logo-heading

เดิมทีกฎ PSR คือถ้าขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์ จากบัญชีต่อเนื่อง 3 ปีหลังสุด จะต้องโดนตัดแต้มเหมือนฟอเรสต์กับเอฟเวอร์ตัน แต่ก็มีหลายทีมมองว่าบทลงโทษมันแรงไป แล้วยังทำให้เหมือนโดนเข็มขัดรัดตัวด้วย ซึ่งถ้าทำบัญชีพลาดนิดเดียว ก็มีโอกาสโดนตัดแต้มจนหนีตกชั้นได้เลย

รายงานจาก DailyMail บอกว่า 17 จาก 20 ทีมพรีเมียร์ลีก อยากให้มีการแก้เรื่องนี้ คือพวกเขาไม่ได้แอนตี้แนวคิด PSR เพราะการมีลิมิตขาดทุนมันก็ดี แต่อยากให้เปลี่ยนบทลงโทษใหม่ ซึ่งแนวคิดคือใช้ 'Luxury Tax' แบบอเมริกันเกมส์

ตัวอย่างง่ายสุดคือศึก NBA หากทีมไหนจ่ายค่าเหนื่อยนักบาสเกินเพดานที่กำหนดไว้ พวกเขาต้องจ่ายเงินค่า Luxury Tax หรือภาษีฟุ่มเฟือย เป็นจำนวนมหาศาล แล้วนำเงินจำนวนนั้นไปแชร์ให้ทีมอื่นที่ทำตามกฎ 

เช่น โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส เจ้าของแชมป์ NBA 7 สมัย มีสตาร์ค่าเหนื่อยแพงหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สตีเฟ่น เคอร์รี่, เคลย์ ธอมป์สัน, คริส พอล หรือแอนดรูว์ วิกกิ้นส์ จนยอดบัญชีของฤดูกาล 2023-24 พวกเขาเกินโควตามา 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งพอเอาไปคำนวณตามเกณฑ์ของ NBA ปรากฏว่าวอร์ริเออร์สต้องจ่ายค่า Luxury Tax ราว 176.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มันคือค่าปรับที่มหาศาลมาก แล้วที่ของวอร์ริเออร์สแพงขนาดนี้ เพราะพวกเขาเกินลิมิทมาหลายปีแล้วด้วย ยิ่งเกินโควตาต่อเนื่อง ก็ยิ่งเสียเงินแพงขึ้น แต่วอร์ริเออร์สก็ยอมจ่าย เพราะเป็นทีมใหญ่ รายได้มหาศาล ฐานแฟนเพียบ ดังนั้น การจ่ายแพงแต่รักษาสตาร์ให้อยู่ในทีมได้หลายคน มันก็คุ้มในมุมของเขา 

หากเป็นพรีเมียร์ลีก สมมุติว่าทีม A ขาดทุนเกินโควตา 105 ล้านปอนด์ 1 ปี คุณก็ต้องจ่ายเงินค่าปรับตรงนี้ แล้วเอาไปแชร์แบ่งทีมอื่นต่อ แต่ถ้าคุณขาดทุนเกินโควตาเยอะๆ สัก 3 ปีซ้อน บางทีตัวเลขค่าปรับอาจอยู่ในระดับ 100 ล้านปอนด์ได้เลย

ต้องย้ำอีกทีว่า พรีเมียร์ลีกไม่ใช่ฝ่ายที่อยากให้แก้กฎนะครับ อย่ารีบไปด่าว่าพวกเขาพยายามแก้เพื่อช่วยใครหรือเปล่า? เพราะคนที่อยากแก้คือทีมพรีเมียร์ลีกต่างหาก ซึ่งเหมือนที่บอกไปคือ 17 ทีมเห็นด้วย และหากการโหวตมีเห็นชอบ 14 เสียงขึ้นไป มันก็มากพอที่จะทำให้ Luxury Tax เกิดขึ้นได้

เรายังไม่ทราบว่ากฎนี้จะเกิดขึ้นจริงไหม? แต่หากเกิดขึ้นจริง มันจะมี 3 คำถามตามมา คือทีมที่โดนตัดแต้มไปก่อนแล้วจะทำไง? แบบนี้ซิตี้จะรอดลงโทษไหม? แล้วสรุปบทลงโทษใหม่มันแฟร์หรือเปล่า?

ตอบข้อแรกก่อน ทีมที่โดนไปแล้วอย่างฟอเรสต์กับเอฟเวอร์ตันก็น่าเห็นใจ ซึ่งอาจรวมถึงเลสเตอร์ที่มีความเสี่ยง คาดว่าบทลงโทษแบบใหม่เนี่ย เร็วสุดคงเริ่มฤดูกาลหน้า ซึ่งถ้ามีการบังคับใช้จริงๆ พรีเมียร์ลีกก็ควรต้องมีค่าชดเชยให้บ้าง ต้องเยียวยาจิตใจหน่อย เพราะถ้าโดนตัดแต้มแล้วมีผลจนตกชั้น รายได้ที่เสียไปมันก็มหาศาล

ข้อต่อมาคือซิตี้ ต้องบอกว่ามันคนละประเด็นกัน ซิตี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์นะครับ พวกเขาบริหารการเงินดีมาก ดังนั้น ตราบใดที่พวกเขาขาดทุนไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ พวกเขาก็ไม่ต้องจ่าย Luxury Tax ซึ่งเราไม่ควรไปด่วนสรุปว่า ซิตี้แค่จ่ายเงินก็ไม่ต้องโดนลงโทษ

ผมคิดว่าซิตี้ยังมีโอกาสโดนลงโทษได้อยู่ แต่จะเป็นคนละประเด็นกัน เช่นเดียวกับเชลซีด้วย เพราะเคสของ 2 ทีมนี้คือการตกแต่งบัญชี ซิตี้โดนเรื่องแต่งรายได้สปอนเซอร์ กับค่าเหนื่อยนักเตะ ส่วนเชลซีโดนเพ่งเล็งเรื่องจ่ายค่าเอเยนต์นอกระบบ ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าผิดจริง 100% ไหม? 

แต่หากผิดขึ้นมา มันจะไม่ใช่ข้อหาขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์ เพราะมันคือข้อหาตกแต่งบัญชี ซึ่งร้ายแรงมาก หากผิดจริงน่าจะโดนลงโทษหนัก และห้ามมองข้ามการตัดแต้มเด็ดขาด

ข้อสุดท้าย มันแฟร์ไหม? อันนี้ก็อยู่ที่มุมมอง หากทีมไหนที่ทำตามกฎ แล้วได้ส่วนแบ่งจากทีมที่ทำผิดเยอะเพียงพอ พวกเขาก็อาจจะพอใจ เพราะได้เงินไปลงทุนอย่างอื่นได้

แต่ก็อาจมีบางทีมที่มองว่ามันไม่แฟร์ ซึ่งดูแล้วตอนนี้มี 3 ทีมที่คิดแบบนี้ พวกเขาอาจมองว่า แมนฯ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล เจ้าของรวยมหาศาล และอาจยอมระเบิดเพดาน PSR โดยไม่ซีเรียสเรื่องค่าปรับเท่าไหร่

ไม่ผิดที่จะคิดแบบนี้นะครับ เพราะถ้าเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล หรือเชลซี ต้องจ่ายค่า Luxury Tax แบบหนักๆ ปีละ 50-100 ล้านปอนด์ พวกเขาก็คงไม่ไหว กลายเป็นทำธุรกิจขาดทุนยับเยิน 

แต่สำหรับซิตี้กับนิวคาสเซิ่ลที่รวยของแท้ เน้นทำทีมด้วยแพสชั่นก่อนตัวเลข พวกเขาอาจจะจ่ายไหวก็ได้ ถ้าแลกมากับการทำให้ทีมประสบความสำเร็จ

ส่วนตัวผมไม่อยากเร่งตัดสินไวเกินไป ว่าจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค เพราะถ้ามันไม่ใช่ไอเดียที่น่าสนใจ คงไม่มีทีมเห็นด้วยถึง 17 ทีม ส่วนในมุมพรีเมียร์ลีก ถ้าเลือกได้ พวกเขาก็อยากให้มีการตัดแต้มอยู่ แต่รายงานจากสื่อบอกว่า พรีเมียร์ลีกก็กลัวเรตติ้งตกเหมือนกัน เพราะกฎ PSR ทำให้ตลาดเงียบจัด หลายทีมกลัวโดนตัดแต้มทั้งนั้น

หากต้องยอมลดหย่อนบทลงโทษ เพื่อแลกกับตลาดที่พีกทุกซัมเมอร์ ทุกหน้าหนาว และยังครองเบอร์ 1 เรตติ้งของยุโรปเอาไว้ได้ ผมเชื่อว่าพรีเมียร์ลีกอาจพิจารณา

ไม่มีใครอยากเสียความเป็นเบอร์ 1 เรื่องเรตติ้งแน่ ลองเอามาใช้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าลองแล้วมันไม่ดี มันไม่แฟร์ หรือโดนต่อต้านในอนาคต เดี๋ยวเขาก็มีมติให้โหวตใหม่อีกรอบเอง

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline