90 นาทีในเกมดังกล่าวต้องบอกว่าพลพรรค กระทิงดุ ดุสมชื่อ มีความครบเครื่องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเกมรุกที่เจ้าหนู ลามีน ยามาล โชว์ความพิเศษในเกมสุดสำคัญแบบนี้
ตลอดเกมในสนามมีประเด็นอะไรบ้างที่น่าสนใจ ขอบสนาม ได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว
แบบแผนทั้งสองทีม
เริ่มต้นในเรื่องของการวางแผนในสนามกันก่อน สเปน ขาดนักเตะ 3 ราย ดานี่ การ์บาฆาล กับ โรบิน เลอ นอร์กม็องด์ ติดโทษแบน ทำให้ เดอ ลา ฟอนเต้ ต้องปรัยมาใช่ เฆชุส นาบาส มาเล่นแบ็คซ้าย และ นาโช่ เฟร์นานเดส ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ
ส่วนในตำแหน่าง เปดรี้ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บในรอบก่อนหน้า ก็จับ ดานี่ โอบโม่ ฮีโร่ยิง 1 จ่าย 1 จากนัดก่อนเป็นตัวจริง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ตามเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
ที่น่าสนใจคือฝรั่งเศสที่ ดิดิเยร์ เดสชองส์ ปรับหมากมาเล่น 4-3-3 ดร็อป กรีซมันน์ เป็นตัวสำรอง และส่ง อุสมาน เดมเบเล่ มายืนทางฝั่งขวา ประสานงานร่วมกับ โคโล่ มูอานี และ เอ็มบัปเป้
ซึ่งการปรับวิธีการยืนตำแหน่งของ เดสชองส์ มีความวูบวาบเหลือเกินไปช่วงต้นเกม เอ็มบัปเป้ กลับมาดูมีความมั่นใจ มีความคล่องแคล่ว แถมแอสซิสต์ได้ด้วย แต่กระนั้นทุกอย่างกลับตาลปัตรในช่วงเวลาเพียงไม่นาน กลายเป็น สเปน ที่พอพลิกขึ้นนำครองเกมไว้ได้ ใช้จุดเด่นคือการครองบอล ไม่ได้ตั้งรับเสียทีเดียว พลางมีจังหวะตอบโต้ที่น่าเกรงขามพอสมควร ก่อนรักษาประตูที่นำเอาไว้ได้
ยามาล เกินอายุ
หนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงแบบสนั่นโซเชียลคือผลงานของ ลามีน ยามาล เจ้าหนูวัย 16 ปี ที่ไร้ซึ่งการตื่นสนาม ไม่มีลนลาน แถมเล่นได้นิ่งเกินอายุเอามากๆ ทั้งที่นี่คือเกมสุดสำคัญ มีความกดดันที่อาจจะต้องเผชิญ
ประตูที่ ยามาล ทำได้ในวัย 16 ปี 362 วัน ทำลายสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำได้ในทัวร์นาเมนต์ยูโร แถมสวยจัดยกนิ้วพร้อมโค้งหัวคารวะให้เลย จังหวะโยกหลอกคู่แข่ง ก่อนล็อคเข้าซ้ายปั่นโค้งๆ เข้าไปอย่างสวยงาม
ช็อตนี้มันไม่ใช่แค่การปั่นสวยๆ ของ ยามาล แต่ถ้าดูจากระยะทั้งนอกกรอบเขตโทษ ทักษะการยิง การวางเท้า พลังเท้า ทุกอย่างลงตัวเพอร์เฟค
เท่ากับตอนนี้ ยามาล ทำสถิติไว้ได้อย่างมากมายกับยูโรครั้งแรกในวัย 16 ปี ทั้ง นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนาม, นักเตะอายุน้อยที่ทำประตูได้, นักเตะอายุน้อยที่สุดทำแอสซิสต์ได้
และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ยามาล กำลังจะกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลงสนามในนัดชิงยูโรด้วยวัยเพียง 17 ปี เพราะเจ้าตัวกำลังจะครบรอบวันเกิดในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
ยูโรที่น่าผิดหวังของ เอ็มบัปเป้
สิ่งที่ต้องยอมรับในทัวร์นาเมนต์ยูโรคราวนี้คือผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ แทบไม่มีเกมไหนเลยที่เจ้าตัวแสดงพิษสงความอันตรายออกมา ทว่าส่วนหนึ่งอาจมาจากหน้ากากที่สวมใส่ป้องกันจมูก
ที่ผ่านมา เอ็มบัปเป้ มักจะออกมาบ่นผ่านสื่อตลอดว่าหน้ากากคือหนึ่งในสิ่งที่เหมือนจะฉุดรั้งศักยภาพของเขา เพราะวิสัยทัศน์ในการเล่นต่างไปจากเดิม เหมือนมีอะไรมาบดบังไม่ได้เห็นภาพมุมที่กว้างกว่าเดิม หรือเรื่องของเหงื่อที่เขาเองไม่อาจควบคุมได้เวลามันไหลเข้าตา หรืออยู่ภายใต้หน้ากาก
ฟอร์มของ เป้ ดรอปลงแบบชัดเจน ความเฉียบขาดที่เคยมี จังหวะกระชากวัดสปีดกับคู่แข่งก็น้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะหน้ากาก อีกส่วนอาจเพราะเรื่องของแท็คติก และวิธีการในสนาม
บทสรุป 5 เกมของ เอ็มบัปเป้ ในยูโร 2024 ทำไปได้ 1 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ แถมประตูที่ได้ในวันดวล โปแลนด์ ก็มาจากจุดโทษ ซึ่งถ้าจะบอกว่านี่คือทัวร์นาเมนต์ที่น่าผิดหวังของ ประธานเป้ ก็คงจะไม่ได้มากจนเกินไป
เกมนัดชิงฯ ของ สเปน
ยูโร 2024 คือการกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับทวีปครั้งที่ 5 ของพวกเขา ซึ่งสถิติก่อนหน้านี้ต้องบอกว่าค่อนข้างดี คว้าแชมป์มาครองได้ถึง 3 ครั้ง คือเมื่อปี 1964, 2008 และ 2012 ครั้งเดียวที่ทัพ “กระทิงดุ” พลาดท่าในเกมชิงโทรฟี่คือ ยูโร 1984 ที่พ่าย ฝรั่งเศส 2-0
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน สเปน กลายเป็นตัวเต็งในการสอยแชมป์อีกครั้ง และกับผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเราจะเห็นมาตรฐานที่พวกเขาเซ็ตเอาไว้ค่อนข้างสูง ฟุตบอลที่เน้นไปที่การครองบอล เกมรับเหนียวแน่น เกมรุกมีความจี๊ดจ๊าดของปีกทั้งสองข้าง
เป็นอันเข้าใจได้ว่า “กระทิงดุ” ในตอนนี้ครบเครื่องเป็นอย่างมาก เล่นฟุตบอลสนุกไม่น่าเบื่อ คาดหวังต่อผลการแข่งขันได้
ณ ตอนนี้คู่ชิงของพวกเขายังไม่รู้ว่าจะเป็น อังกฤษ หรือ เนเธอร์แลนด์ แต่คำถามคือต่อให้เป็นใครมาเจอ สเปน ที่เขี้ยวลากดินในตอนนี้จะหยุดความร้อนแรงอย่างไร
สเปน ในวันที่กลับมาแกร่งทั่วแผ่นอีกทั้ง
สเปน ที่ผสมผสานระหว่างวัยเก๋า กับวัยรุ่น
สเปน ที่ยึดมั่นแนวทางของตัวเอง ครองบอลให้เหนียว แม่นยำในทุกจังหวะ
พวกเขาเหมาะสมอย่างยิ่งในฐานะคู่ชิงแชมป์โทรฟี่ใบสำคัญอย่าง ยูโร 2024
