logo-heading

หลังเกม เรือใบสีฟ้า เปิดรังเจ๊า ปืนใหญ่ แบบจืดสนิท 0-0

บิ๊กแมตซ์ประจำสัปดาห์ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ แม้วางทางฝั่งเจ้าบ้านจะครองเกมเหนือกว่าแทบจะตลอดทั้งเกม แต่ด้วยแผงเกมรับของ อาร์เซน่อล ที่เหนียวแน่นแข็งแกร่ง บวกกับทางฝั่งของ แมนฯ ซิตี้ เองที่เล่นในพื้นที่สุดท้ายได้ไม่ดีพอ สุดท้ายที่แล้วก็จบเจ๊าไปแบบจืดสนิท 0-0

เอาเป็นว่าประเด็นหลังเกมจะมีอะไรกันบ้างวันนี้ ขอบสนาม จะพาไปวิเคราะห์กันครับ

[ ครึ่งแรกชวนง่วง ครึ่งหลังชวนลุ้น ]

หากใครไม่ใช่แฟนบอลของทั้งสองทีมต้องบอกเลยว่าเกมในครึ่งแรก เป็นยานอนหลับดีๆนี่เอง เพราะรูปเกมไม่ได้เปิดแลกกันแบบเอาเป็นเอาตายอย่างที่ใครคนคาดหวัง ต่างคนต่างมาด้วยความรัดกุม และด้วยคุณภาพของทั้งสองทีมไม่ได้มีความเหลือมล้ำกันมาก ทำให้มันดูจะเนื่อยๆไปซะหน่อย

แต่ในทางกลับกันหาก อาร์เซน่อล มาเล่นเกมรุกในรูปแบบที่พวกเขาถนัด และมาเจอกัน แมนฯ ซิตี้ ในบ้านต้องบอกเลยว่ามีแต่ตายกับตายแน่นอน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดที่ มิเกล อาร์เตต้า จะวางแผนมาเล่นรับและรอโต้กลับเป็นหลัก

ส่วนทางฝั่งเจ้าบ้านแม้จะเป็นฝ่ายครองบอลถึง 72% แต่กลับหาโอกาสง้างประตูได้เพียงสี่ครั้งเท่ากับทีมเยือน ที่รูปเกมเป็นรอง ส่วนการยิงตรงกรอบก็สองครั้งเท่ากันเช่นเดียวกัน มันจึงแสดงให้เห็นว่าทั้งสองทีมมันดูทันกันไปหมด

แต่ในครึ่งหลังกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับหมากให้ลูกทีมเล่นเกมรุกอย่างเต็มสูบ และครองบอลบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว เรียกได้ว่ามากันแบบทุกทิศทุกทาง 

แต่ด้วยเกมรับของ อาร์เซน่อล ในวันนี้ซึ่งทำหน้าที่กันได้ดีแทบทุกคน เหนียวแน่นแข็งแกร่ง และไม่มีข้อผิดพลาด ทำให้โอกาสจบสกอร์แบบเหน่งๆของ แมนฯ ซิตี้ แทบไม่มีให้เห็น

 

ทางฝั่งทีมเยือนแม้ไม่ได้เป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ แต่พวกเขาก็ยังมีอาวุธเด็ดจากลูกโต้กลับ ที่สร้างความลำบากใจไม่น้อยให้กับทีมเจ้าบ้านด้วยเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วต่างคนต่างทำอะไรกันไม่ได้ก็จบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป

[ ฮาแลนด์ ถูกลักพาตัว ]

แม้จะครองตำแหน่งดาวซัลโวของศึก พรีเมียร์ลีก ที่ 18 ประตู แต่ทว่าฟอร์มการเล่นของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ในเกมนัดนี้ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างน่าผิดหวังไปหน่อย เพราะพี่แกแทบจะหาจังหวะสับไกยิงไม่ได้เลย ทำอะไรก็ดูตะกุกตะกักไปหมด จับบอลแทบจะนับครั้งได้ ทำให้ตลอดสามเกมที่ ฮาแลนด์ ลงสนามเจอกับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาลนี้ มีค่า xG รวมกันเพียง 0.24 ประตูเท่านั้น

แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับแผงแนวรับของ อาร์เซน่อล ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคู่หูกำแพงเหล็กแห่งทัพปืนโต อย่าง กาเบรียล มากัลเญส และ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่เล่นได้อย่างดุดันแข็งแกร่ง ทั้งจังหวะอ่านเกมบนพื้น รวมถึงการเล่นลูกกลางอากาส เรียกได้ว่าเก็บกินได้ทั้งหมด

ส่วนอีกคนที่ต้องชมเลยก็คือ เดแคลน ไรซ์ ที่จัดการประกบ เควิน เดอบรอยน์ ทำให้มิดฟิลด์ชาวเบลเยี่ยมรายนี้ ไม่ให้มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมในแบบที่ควรจะเป็น เราจะเห็นได้เลยว่า เดอ บรอยน์ มักจะมาอยู่ในตำแหน่งพื้นที่ริมเส้นเป็นหลัก ทำให้มิติเกมแดนกลางของทางฝั่ง เรือใบสีฟ้า ดูจะดรอปๆลงไป


 

[ ตัวสำรองไม่สามารถสร้างอิมแพคได้ ]

หากใครยังจำเกมแรกที่ อาร์เซน่อล เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ได้ ก็เป็นตัวสำรองนี่แหละครับที่ลงมาสร้างความแตกต่างให้กับทีม แต่ทว่าวันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น ทั้ง เลอันโดร ทรอสซาร์ แม้จะมีจังหวะวูบวาบอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่เด็ดขาดมากพอ และ มาร์ติเนลลี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย

ส่วนทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ทั้ง แจ็ค กรีลิช และ เฌเรมี่ โดกู ที่ลงสนามมาในช่วงครึ่งหลัง ก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าที่ควร ขอพูดตามตรงโดยเฉพาะ โดกู เชื่อได้เลยว่าต้องมีแฟนๆเรือใบจำนวนไม่น้อยที่ต้องมีเพลอหลุดอุทานด่าไปบ้างแหละ เพราะตลอดเวลาที่ลงสนามแทบจะสร้างประโยชน์อะไรให้กับทีมไม่ได้เลย

ถึงแม้จะมีจังหวะเลี้ยงกินตัวที่สร้างความอันตรายให้แบ็ค อาร์เซน่อล อยู่บ้าง แต่ด้วยจังหวะสุดท้ายที่ต้องบอกว่านรกแตกสุดๆ ทั้งยิงนกตกปลา จับบอลลั่น ถือว่าป็นฟอร์การเล่นที่น่าผิดหวังจริงๆสำหรับเจ้าตัว

[ ลิเวอร์พูล หวานเจี๊ยบ ]

จากผลเสมอในเกมนัดนี้เรียกได้ว่าไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองทีม ทำให้ ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะ ไบรท์ตัน ได้ทะยานขึ้นไปครองในตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้ง

แน่นอนว่าการคว้าหนึ่งแต้มสำหรับ อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งแต้มที่สำคัญมากๆ และไม่ได้แย่เลย เพราะตลอด 7 นัดหลังสุดที่มาเยือนที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม พวกเขามักจะคว้าศูนย์แต้มกลับบ้าน พร้อมกับประตูได้เสียที่ติดลบแบบกระจุยกระจาย แต่พวกเขาก็ต้องเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปในสัปดาห์นี้

ส่วนทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ นับได้ว่าเป็นหนึ่งแต้มที่ค่อนข้างเสียหายกับพวกเขาแบบสุดๆ เพราะจะทำให้ต้องตามหลังทีมจ่าฝูงถึงสามคะแนนด้วยกัน แถมประตูได้เสียยังเป็นรองทั้งสองทีมอย่าง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล

ต้องบอกว่าการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้นเล้าใจ เพราะม้าทั้งสามตัวก็มีโอกาสในการลุ้นแชมป์ด้วยกันทั้งหมด แม้ว่าความได้เปรียบจะตกไปอยู่ฝั่งของ ลิเวอร์พูล แล้วก็ตามมมม

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline