logo-heading

หากไม่นับทีมบิ๊ก 6 ส่วนใหญ่สโมสรในอังกฤษขาดทุนทั้งนั้น แอสตัน วิลล่า ขาดทุน 120 ล้านปอนด์, เอฟเวอร์ตัน 89 ล้านปอนด์, นิวคาสเซิ่ล 73 ล้านปอนด์, ฟอเรสต์ 52 ล้านปอนด์, วูล์ฟแฮมป์ตัน 67 ล้านปอนด์ เรียกว่าทีมไซส์ประมาณไบรท์ตัน ไม่มีใครกำไรเลย

อย่างไรก็ตาม ไบรท์ตันกลับฉีกทุกกระแส และเป็นการทำกำไรแบบบ้าคลั่งด้วย ซึ่งตอนนี้พวกเขาทำกำไรมา 2 ฤดูกาลซ้อน ยอดเก่าอยู่ที่ 24.1 ล้านปอนด์ ยอดใหม่ 122.8 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่าพวกเขาทำกำไร 2 ปีหลังสุด 146.9 ล้านปอนด์ 

ปัจจัยสำคัญสุดคือพวกเขาขายเก่งมาก ยอดล่าสุดของฤดูกาล 2022-23 พวกเขาขาย มาร์ค คูคูเรญ่า ให้เชลซีด้วยเงินต้น 50 ล้านปอนด์ และมีแอดออนที่อาจทะลุถึง 62 ล้านปอนด์ได้ 

เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ขายให้อาร์เซน่อลก็ทำเงินไป 21 ล้านปอนด์ หรือจะเป็น อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ แม้จะขายในซัมเมอร์ล่าสุด แต่พอขายก่อนวันที่ 30 มิถุนายน ก็เลยเอาไปนับเป็นบัญชีของฤดูกาล 2022-23 ซึ่งทำเงินไป 35 ล้านปอนด์

เท่านั้นไม่พอ ไบรท์ตันยังทำเงินจากค่าฉีกสัญญาโค้ชได้ด้วย ตอนที่เชลซีไล่ทูเคิ่ลแล้วมาจีบพอตเตอร์ พวกเขาไม่ได้ขวางเชลซีเลย แค่ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญามาเท่านั้น ซึ่งถ้าเอาแค่พอตเตอร์คนเดียว ค่าฉีกก็คงหลัก 10 ล้านปอนด์ต้นๆ แต่พอเหมาทีมสต๊าฟฟ์ยกเข่ง ก็เลยกลายเป็นยอดรวม 23 ล้านปอนด์

ตัวเลขนี้ นับเป็นรายจ่ายในบัญชี PSR ของเชลซี และนับเป็นรายได้ของไบรท์ตัน 100% ซึ่งดูทรงแล้วพวกเขาวางแผนทุกอย่างไว้เป็นระบบ และหาทางทำเงินจากทริคนี้ได้อีกมาก เพราะอย่าลืมว่าบัญชีรอบที่ประกาศเนี่ย ยังไม่รวมค่าตัว มอยเซส ไกเซโด้ ที่ขายให้เชลซีนะครับ

เดี๋ยวผลประกอบการรอบถัดไป จะนับของฤดูกาล 2023-24 คราวนี้จะมีเงินจากไกเซโด้มาเข้ากระเป๋าเน้นๆ เงินต้น 100 ล้านปอนด์ และมีแอดออนอีก 15 ล้านปอนด์ รวมถึงมีค่าตัว โรเบิร์ต ซานเชซ 25 ล้านปอนด์ด้วย นอกจากนี้ หากมีทีมมาฉีกสัญญา โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก่อนวันที่ 30 มิถุนายน ก็น่าจะได้เงินอีก 10-12 ล้านปอนด์ 

ไบรท์ตันวางทุกอย่างไว้เป็นระบบ ซึ่งอนาคตก็คงขายนักเตะทำกำไรได้อีกเพียบ เช่น เอสตูปีญาน ซื้อมา 14.9 ล้านปอนด์ แต่อาจขายทำเงินได้เกิน 40-50 ล้านปอนด์ หรือจะเป็นพวก คาโอรุ มิโตมะ, ไซม่อน อดินกร้า, อีแวน เฟอร์กูสัน ดีไม่ดียอดขายรวมอาจเกิน 100 ล้านปอนด์ด้วย 

สิ่งที่ต้องชื่นชมไบรท์ตันก็คือ ไบรท์ตันหาบุคลากรมาทดแทนได้ทุกตำแหน่ง คุณเสียโค้ชอย่างพอตเตอร์ ก็ได้เดแซร์บี้มาแทน, คุณเสียคูคูเรญ่าก็ได้เอสตูปีญาณ, คุณเสียไกเซโด้ ก็ได้ตัวบาเลบ้า หรือแม้แต่ทีมสรรหานักเตะก็ปั้นใหม่ได้ตลอด

พวกเขาเสีย พอล วินสแตนลี่ย์ ให้เชลซีในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา แล้วพยายามผลักดัน แซม จีเวลล์ ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งผ่านไปแปปเดียวเชลซีมาซื้อตัวจีเวลล์เพิ่มอีกแล้ว รับเงินจากเชลซีมหาศาลอีกแล้ว แต่ไบรท์ตันก็ไม่ได้กังวลอะไรเลย พวกเขาเชื่อว่าเดี๋ยวก็หาคนใหม่มาได้

ที่สำคัญก็คือ ทีมบริหารหรือสต๊าฟฟ์แต่คนเนี่ย เวลาไบรท์ตันไปดึงมารอบแรก แทบไม่เสียเงินสักปอนด์ แต่พอโดนคู่ต่อสู้มาฉีกสัญญาไป พวกเขาได้เงินเต็มเหนี่ยว รายได้สโมสรเลยพุ่งกระฉูด

อีกจุดที่ต้องชมก็คือ โทนี่ บลูม เจ้าของสโมสร เขาโด่งดังเรื่องการเอาทริคโป๊กเกอร์ มาใช้กับฟุตบอลได้ดีเยี่ยม โดยโก่งราคานักเตะได้เวอร์กว่าที่ควรจะเป็น เช่น คูคูเรญ่า ตอนนั้นคนก็สงสัยว่าทำไมไม่รับข้อเสนอซิตี้ ทั้งที่ยื่นมาด้วยเรท 40 ล้านปอนด์ ซึ่งในที่สุดซิตี้ก็ไม่สู้ต่อด้วย เพราะไบรท์ตันอยากได้แพงกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม บลูมมองว่าคูคูเรญ่าตอนนั้นเนื้อหอมจัด ด้วยดีกรีที่เป็นแข้งแห่งปีสโมสร แล้วยังมีเชลซีอีกทีมที่สนใจ เขาเลยกล้าปัดข้อเสนอซิตี้ จนกระทั่งเชลซีหน้ามืดยอมจ่ายเงินต้น 50 ล้านปอนด์ กลายเป็นกำไรอื้อ

หรือจะเป็นไกเซโด้ อาร์เซน่อลเคยยื่นมาตอนมกราคมด้วยเรท 60 ล้านปอนด์ ใครเห็นก็คิดว่าขาย แต่ไบรท์ตันไม่ขาย เพราะเขาเชื่อว่าด้วยฟอร์มไกเซโด้ที่โคตรดีตอนนั้น ถ้าอดใจรอสักนิด เดี๋ยวซัมเมอร์จะมีข้อเสนอที่ดีกว่ายื่นมาให้แน่

พอเข้าช่วงซัมเมอร์ เชลซีอยากได้มากๆ แต่ไบรท์ตันยืนกรานว่าจะขาย 100 ล้านปอนด์ ซึ่งถ้าเชลซียอมจ่ายตอนนั้นไปก็คงจบ ราคาไม่ทำลายสถิติใคร ทว่าตอนนั้นเชลซีอ่านเกมพลาด มองว่าไม่มีใครมาแย่ง เดี๋ยวไบรท์ตันก็ยอมลดราคา เลยพยายามดึงเกมไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายตลาด

สุดท้ายลิเวอร์พูลมาปาด 110 ล้านปอนด์ แพงกว่ามูลค่าที่บลูมตั้งไว้ตอนแรก ซึ่งเชลซีก็อยู่ในช่วง Panic คุยคนเดียว ไม่มองตัวเลือกอื่น ถ้าไม่ได้คนนี้ต้องไปหาคนใหม่อีก จนสุดท้ายยอมจ่าย 115 ล้านปอนด์ ไบร์ทตันได้กำไรแบบโคตรมหาศาล ทั้งที่ซื้อมาด้วยเรท 4 ล้านปอนด์เท่านั้น 

โทนี่ บลูม อ่านสถานการณ์เฉียบมาก เขาเชื่อมั่นเสมอว่า ตัวเองมีไพ่ในมือเหนือกว่า ซึ่งถ้านักเตะคนไหนสามารถสร้างมูลค่าได้ เขาจะไม่ยอมขายไปถูกๆ เพราะเชื่อว่าถ้าเก็บไว้แล้วยังผลงานดี เดี๋ยวก็ขายทำกำไรได้ 

ทั้งหมดคือเคล็ดลับ ที่ทำให้ไบรท์ตันได้กำไรแบบมหาศาล พวกเขามีเจ้าของสโมสรที่โคตรเก่ง และมีทีมงานที่หานักเตะกับสต๊าฟฟ์ใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่แปลกใจเลยที่การเงินจะดีขนาดนี้ ซึ่งบางทีพวกเขาอาจทำกำไร 3-4 ปีซ้อนได้เลยทีเดียว

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline