[ ยิงโหดเหมือนไปโกรธใครมา ]
หลังจากที่ เยอรมัน ตกรอบแรกในฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดกันในปี 2018 และ 2022 ร่วมถึง ยูโร ครั้งก่อนเมื่อปี 2020 ก็ทำผลงานได้น่าผิดหวังจบเพียงแค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น
แน่นอนว่าในศึก ยูโร 2024 ครั้งนี้ ทัพอินทรีย์เหล็ก ภายใต้การคุมทัพของกุนซือหนุ่มอย่าง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ถูกคาดหวังไว้สูงลิ่วในฐานะที่เป็นเจ้าภาพ และความดันอันมหาศาลย่อมตามหลังมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เกมวันนี้ระบบการเล่นและรายชื่อ 11 ตัวจริงของ เยอรมัน ต้องบอกว่ามาตามคาด แต่รูปแบบหรือวิธีการเล่นของ นาเกลส์มันน์ มาแปลกเล็กน้องตรงที่เลือกใช้ โทนี่ โครส เป็นตัวออกบอลยืนต่ำสุดเหมือนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คคนที่ 3 จากที่สื่อมองไว้ก่อนเกมว่าจะเป็น โยชัว คิมมิช ที่จะมารับหน้าที่ในส่วนนี้
อีกทั้งแบ็คทั้งสองฝั่งอย่าง มิตเทิ้ลสเตดห์ รวมถึง โยชัว คิมมิช จะขึ้นไปเล่นด้านกว้างเหมือนเป็นปีกในการเล่นเกมรุกเพื่อทำการโอเวอร์โหลดคู่แข่ง และขยับ จามาล มูเซียล่า, อิลคาย กุนโดกัน และ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ หุบมาเล่นตรงกลางมากขึ้น เหมือนเป็นตัวฟรีทั้งในตำแหน่งแนวรุกคอยวิ่งสลับกันไปมา
ซึ่งวิธีการเล่นแบบนี้ทำให้ สกอตแลนด์ จับทางไม่ถูกว่าจะไปประกบผู้เล่นตัวไหน และเป็นเหตุให้ เยอรมัน ได้ถึง 3 ประตูในครึ่งเวลาแรก
ส่วน สกอตแลนด์ ต้องบอกว่าเกมวันนี้เล่นผิดฟอร์มอย่างมาก เลือกที่จะมาเล่นเพรสซิ่งสูง แทนที่จะตั้งรับให้แน่นน ทำให้เกิดมีพื้นที่ระหว่างแดนกลาง และแดนหลัง เป็นช่องให้ เยอรมัน โจมตีแบบเพลินตีนสุดๆ
แถมการจ่ายบอลแต่ละครั้งของ นักเตะสกอตแลนด์ ก็ดูผิดพลาดไปหมด จ่ายบอลไม่ถึงครึ่งสนามก็เสียบอลโดนฝั่ง เยอรมัน เก็บกินเรียบ ส่งผลให้ สกอตแลนด์ ไม่มีจังหวะโต้กลับสวยๆ หรือจังหวะจบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แถมยังมาโดนใบแดงพร้อมกับเสียจุดโทษในช่วงท้ายครึ่งแรก ทำให้ความหวังที่จะพลิกสถานการณ์ของทีมแถมดับวูบเลยทีเดียว
สถิติทั้งเกมของ สกอตแลนด์ มีโอกาสยิงประตูเพียงครั้งเดียวเท่านั้น กลับกันทางฝั่ง เยอรมัน มีโอกาสยิงประตูถึง 20 ครั้ง และได้ถึง 5 ประตู เรียกได้ว่าจบสกอร์กันเฉียบขาดเสียเหลือเกิน ส่งผลให้ทีมเจ้าภาพคว้า 3 แต้มก่อนได้เป็นทีมแรก
[ สองดาวดวงใหม่ของ เยอรมัน ]
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพูดถึงเลยคือ ผลงานของสองดาวรุ่งพุ่งกระฉูดแตกอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่ลงเล่นให้กับ ทีมชาติเยอรมัน ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมฝากฝังผลงาน 1 ประตู ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะเยอรมันที่อายุน้อยที่สุด 21 ปี 42 วัน ที่ทำประตูได้ในศึกยูโรรอบสุดท้าย
และอีกรายอย่าง จามาล มูเซียล่า ที่ได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตซ์ ไปครองในเกมวันนี้ ด้วยผลงาน 1 ประตู พร้อมทั้งฉีกกระชากแนวรับของ สกอตแลนด์ แทบไม่เหลือชิ้นดี ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ ทีมชาติเยอรมัน ด้วยวัย 21 ปี 109 วัน ที่ยิงประตูได้ในศึกยูโรรอบสุดท้าย
[ โทนี่ โครส ]
ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันนะครับว่านี่คือฟอร์มการเล่นของนักเตะที่กำลังจะแขวนสตั๊ดหลังจากจบ ยูโร ครั้งนี้ ต้องบอกว่าผลงาน และฟอร์มการเล่นของ โทนี่ โครส อยู่ในระดับ "เวิร์ลคลาส" อย่างไม่ต้องสงสัย
การลงไปเล่นต่ำในรูปแบบ deep lying playmaker ยืนอยู่ในระนาบเดียวกับแผงหลัง ทำหน้าที่เป็นตำแหน่ง คอนดักเตอร์ ในวงออเคสต้า ที่จะคอยควบคุม และกำหนดทุกอย่างไว้ด้วยตัวคนเดียว
การจ่ายบอลสั้น บอลยาว มันดูเนียนตาไปหมด แถมประตูแรกก็ได้มาจาก โทนี่ โครส ที่เป็นจุดเริ่มต้นของประตู โดยการสวิชบอลไปให้ โยชัว คิมมิช ก่อนที่จะจ่ายต่อมาให้ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ซัดไกลเข้าไป
ซึ่งสถิติหลังเกมบ่งบอกได้เลยว่าการจ่ายบอลของ โทนี่ โครส มันสุดยอดแค่ไหน ตลอดทั้งเกม โครส จ่ายบอลไปทั้งหมด 102 ครั้ง สำเร็จ 101 ครั้ง พลาดเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โดยมีอัตราความแม่นยำสูงถึง 99% เลยทีเดียว
แม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตซ์ และไม่ได้โดดเด่นเหมือนนักเตะแนวรุกคนอื่นๆ แต่เบื้องหลังชัยชนะในเกมวันนี้ของ เยอรมัน แน่นอนว่า โทนี่ โครส คือผู้อยู่เบื้องหลังของทีมอย่างแท้จริง
-บีเบลล์ กูนเนอร์-