logo-heading

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มทุนซาอุมาเทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล เมื่อปี 2021 ซึ่งพรีเมียร์ลีกกังวลว่า นิวคาสเซิ่ลจะใช้ทริคเหมือน แมนฯ ซิตี้ ที่อัดฉีดเงินจากสปอนเซอร์ในเครือเข้าสโมสรแบบเวอร์ๆ เพื่อให้รอดกฎคุมการเงิน 

หากใครไม่เข้าใจ ขอยกตัวอย่างสมมุตินะครับ เช่น บริษัท  A ที่อยู่ในเครือนิวคาสเซิ่ล อยากเอาเงินมาสนับสนุนสโมสร 50 ล้านปอนด์ เพื่อให้สโมสรมีรายได้เยอะ แล้วเอาไปเสริมทัพได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม พรีเมียร์ลีกมองว่าเงินจากบริษัทนั้นมันผิดปกติ ผลประกอบการจริงๆ ไม่ควรมีรายได้พอที่จะมาเปย์ 50 ล้านปอนด์

เท่านั้นไม่พอ ที่มาที่ไปก็ส่อแววใช้ทริคกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวาแบบซิตี้ เลยต้องตรวจสอบกันหน่อย จนนำมาสู่กฎที่ชื่อว่า Associated Party Transaction หรือ APT นี่คือกฎที่จะเข้ามาคุมตรงนี้ แล้วได้มอบหมายหน่วยงานกลางที่ดูแลเรื่อง Fair Market Value หรือ FMV มาช่วยประเมินว่า มูลค่าของบริษัทนั้นๆ ควรจะสนับสนุนสโมสรได้มากสุดกี่ล้านปอนด์ 

ผลลัพธ์ของกฎนี้มีอะไรบ้าง? คราวนี้ไม่ยกตัวอย่าง เอาเหตุการณ์จริงไปเลย ตอนนี้สปอนเซอร์หน้าอกเสื้อนิวคาสเซิ่ลคือ Sela ที่เป็นบริษัทจากซาอุ ซึ่งตามหลักถ้าไม่มีกฎ APT มาช่วยดูแล ตัวเลขเงินสนับสนุนอาจพุ่งไปแบบไร้ขีดจำกัด แต่พอมีกฎนี้ทำให้ตัวเลขอยู่ที่ 25 ล้านปอนด์ 

ลองคิดภาพตามนะครับ หากบริษัท Sela ไม่ได้ลงบัญชี 25 ล้านปอนด์ แต่เป็น 50 หรือ 100 ล้านปอนด์ นิวคาสเซิ่ลจะขยับตัวในการเสริมทัพได้เต็มเหนี่ยว ไม่ต้องมากั๊กเหมือนทุกวันนี้ พวกเขาจะเติบโตได้ไวในเวลาไม่กี่ปี แต่พอมีทั้งกฎ PSR และกฎ APT มันเลยทำให้พวกเขาพัฒนาทีมช้ากว่าปกติ 

APT ปรากฏต่อสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2021 แต่พรีเมียร์ลีกอยากให้กฎนี้เข้มงวดและจริงจังขึ้น คือจะไม่ได้ดูแค่รายได้เวอร์ไปไหม? แต่จะดูเรื่องที่มาที่ไปของสปอนเซอร์แบบละเอียด เลยเรียกประชุมตัวแทนพรีเมียร์ลีกเพื่อโหวตอนุมัติทางการเมื่อต้นปี ซึ่งผลออกมาว่า 12 ทีมเห็นด้วยกับกฎนี้, 6 ทีมคัดค้าน และอีก 2 ทีมไม่ลงคะแนนเสียง

กฎจะผ่านก็ต่อเมื่อคะแนนเป็น 2 ใน 3 ซึ่งตามหลัก 12 จาก 20 มันยังไม่ผ่านนะครับ ต้องเป็น 14 เสียง แต่พอมีทีมไม่ลงคะแนน 2 เสียง สื่อบอกว่าต้องคิดแบบ 18 ทีมแทน ดังนั้น 12 เสียงที่เห็นด้วย เลยกลายเป็นครบ 2 ใน 3 พอดี 

นิวคาสเซิ่ลก็คงเซ็งที่เจอเรื่องนี้ เพราะไปทางลัดไม่ได้ เลยต้องทำวิธีปกติตามกฎไปก่อน แต่ทีมที่เดือดสุดคือซิตี้ เพราะพวกเขากำลังโดนห้ามใช้ทริคต่างๆ ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถ้ากฎใหม่ใช้ทางการเมื่อไหร่? จากตัวเลขสปอนเซอร์มหาศาลของสโมสร ที่ทำให้รอดกฎ PSR ได้ทุกปี มันจะกลายเป็นหล่นวูบและเสี่ยงต่อการโดน PSR เล่นงาน

รายงานจาก The Times บอกว่า 10 อันดับแรกของผู้สนับสนุนหลักซิตี้ มีถึง 4 เจ้าที่มาจากบริษัทในเครือเจ้าของสโมสร ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อรายได้สโมสรแน่ ซิตี้เลยยื่นเรื่องฟ้องกลับพรีเมียร์ลีกตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ตัวเอกสารมีมากกว่า 165 หน้า และทางพรีเมียร์ลีกก็แจ้งให้แต่ละทีมทราบว่า คดีนี้จะเริ่มพิจารณาวันที่ 10 มิถุนายน ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการสู้คดี

เอกสารดังกล่าว ซิตี้พยายามประท้วงว่า เป็นการเลือกปฏิบัติจากพรีเมียร์ลีกและทีมร่วมลีก จนนำไปสู่คำว่า "เผด็จการเสียงข้างมาก" ซึ่งกระแสต่างประเทศโจมตีท่อนนี้กันเยอะ เพราะถ้าซิตี้เลือกใช้คำแบบนี้ นั่นหมายความว่าซิตี้ไม่ยอมรับผลเสียงข้างมากหรือเปล่า? ในขณะที่ทีมอื่นทำตามกฎกันหมด ทำไมถึงโดนกล่าวหาว่าเผด็จการ?

Times ยังบอกด้วยว่า 10 จาก 12 ทีมในพรีเมียร์ลีกที่โหวตเห็นด้วยกับกฎ APT ยินดีให้การเป็นพยานและหนุนหลังพรีเมียร์ลีกเต็มที่ พร้อมไฝว้แข่งกับซิตี้เลยทีเดียว แต่ก็มี 1 ทีมที่ออกตัวสนับสนุนซิตี้เช่นกัน สื่อไม่ได้บอกว่าเป็นใคร? แต่ต่างประเทศวิเคราะห์ว่าอาจเป็นนิวคาสเซิ่ล ซึ่งย้ำว่ายังไม่ยืนยัน แค่คาดการณ์ เพราะพวกเขาก็เสียผลประโยชน์จากกฎ APT เหมือนกัน 

เชลซีก็มองข้ามไม่ได้ เพราะผู้สนับสนุนหน้าอกเสื้อ Inifinite Athlete ที่จ่ายปีละ 40 ล้านปอนด์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเคลียร์เลค แคปิตอล ที่เป็นเจ้าของเชลซี ซึ่งตอนแรก FMV พยายามจะกดยอดไม่ให้ถึง 40 ล้านปอนด์ด้วย เพราะเชลซีไม่ได้ไป UCL ทำไมมีคนยอมจ่ายแพง? และทาง Infinite ก็ยังมีผลประกอบการไม่เยอะขนาดนั้น 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้คืออะไร? หากพรีเมียร์ลีกเป็นฝ่ายชนะ ซิตี้ต้องล้างระบบการทำบัญชีใหม่หมด ต้องลดผู้สนับสนุนในเครือและหาจากภายนอกมากขึ้น รวมถึงงบเสริมทัพต่อปีก็น่าจะน้อยลงด้วย นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกจะมีมาตรฐานชัดเจน ไม่มีความเหลื่อมล้ำเรื่องเงินอัดฉีดสโมสร ซึ่งทำให้ทีมเล็กพอลืมตาอ้าปากได้หน่อย

ในทางกลับกัน หากซิตี้เป็นฝ่ายชนะ เมื่อไม่มีกฎ APT อีกต่อไป ซิตี้หรือทีมอื่นๆ จะลงบัญชีสปอนเซอร์ในเครือเท่าไหร่ก็ได้ คุณจะยัด 100 ล้านปอนด์ต่อชิ้นก็ได้ แต่ห้ามมีหลักฐานว่าคนจ่ายเงินคือเจ้าของสโมสร เพราะยังไงก็ตามกฎ PSR หรือ FFP ยังห้ามอัดฉีดจากเจ้าของ แต่ทางอ้อมเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีหลักฐานออกมา 

ทีมไหนที่เจ้าของสโมสรรวย จะได้เปรียบแบบสุดขีด มันจะหนักยิ่งกว่ายุค โรมัน อบราโมวิช ที่เปย์หนักทีมเดียว เพราะจะกลายเป็น 2-3 ทีม หรืออาจมากกว่านั้น ที่เปย์แบบไม่อั้น นอกจากนี้ มันยังมีผลต่อรูปคดี 115 กระทงซิตี้ด้วย ซึ่งข่าวจาก Times บอกว่าจะพิจารณาคดีเดือนพฤศจิกายน กินเวลาราว 6 สัปดาห์

ทำไมถึงมีผลต่อรูปคดี? ต้องบอกว่า 115 กระทงที่ว่าเนี่ย คือพรีเมียร์ลีกไม่พอใจที่ซิตี้ "อาจจะ" ตกแต่งบัญชีสปอนเซอร์ เพื่อให้ตัวเลขมันสูงแล้วไม่โดนกฎ PSR ซึ่งถ้าพรีเมียร์ลีกเริ่มต้นจากการแพ้คดี APT ที่คุมมูลค่าสปอนเซอร์ ซิตี้ก็อาจจะอ้างสิทธิ์ได้ว่า การอัดฉีดจากสปอนเซอร์ในเครือ มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น

จากที่คาดว่าตอนแรกโทษหนักสุดคือปรับตกชั้น อาจกลายเป็นเบากว่านั้นหลายเท่าตัว ซึ่งบรรดาสื่อต่างประเทศบอกตรงกันว่าคดี APT ที่น่าจะได้ข้อสรุปไม่เกิน 1 เดือนจากนี้ คือการชี้ทิศทางสู่คดี 115 กระทงได้เลย 

ถ้าพรีเมียร์ลีกชนะ วงการฟุตบอลก็คงไม่เปลี่ยนจากปัจจุบันมากนัก แต่หากซิตี้เป็นฝ่ายชนะทุกคดี เตรียมตัวดูพรีเมียร์ลีกยุคใหม่ได้เลย มันจะไม่ได้มีนักลงทุนมหาศาลแค่ แมนฯ ซิตี้ หรือนิวคาสเซิ่ล แต่จะมีตามมาแบบนับไม่ถ้วน

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline