หลังจากที่แยกทางกับ ชาบี เอร์นานเดซ หลังสิ้นสุดฤดูกาล บาร์เซโลน่า ก็ได้เดินหน้าคว้าตัว ฮานซี่ ฟลิค อดีตกุนซือของ บาเยิร์น มิวนิค เข้ามาคุมบังเหียนในถิ่น คัมป์ นู คนต่อไปในทันที
โดยเมื่อช่วงหัวค่ำวันพฤหัสที่ผ่านมา บาร์ซ่า ก็ได้เปิดตัว ฮานซี่ ฟลิค อย่างเป็นทางการ แบบไม่มีพลิกโผลแต่อย่างใด
แม้ว่า ฮานซี่ ฟลิค จะล้มเหลวไม่เป็นท่าในการคุมทีมชาติเยอรมัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กุนซือชาวอินทรีเหล็กผู้นี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในระดับสโมสรกับทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค เรียกได้ว่ากวาดมาแล้วทุกถ้วย มิหนำซ้ำยังเป็นกุนซือเพียงไม่กี่รายในโลกที่พาทีมคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ มาครองได้สำเร็จ
ฉนั้นวันนี้ ขอบสนาม จะพาไปเจาะ 5 สิ่งที่ ฮานซี่ ฟลิค จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง บาร์เซโลน่า จะมีอะไรบ้างไปรับชมกันครับ
[ แท็คติกของ ฮานซี่ ฟลิค ]
บาร์เซโลน่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนโค้ชมาสักกี่ราย นับตั้งแต่ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด มาจนถึงกุนซือก่อนหน้านี้อย่าง ชาบี เอร์นานเดซ ก็มักจะยึดระบบการเล่นหลักเป็น 4-3-3 มาโดยตลอด
แต่การเข้ามาของ ฮานซี่ ฟลิค หากไม่มีอะไรผิดพลาดเขาจะมาติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ให้กับ บาร์ซ่า ในฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นแผนเก่งของเจ้าตัวในพา บาเยิร์น มิวนิค เถลิงบรรลังค์ ทริปเปิ้ลแชมป์ ได้เมื่อฤดูกาล 2019/20
ในการบิ้วอัพเกมแผนของ ฮานซี่ ฟลิค จะยืนในระบบ 3-1-3-3 โดยจะใช้กองกลางตัวรับหนึ่งคน ลงมายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คตัวที่สาม และจะใช้กองกลางอีกคนที่จ่ายบอลได้ดีอย่าง โจชัว คิมมิช รวมุไปถึงเซ็นเตอร์แบ็ค ดาวิด อลาบา คอยเป็นตัวขึ้นบอลจากแดนหลัง อีกทั้งแผงตัวรุกทั้ง 4 คนจะยืนเหมือนเป็นบล็อกสี่เหลี่ยม เพื่อที่จะให้มีพื้นที่ตรงกลางมากยิ่งขึ้น
และจะใช้ฟูลแบ็คทั้งสองข้างที่เป็นอาวุธหลักของทีมโจมตีจากทางริมเส้น ซึ่งแบ็คทั้งสองฝั่งจะทำการ โอเวอร์โหลด เพื่อให้ทีมได้เปรียบจำนวนผู้เล่นในพื้นที่เกมรุก และหาพื้นที่โจมตีคู่แข่งได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
[ เล่นฟุตบอล "ไดเร็ค" มากขึ้น ]
ในช่วงที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า มีจุดเด่นในเรื่องของวิธีการเล่นที่สวยงาม เน้นการครองบอลทำชิ่งเป็นหลัก และหาช่องจบในจังหวะสุดท้าย หรือที่เราเรียกันว่า สไตล์ tikitaka นั่นเอง
แต่วิธีการเล่นของ ฮานซี่ ฟลิค จะแตกต่างออกไป โดยเขาจะเล่น ฟุตบอลไดเร็ค เป็นหลัก จู่โจมคู่แข่งอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ โดยจะโจมตีจากด้านกว้างของสนามเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจาก บาร์ซ่า ในยุคก่อนหน้านี้ที่จะเล่นในพื้นที่แคบๆ
นอกจากนั้นการเพรสซิ่งและการสวนกลับเป็นหัวใจสำคัญในสไตล์การเล่นของ ฟลิค โดยสมัยที่เขาคุม บาเยิร์น มิวนิค นั้นผู้เล่นของเขาจะเข้าไปรุมแย่งบอลคืนจากคู่แข่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะเล่นบอลเร็วเพื่อสวนกลับฝั่งตรงข้ามทันที
ด้วยสไตล์การเล่นรูปแบบนี้ก็มีข้อเสียตรงที่แผงแนวรับจะดันขึ้นสูงเพื่อเล่นเพรสซิ่ง นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงทีจะโดนแข่งโจมตีการลูกโต้กลับได้เช่นเดียวกัน
[ มีคู่มือการใช้ เลวานดอฟสกี้ ]
ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องของฟอร์มการเล่น โดยลงสนามไปทั้งหมด 49 นัดรวมทุกรายการทำได้ 26 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ หลายคนอาจสงสัยว่านี่ฟอร์มตกแล้วหรอ ?
แต่ถ้าหากไปดูประตูเฉลี่ยของ เลวานดอฟสกี้ ในช่วงที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นปีที่เจ้าตัวทำประตูได้น้อยที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014/15 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าตัวย้ายมาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นฤดูกาลแรก โดยทำไปได้ทั้งหมด 25 ประตู จากการลงสนาม 49 นัดรวมทุกรายการ
หากจะถามว่าฤดูกาลไหนที่ เลวานดอฟสกี้ โชว์ฟอร์มได้ไฉไลที่สุดคงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2019/20 ซึ่งฤดูกาลดังกล่าวเป็นปีที่ ทัพเสือใต้ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ มาครองได้สำเร็จภายใต้การคุมทัพของ ฮานซี่ ฟลิค นี่เอง
โดยในปีนั้น เลวานดอฟสกี้ ถลุงตาข่ายได้ถึง 55 ประตูพ่วงด้วย 10 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 47 นัดรวมทุกรายการ แน่นอนว่าการเข้ามาของ ฮานซี่ ฟลิค คนที่มีความสุขมากที่สุดคงจะเป็น พี่เลวาน นี่แหละครับ
[ ระดับการฝึกซ้อมที่เข้มข้น ]
นอกจากระบบการเล่นจะสำคัญแล้ว การฝึกซ้อมก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่ง ฮานซี่ ฟลิค ให้ความสำคัญในการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก
โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวจากสเปนรายงานว่ามีเตะนักบางรายไม่พอใจกับในระดับการฝึกซ้อมของ ชาบี เอร์นานเดซ
ซึ่งการเข้ามาของ ฮานซี่ ฟลิค แน่นอนว่าเขาจะยกระดับการฝึกซ้อมของทีมให้กลับมาเข้มข้นอีกครั้ง และจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพโดยรวมของทีม ทั้งสภาพความฟิต และความเข้าใจในวิธีการเล่นของโค้ช ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในฟุตบอลยุคปัจจุบัน
[ ให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง ]
การให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งเป็นที่สิ่งที่ ฮานซี่ ฟลิค ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยนั่นก็คือ จามาล มูเซียล่า ที่ก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และแจ้งเกิดในยุคของ ฟลิค
และที่ศูนย์ฝึก ลามาเซีย ของ บาร์เซโลน่า เปรียบเสมือนแหล่งผลิตนักเตะดาวรุ่งชั้นยอดอย่างขึ้นมาประดับวงการลูกหนังมานับไม่ถ้วน อีกทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา ชาบี เอร์นานเดซ ได้ทิ้งวัตุดิบดาวรุ่งพรสวรรค์สูงไว้มากมายที่พร้อมให้ ฟลิค เข้ามาปรุงแต่งให้มีรสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เปา คูบาร์ซี่, เปดรี้, กาบี้ เฟอร์มิน โลเปซ และนักเตะรายอื่นๆก็พร้อมขึ้นมาแจ้งเกิดเช่นเดียวกัน
ทีนี้ต้องมาตามดูกันว่า ฮานซี่ ฟลิค จะพา บาร์เซโลน่า กลับมาเถลิงความยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนที่เจ้าตัวทำไว้กับ บาเยิร์น มิวนิค ได้หรือไม่คงต้องตามดูกันต่อไปครับ
-บีเบลล์ กูนเนอร์-