[ ออสเตรีย ]
ทีมแรกที่ต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้น ออสเตรีย ภายใต้การคุมทัพของ ปรมาจารย์ ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการผงาดคว้าแชมป์กลุ่มได้แบบน่าเหลือเชื่อ
ทั้งที่ทีมร่วมกลุ่มเต็มไปด้วยทีมมหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศส อีกหนึ่งเต็งแชมป์ของศึก ยูโร ครั้งนี้ รวมถึง เนเธอร์แลนด์ ที่อุดมไปด้วยสตาร์ระดับชั้นแนวหน้าของยุโรป
แม้ว่าเกมแรกจะพ่ายต่อ ฝรั่งเศส 1-0 แบบไม่เป็นรอง ด้วยคุณภาพผู้เล่น และความเฉียบขาดในพื้นที่สุดท้ายทำให้พวกเขาไม่สามารถเจาะแนวรับของ ทัพตราไก่ ได้
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว ราล์ฟ รังนิก จึงได้ปรับหมากชุดใหญ่ ทั้งตัวผู้เล่น รวมถึงแท็คติกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังพัฒนาจุดเด่นของทีมชุดนี้นั่นก็คือการเพรสซิ่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
จนสามารถพลิกสถานการณ์ได้ในอีก 2 เกมที่เหลือ คว้าชัยเหนือ โปแลนด์ 3-1 และ ยัดเยียดความปรายชัยให้กับ เนเธอร์แลนด์ 3-2 แบบสุดมันส์ ผงาดคว้าแชมป์กลุ่มแบบโคตรเซอร์ไพรส์
นอกจากนั้นแล้ว ออสเตรีย ของ ราล์ฟ รังนิก ยังเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดของกลุ่ม ดี กระหน่ำไปถึง 6 ประตู และเป็นอันดับ 2 ในศึก ยูโร ครั้งนี้ เป็นรองเพียงแค่ เยอรมัน เท่านั้น 8 ประตู
[ โรมาเนีย ]
ทีมต่อมา โรมาเนีย ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่ผ่านเข้ารอบน็อตเอาท์แบบโคตรเซอร์ไพรส์ เพราะครั้ง ยูโร ที่ผ่านๆมา ทัพผีดิบ ก็เปรียบเสมือนทีมไม้ประดับ ที่เข้ามาแล้วก็ตกรอบไปตามระเบียบ
แต่ครั้งนี้พวกเขาทำผลงานได้เกินความคาดหมายเปิดหัวด้วยการเอาชนะ ยูเครน ไปถึง 3-0 เป็นชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่ ยูโร 2000 เพราะก่อนหน้านี้ที่ โรมาเนีย ผ่านเข้ามาเล่น ยูโร เมื่อปี 2008 และ 2016 พวกเขาไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย
มิหนำซ้ำ ทัพผีดิบ ยังคว้าตำแหน่งแชมป์กลุ่ม อี ด้วยการมี 4 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ของทัวร์นาเมนท์เป็นครั้งแรกในปี 24 ปี
ทว่าดันโชคร้ายที่ตำแหน่งแชมป์กลุ่มของพวกเขาดันจับไปพบกับ เนเธอร์แลนด์ ที่จบอันดับ 3 ของกลุ่ม ดี
แน่นอนว่าการเข้ามาถึงรอบน็อคเอาท์ของ โรมาเนีย ถือว่ามาไกลเกินฝันแล้ว ไม่ว่าจะเจอกับใครผมเชื่อมั่นอย่างเต็มประดาว่าพวกเขาจะใส่สุดด้วยทุกอย่างที่มีอย่างแน่นอน
[ อิตาลี ]
แม้ว่า อิตาลี จะเป็นถึงดีกรีแชมป์เก่าในศึก ยูโร ครั้งนี้ แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างมาประกอบกันมันดูไม่ลงตัวสักเท่าไหร่ ทั้งคุณภาพผู้เล่นที่ไม่มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เหมือนครั้งอดีตที่ผ่านมา
อีกทั้งผลงานในรอบแบ่งกลุ่มก็ดูกระท่อนกระท่อนเสียเหลือเกิน กว่าจะชนะแต่ละเกมต้องบอกว่าเลือดตาแทบกระเด็น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทัพอัซซูรี่ จบอันดับ 2 ของกลุ่ม บี ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 แถมฟอร์มการเล่นยังดูไม่ค่อยสโภาเท่าไหร่ โดยเฉพาะแนวรุกที่มันดูขัดหูขัดตาเสียเหลือเกินทำได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น
ถึงกระนั้นด้วยความที่เป็น อิตาลี มักเป็นทีมที่เครื่องร้อนช้า และมักจะทำได้ดีในเกมรอบน็อกเอาท์ หากดูจากสถิติ ยูโร ครั้งที่ผ่านๆมาของ อิตาลี พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ถึง 6 จาก 10 ครั้ง และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 2 ครั้ง
ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองข้ามทีมอย่าง อิตาลี ได้เลย แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะดูไม่เข้าตาสักเท่าไหร่ในรอบที่ผ่านมา แต่ด้วยความเป็น อิตาลี มักชอบสร้างเซอร์ไพรส์ให้พวกเราได้เห็นอยู่เสมอ
เกมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขุนพลมักกะโรนี ต้องพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ แดนนาฬิกา ที่ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กันในรอบแบ่งกลุ่มต้องลุ้นกันว่า อิตาลี จะสามารถคว้าชัยและผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่
[ จอร์เจีย ]
จอร์เจีย อีกหนึ่งทีมที่สร้างความเซอร์ไพรส์สุดๆ ด้วยผลงาน ชนะ 1 เสมอ 1 และ แพ้ 1 นัด เก็บได้ถึง 4 คะแนน ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ด้วยการเป็นหนึ่งในสี่ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด
ซึ่ง จอร์เจีย ไม่เคยผ่านเข้ามาเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติมาก่อน ด้วยชื่อชั้นทีมอันดับ 74 ของโลก น้อยที่สุดในศึก ยูโร ครั้งนี้ แต่สามารถพลิกผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ทั้งที่มาเล่นครั้งแรกได้
อีกทั้งฟอร์มการเล่นในสนามยังไฉไลเป็นบ้า เล่นเกมรุกได้แบบเมามันส์ดีเหลือเกิน และยังสามารถเอาชนะโคตรทีมอย่าง โปรตุเกส ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับโลกอยู่ในทีม ด้วยสกอร์ 2-0 แบบโคตรน่าเหลือเชื่อ
ส่วนทีมที่พวกเขาจะต้องเผชิญในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั่นก็คือ สเปน ทีมที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในศึก ยูโร ครั้งนี้ ต้องมาตามดูกันว่า จอร์เจีย จะสามารถพลิกล็อกเหมือนที่ทำกับ โปรตุเกส ได้หรือไม่
[ ตุรเคีย ]
ทีมสุดท้าย ตุรเคีย ที่สามารถผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ยูโร 2008 ซึ่ง ยูโร ครั้งนั้นพวกเขาจบได้ถึงอันดับ 3 ทว่า ยูโร สองครั้งหลังสุดพวกเขาไม่สามารถผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ได้เลย แถมยังเก็บชัยได้แค่นัดเดียว
แต่การกลับมาครั้งนี้ของ ตุรเคีย ภายใต้การคุมทัพของ วินเซนโซ่ มอนเทลล่า เขาได้เปลี่ยนให้ ทัพไก่งวง กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกดุดัน กระหน่ำไป 5 ประตู จากเกมรอบแบ่งกลุ่ม อีกทั้งยังคว้าชัยได้ถึง 2 เกม
ทั้งนี้รอบ 16 ทีมสุดท้ายสองทีมม้ามืดจะต้องโคจรมาพบกันระหว่าง ตุรเคีย และ ออสเตรีย ซึ่งเป็นสองทีมที่เน้นเกมรุกกันทั้งคู่ แน่นอนระดับความเมามันส์ของเกมคู่นี้การันตีทะลุจุดเดือดอย่างแน่นอน
-บีเบลล์ กูนเนอร์-