอง

- Petr Boat - 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline