logo-heading

บางครั้งโลกฟุตบอล มันก็กลมกว่าที่เราคิดกัน การได้ร่วมงานกัน ณ ที่แห่งหนึ่ง ก็อาจทำให้เราได้พบเจอกันอีกครั้งในอนาคตในต่างที่ต่างเวลาก็ได้ คราวนี้มันเกิดขึ้นกับ เดวิด มอยส์ และ ปาทริช เอวร่า

ปี 2014 ปาทริช เอวร่า ถูกปล่อยตัวออกจากทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ไปอยู่กับ ยูเวนตุส โดยเมื่อคร้งเขาอยู่กับ "ปีศาจแดง" กุนซือคนสุดท้ายที่ได้ร่วมงานกับเขาคือ เดวิด มอยส์ ที่รับมรดกนักเตะคนนี้มาจาก เซอร์ อเล็กซ เฟอร์กูสัน เมื่อสุดท้าย มอยส์ โดนปลด และดาวเตะเฟร้นช์แมนย้ายทีมไปอยู่ อิตาลี ใครจะคิดว่า เดวิด มอยส์ คนนี้แหละจะเซ็นสัญญาเขากลับมาใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ในวัย 36 ปี กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ถ้าพูดถึง เอวร่า แฟนบอลยุคนี้หลายคนน่าจะรู้จัก เขาคือแบ็กซ้ายตัวจริงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมในยุคหลังของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าแชมป์ในคราบ "ปีศาจแดง" มามากมาย ทั้งแชมป์ลีก 5 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย, คอมมูนิตี้ ชิลด์ 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย เรียกว่าการมาค้าแข้งในอังกฤษครั้งแรกครั้งนั้นของเขาก็ประสบความสำเร็จสุดๆ เลยทีเดียว ภาพจำของ เอวร่า มีหลายเรื่อง นอกจากฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์ การเติมเกมรุกที่ดุดัน การเปิดบอลที่แม่นยำ และการสร้างโอกาสทำประตู แต่อีกภาพหนึ่งเขาเป็นนักเตะอารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของทุกคนในทีม มีอารมณ์ขันในการสร้างบรรยากาศสนุกๆ ในห้องแต่งตัวได้อยู่เสมอๆ แต่นอกจากภาพดีๆ เหล่านั้น เขาก็เป็นคนที่กวนบาทาชาวบ้านอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ภาพจำอีกหนึ่งภาพของ เอวร่า ที่ไม่ใช่เรื่องดีนักใน พรีเมียร์ลีก คือการทะเลากับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ตอนนั้นเป็นกองหน้าของ ลิเวอร์พูล ข้อหาที่ดาวเตะ "หงส์แดง" มาเหนียดผิวเขา เป็นเรื่องเปิดราวกันใหญ่โต สุดท้าย ซัวเรซ ก็โดนแบนไปในที่สุด แล้วไม่รู้ผูกใจเจ็บหรือแค่อยากกวน การคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของ เอวร่า เมื่อปี 2013 เขาเอาแขนปลอมมากัดโชว์ฉลองด้วย ต่อให้ไม่มีใครบอก ก็รู้ชัดว่าเป็นการแขวะคู่กรณีที่ไปกัด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แน่นอน การเล่นใน พรีเมียร์ลีก อาจเป็นจุดพีคที่สุดของเขา การย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ก็ทำผลงานได้ดี แต่ก็ไม่นาน เพราะอายุเริ่มเยอะแล้ว สุดท้ายเมื่อซีซั่นก่อน เขาก็ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่าการไปอยู่ใน ฝรั่งเศส อาจเป็นจุดสุดท้ายที่ชีวิตค้าแข้งของเขาจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะ เอวร่า ที่มีประสบการณ์ค้าแข้งมากมายทั้งระดับสโมสร และระดับชาติ อายุไม่ใช่น้อยๆ กลับทำตัวเหมือนวัยรุ่น ไปกระโดดกังฟูคิกใส่แฟนบอลตัวเองซะอย่างงั้น ครั้งนั้นหลายคนบอกว่า เอวร่า ไม่ใช่คนเริ่ม แต่เรื่องที่จบด้วยการทำร้ายร่างกายก็ผิดอยู่ดี มาร์เซย ก็จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของทีมไว้ สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะแยกทางกันกลางคัน ถามว่าเขาเครียดเรื่องนี้ไหม ก็ไม่น่า ไม่กี่วันถัดมายังโพสต์นั่นโพสต์นี่ลงใน อินสตาแกรม เยอะแยะทีเดียว เหมือนยังอารมณ์ดีอยู่เสมอๆ แต่เพราะเรื่องนั้นทำให้เขาว่างงานอยู่นานเลยทีเดียว ดังนั้นการที่ เดวิด มอยส์ ไว้ใจในตัวเขา เลือกที่จะเซ็นเขากลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง นอกจากจะได้ทำงานกับคนคุ้นเคยแล้ว ยังเหมือนเป็นการมอบโอกาสให้ เอวร่า ได้แก้ตัว ได้แก้ไขเส้นทางช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้งที่ทำผิดพลาดเอาไว้ด้วย ให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองว่า แม้ว่าจะอายุ 36 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีบางอย่างที่จะมอบให้กับทีมได้ ถามว่า มอยส์ หวังอะไรจาก เอวร่า ในวัย 36 ปี แน่นอนว่าคงไม่ได้หวังเรื่องฝีเท้าว่าจะยังยอดเยี่ยมเหมือนตอนหนุ่มๆ แน่ ไม่ได้หวังเรื่องกำลังวังชาว่าจะวิ่งขึ้นวิ่งลงริมเส้นได้เหมือนแต่ก่อน ไม่ได้หวังให้เขาเข้ามาในฐานะตัวจริงอยู่แล้ว แต่สิ่งที่กุนซือชาวสกอตมองว่า เอวร่า มีให้เขาแน่นอนคือ ประสบการณ์ที่เล่นมาแล้วหลายประเทศ รวมถึงการเคยลงเล่นในเวทียุโรป และทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่จะสามารถถ่ายทอดให้กับบรรดานักเตะคนอื่นๆ ในทีมได้ นอกจากในสนาม ก็คือเรื่องในห้องแต่งตัว เขาเป็นนักสร้างบรรยากาศ เป็นผู้สร้างความกลมเกลียวภายในทีม ดูแล้วก็เป็นผลดีที่คุ้มค่าอยู่เหมือนกัน ถ้าคุณคิดว่านักเตะอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด หรือ ปอล ป็อกบา ที่เป็นตัวป่วนตัวสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวแล้ว ต้องบอกว่า เอวร่า โปรกว่าเยอะ และตอนนี้ ตัวโปรก็กลับมาสู่ พรีเมียร์ลีก แล้ว  

- เทพเฟี๊ยต -

  ปล. ถามว่า เอฟร่า แข็งแรงแค่ไหนในวัย 36 ปี ดูคลิปนี้ครับ https://www.instagram.com/p/BbbqbNglKjE/?utm_source=ig_embed
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline