เนื่องจากมักจะมีม้านอกสายตา สอดแทรกตัวเข้ามาพร้อมล้มบัลลังค์ยักษ์ใหญ่อยู่เสมอ เหมือนอย่างที่ แอสตัน วิลล่า ทำให้เห็นเมื่อซีซั่นก่อน
ฉะนั้น จารย์ฮายกระจายเรื่อง ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่า 4 ทีมนี้ จะเป็นม้ามืด ที่มีโอกาสเบียดทีมยักษ์ใหญ่ ลุ้นคว้าตั๋ว ยูซีแอล ในซีซั่นหน้า ได้เช่นเดียวกัน
4. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน
ไบร์ทตัน ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งตัวผู้เล่น และ ตัวกุนซือ ที่ต่างถูกทีมอื่นๆแย่งตัวไป โดยเฉพาะตำแหน่งเฮดโค้ช เพราะซีซั่นนี้พวกเขา ไม่มี โรแบร์โต้ เด แชร์บี้ อีกแล้ว ซึ่งคนใหม่ล่าสุดมีชื่อว่า ฟาเบียน ฮูร์เซเลอร์ เป็นกุนซือคนใหม่วัย 31 ปี พร้อมถือสถิติเป็รผู้จัดการทีมถาวร ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
ฟาเบียน ฮูร์เซเลอร์ มีดีกรีในการพา ซังต์ เพาลี คว้าแชมป์ ลีกา สอง พร้อมคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา ได้สำเร็จ ดังนั้นเชื่อมือประสิทธิภาพของทีมวิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้านของ ไบรท์ตัน ได้เลย พวกเขาทำงานกันได้อย่างแม่นยำ ว่าใครจะเหมาะกับรูปแบบการทำทีม เรียกว่า คลังข้อมูลของสโมสร ที่นำโดย โทนี่ บลูม ประธานสโมสร อยู่แทบทุกอณู ไล่ตั้งแต่การวิเคราะห์มูลค่าของนักเตะทุกคนแบบละเอียดยิบ
ฉะนั้น ไบรท์ตัน ไม่เคยขาดคนเก่ง ต่อให้จะเสียใครไปก็ตาม ซีซั่นนี้ พวกเขายังมี คาโอรุ มิโตมะ, เจา เปโดร, ลูอิส ดังค์ หรือ ฮูลิโอ เอ็นซิโซ่ เป็นตัวหลักของทีม รวมถึงนักเตะหน้าใหม่ที่พวกเขาทุ่มงบไปแล้วเฉียดๆ 80 ล้านปอนด์ ไม่ว่าจะเป็น อิบราฮิม ออสมัน ปีกซ้าย 16 ล้านปอนด์, ยานคูบา มินเตห์ ปีกขวาเด็กมหัศจรรย์ 30 ล้านปอนด์ หรือ มัตส์ วีฟเฟอร์ กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 25 ล้านปอนด์
ซีซั่นก่อน ไบรท์ตัน จบอันดับ 11 ของตาราง อาจจะหลุดวงโคจรไปหน่อย เพราะอาการบาดเจ็บเป็นคีย์สำคัญ แต่ช่วงออกสตาร์ทซีซั่น ไบรท์ตัน ทำให้ทั่วโลกต้องตะลึงเหมือนกัน โดยเฉพาะผลงานในบ้าน ไม่ค่อยมีใครอยากมาเยือนที่นี่มากนัก และ ฤดูกาลนี้ พวกเขา ก็ทำให้เห็นอีกครั้งด้วยการเก็บ 6 คะแนน จาก 2 นัดแรก หนึ่งในนั้นคือการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ 2-1 นี่เป็นการการันตีว่า ต่อให้ ไบรท์ตัน จะเสียคนเก่งๆไป แต่ ไบรท์ตัน ก็ได้คนเก่งๆเข้ามาแทนที่อยู่ตลอด
3. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
คุณไม่สามารถมองข้าม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้เลย เพราะนี่คืออดีตทีมที่เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก มาแล้ว อีกทั้งซีซั่นก่อนผลงานก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ จบเป็นอันดับ 9 ของตาราง โดยซีซั่นนี้ ขุนค้อน มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะตำแหน่งกุนซือที่เปลี่ยนจาก เดวิด มอยส์ มาเป็น ฆูเลน โลเปเตกี ผู้มีประสบการณ์คุม วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เคยพา เซบีย่า คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก มาแล้ว
เวสต์แฮม อาจเป็นทีมม้านอกสายตา แต่การเสริมทัพของพวกเขา นับว่าไม่ธรรมดา อย่างที่หลายคนทราบกัน คือการไปดึงตัว นิคลาส ฟูลล์ครุก กองหน้าทีมชาติเยอรมัน ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาได้ในราคา 27 ล้านปอนด์ ดังนั้นโปรเจ็คท์สโมสรต้องน่าสนใจมากแน่ๆ ถึงดึงนักเตะระดับนี้มาได้ โดยไม่มีถ้วยยุโรปมาเกี่ยวข้อง
ไหนจะมี แม็กซ์ คิลล์แมน 40 ล้านปอนด์, คริสเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ ปีก ลีดส์ ยูไนเต็ด 25 ล้านปอนด์ รวมถึง หลุยส์ กิลเยเม่ ปีกขวาจาก พัลไมรัส อีก 25 ล้านปอนด์ รวมถึง อาร่อน วาน บิสซาก้า แบ็กขวาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพระดับ 100 ล้านปอนด์ ขนาดนี้ ต้องหวังโควต้ายุโรปเป็นอย่างน้อย และ หากติดท็อป 4 คงเป็นกำไรที่พวกเขาหมายปอง
เพราะนอกจากแข้งใหม่แล้ว เวสต์แฮม อัดแน่นไปด้วยนักเตะตัวท็อปที่มีอยู่ในทีม ไล่ไปตั้งแต่ จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, โมฮาเหม็ด คูดูส, เอ็ดสัน อัลวาเรซ และ โทมัส ซูเซ็ค เป็นต้น บอกเลยว่าน่ากลัวมาก อย่างเห็นเหมือนกันว่าพวกเขาจะทำได้ดีมากขนาดไหน !!
2. แอสตัน วิลล่า
หักปากกาเซียนอย่างแท้จริง !! เพราะ แอสตัน วิลล่า เป็นทีมที่สอดแทรกจบท็อปโฟร์ คว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หน้าตาเฉย เบียดทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ไปเล่นถ้วยเล็กของยุโรป ซึ่งเครดิตตรงนี้ แน่นอนว่า อูไน เอเมรี่ กุนซือใหญ่ มีส่วนสำคัญเหลือเกิน ในการพา สิงห์ผงาด กลับมาเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง
ต่อให้ แอสตัน วิลล่า จะเสียนักเตะฝีเท้าดีอย่าง ดั๊กลาส ลุยซ์ ออกไปให้กับ ยูเวนตุส ด้วยราคา 43 ล้านปอนด์ และ มุสซ่า ดิยาบี้ ไปให้กับ อัล อิดติฮัด 50 ล้านปอนด์ แต่เม็ดเงินเหล่านี้ ก็ถูกแปรเปลี่ยนด้วยการซื้อคนใหม่เข้ามาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น รอสส์ บาร์คลี่ย์, เอียน มัตเซ่น หรือ อมาดู โอนาน่า เป็นต้น ซึ่งนี่แค่ส่วนน้อยนะครับ เพราะ วิลล่า เสริมนักเตะใหม่มาแล้ว 12 คน
เพราะการได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันย่อมดึงดูดใจได้อยู่แล้ว ฉะนั้นก็ไม่แปลกครับที่ วิลล่า จะได้ลุ้นหักปากเซียน ลุ้นโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง แต่พวกเขาต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า การได้ไปเล่นยุโรป จะไม่มีผลกระทบใดๆในเกมลีก และ ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าการติดท็อป 4 เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องโชคช่วย เพราะยิ่งเราเคยทำได้ ความกดดันก็จะยิ่งมากขึ้น
1. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ด้วยความที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กังวลเรื่องของกฎ PSR หรือ กฎการเงินของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พวกเขาประสบปัญหาขาดทุนถึง 73.4 ล้านปอนด์ ในช่วง 12 เดือนหลัง ทำให้ สาลิกาดง ขยับเขยื้อนเรื่องซื้อตัวนักเตะได้ไม่มากนัก ซึ่งฟังแล้วก็แปลกดีครับ เพราะ นิวคาสเซิ่ล มีเจ้าของสโมสรที่รวยที่สุดในโลก อย่าง PIF กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย
ดังนั้น นิวคาสเซิ่ล จึงไม่มีดีลระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาเลย จะเอาแบบรู้จักหน่อย ก็คือการซื้อขาด ลูอิส ฮอลล์ จาก เชลซี ในราคา 28 ล้านปอนด์ ถึงแม้ สาลิกาดง จะต้องกังวลกับกฎ PSR แต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยนักเตะตัวท็อป แบบที่เคยมีข่าว เพราะปล่อยแข้งส่วนเกินได้เงินไปในราคา 70 ล้านปอนด์แล้ว
ทำให้นักเตะอย่าง โจลิงตอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, คีแรน ทริปเปียร์, คัลลั่ม วิลสัน และ มิเกล อัลมิรอน ยังคงอยู่เป็นแกนหลักของทีมต่อไป ไม่แปลกที่เกมอุ่นเครื่อง 5 นัด ก่อนเปิดซีซั่น พวกเขาชนะได้ถึง 5 นัด นับเป็นสัญญาณที่ยอดเยี่ยม รวมถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม นี้ ซานโดร โตนาลี่ มิดฟิลด์ตัวเก่ง จะพ้นโทษแบนกลับมาแล้ว ยิ่งจะเป็นการเพิ่มความโหดให้กับ สาลิกาดง เพิ่มขึ้นหลายขุม ในเมื่อคุณมีไลน์อัพดีขนาดนี้ เป้าหมายที่ตั้งไว้ คงไม่ใช่แค่ถ้วยเล็กของยุโรปอย่างแน่นอน