logo-heading

ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2024/25 ผ่านพ้นไปแล้ว 5 นัดแรก ซึ่งหลังจากนี้ลีกจะหยุดพักประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อหลีกทางให้กับปฏิทินฟีฟ่าเดย์ของทีมชาติต่างๆ จะได้ลงอุ่นเครื่อง และลงเตะฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกกัน โดยเฉพาะในโซนเอเชีย ของเรา

พูดถึงในศึกไทยลีก 5 เกมที่จบไป ปรากฏว่าจ่าฝูงไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือแชมป์เก่าอย่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ หรือเป็นเรื่องที่เกินคาดแต่อย่างใด กับการที่ทีมเซราะกราวจะนำเป็นจ่าฝูงแบบนี้

แต่ที่มันเซอร์ไพรส์ก็คือผลงานทั้ง 5 นัดของทีมปราสาทสายฟ้า พวกเขาเก็บชัยชนะรวดทั้ง 5 เกม ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกของทีมด้วย เท่าที่ผมเช็กย้อนหลังไปก็ยังไม่เจอฤดูกาลไหนที่พวกเขาจะเก็บได้ 15 คะแนนเต็มในการลงเตะ 5 นัดแรก

นี่ถือเป็นผลงานการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม และสุดยอดมากๆ จริงอยู่ว่าด้วยขุมกำลังของบุรีรัมย์ ในฤดูกาลนี้ ดูจะแข็งแกร่งและพร้อมที่สุดในบรรดา 16 ทีมไทยลีก เนื่องด้วยพวกเขาต้องสร้างทีมเพื่อลุยฟุตบอลถ้วยเอเชีย ที่ฤดูกาลนี้ไม่จำกัดโควต้าต่างชาติ ทำให้พวกเขาดึงนักเตะต่างชาติฝีเท้าระดับเกรด AAA+เข้ามาสู่ทีมหลายคน และว่ากันตามตรงฝีเท้าของแต่ละคนก็ระดับทีมชาติ และดูจะเหนือกว่าทุกทีมในไทยลีก ซีซั่นนี้

แม้ว่าในไทยลีกยังมีโควต้าต่างชาติกำหนดเหมือนเดิม แต่ก็เพิ่มเติมในส่วนของผู้เล่นต่างชาติสำรองสามารถใส่เพิ่มมาได้ ทำให้การหวุนเวียนนักเตะมันยืดหยุ่นขึ้น และทำให้ทีมอย่างบุรีรัมย์ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

เรื่องขุมกำลังก็เรื่องนึงที่ต้องยอมรับว่าทัพปราสาทสายฟ้านั้นแข็งแกร่งทั่วแผ่นจริงๆ แต่อีกหนึ่งปัจจัยก็ต้องยกเครดิตให้กับ "ออสมาร์ ลอสส์ วิเอร่า" ที่จริงๆ แกควรจะชื่อว่า "ออสมาร์ วิน วิเอร่า" มากกว่า เพราะแกไม่ "ลอสส์" เลย "วิน" อย่างเดียว

การมาของ "โค้ชออสมาร์" ซึ่งเป็นกุนซือหนุ่มชาวบราซิล วัยเพียง 48 ปี เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ว่าได้ ซึ่งยอมรับว่าก็ไม่คิดว่ากุนซือรายนี้มาแล้วจะคลิ๊กเข้ากับทีมปราสาทสายฟ้าทันที

มีโค้ชไม่กีคนที่เข้ามาทำบุรีรัมย์ แล้วจะปรับตัวได้เร็ว และพาทีมผลงานได้ดีเลยแบบนี้ เท่าที่คิดออกตอนนี้ก็จะมีอย่าง "โค้ชกาม่า", อิชิอิ หรือถ้าย้อนกลับไปก็อาจจะ "โค้ชแต๊ก" ด้วยอีกคน นอกนั้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ บางคนผลงานดีบ้าง ไม่ดีบ้าง บางคนอยู่ได้แป๊บเดียวก็ต้องไป

แต่สำหรับ ออสมาร์ วิเอร่า มาปุ๊บ ดีปั๊บเลย ซึ่งมันเห็นแววตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นแล้ว ที่พาทีมเก็บชัยชนะได้แทบจะทุกนัด แล้วแต่ละนัดยิง 4-0, 5-0 ตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าพอเริ่มฤดูกาลไทยลีกแล้วจริงๆ ยังสามารถพาทีมชนะ 3-0, 4-0 ได้เหมือนเดิม

โดยตอนนี้ผ่านไป 5 นัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือทีมที่ยิงได้เยอะที่สุด 19 ประตู และเสียประตูน้อยที่สุด เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น เฉลี่ยแล้วแต่ละเกมต้องมี 3-4 ลูก ที่ยิงได้

จริงๆ แล้วการคุมทีมบุรีรัมย์ ฤดูกาลนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ที่บอกว่าง่ายก็คือ ใครมาเป็นโค้ชก็ตาม เขาจะมีตัวผู้เล่นให้เลือกใช้แบบครบมือ หลากหลายสไตล์ อยู่ที่จะว่าเลือกแบบไหน ทั้งไทยและต่างชาติ

แต่ที่บอกว่ายากก็คือ ไอ้ที่ตัวเลือกเยอะนี่แหละ ถ้าโค้ชมือไม่ถึง ก็มักจะเลือกตัวผิดและทำให้ทีมผลงานตรงกันข้ามก็เป็นได้

สิ่งหนึ่งที่เห็นจากบุรีรัมย์ ใน 5 นัดที่ผ่านมา คือพวกเขาเจอ 11 ผู้เล่น และระบบการเล่นที่ชัดเจน และเหมาะสมที่สุดเร็วมาก อีกทั้งตัวสำรองก็สามารถเปลี่ยนลงมาทดแทนกันได้ บางคนก็เข้ามาเป็นตัวจริงทดแทนผู้เล่นชุดแรกได้แบบไม่มีปัญหา

และอีกหนึ่งสิ่งที่มองเห็นคือ ธีราทร บุญมาทัน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบัญชาเกมของบุรีรัมย์ ฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะบอลสั้นบอลยาว จะต้องมาตั้งที่โก๋อุ้ม ก่อนเสมอ

เกมไหนที่ไม่มี ธีราทร จะเห็นได้ว่าเกมวันนั้นจะมีปัญหา ไม่ไหลลื่น เหมือนในฟุตบอลสโมสรอาเซียน ที่บุกไปแพ้ กงอัน ฮานอย 2-1 ซึ่งวันนั้นทีมเซราะกราวใช้ผู้เล่นสำรองเป็นหลัก บวกกับไม่มีโก็อุ้มที่บาดเจ็บ ทำให้เกมนั้นเล่นกันได้ไม่ดี และแพ้ไป

เป็นเกมเดียวที่พวกเขาพบกับความปราชัยในฤดูกาลนี้ ตอนนี้ ซึ่งถ้าสมมติเกมนั้น บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายชนะ มันจะเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมาก

และนอกจากความสำคัญของ ธีราทร แล้ว เกมรุกที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการถล่มประตูก็จัดจ้านมาก โดยเฉพาะ 3 แนวรุกอย่าง ลูคัส คริสปิม ที่ปีนี้ฟอร์มสะเด่ามากๆ ทั้งยิงทั้งจ่าย, กิลเยร์เม่ บิสโซ่ลี่ ก็ยิงต่อเนื่องมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ตอนนี้ก็นำดาวซัลโวที่ 5 ประตู อีกคนคือ ใจเด็ด ที่เล่นบุรีรัมย์ ก็ยังยิงต่อเนื่องไม่มีแผ่ว

นี่ยังไม่รวม ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่กลับมาแจ้งเกิดใหม่ และฟอร์มไฉไลมากๆ จนได้ปลอกแขนกัปตันทีมในยามที่พี่อุ้มไม่ได้ลงสนาม

ทั้งหมดนี้คือความยอดเยี่ยมของ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล 2024/25 ที่ร้อนแรง เกินห้ามใจจริงๆ ก่อนหน้านี้มี การท่าเรือ เอฟซี ที่ตีคู่ชนะ 4 เกมรวดมาเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มาสะดุดในเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอราชบุรี 2-2 ทำให้บุรีรัมย์ นำฝูงเดี่ยวๆ แบบสบายใจในเวลานี้

เป้าหมายของลุงเนวิน กับฤดูกาลที่แสนจะท้าทายนั่นก็คือ การป้องกันแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 10 และเป็นการคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกให้ได้ ซึ่งดูแล้วถ้ารักษาผลงานได้แบบนี้ มีโอกาสสูง และเผลอๆ อาจจะนำม้วนเดียวจบด้วย

ต่อมาก็คือบอลถ้วยในประเทศทั้งสองถ้วย ที่ปีที่แล้วอกหักไป ปีนี้จะกลับมาทวงคืนทุกถ้วย นอกจากนี้ยังมีแชมป์สโมสรอาเซียน ที่บุรีรัมย์ ก็ต้องการจะประกาศศักดาในอาเซียนให้ได้เช่นกัน ส่วนในเอซีแอล แน่นอนว่าการเป็นแชมป์อาจจะยังยากเกินไป แต่เป้าหมายก็คือต้องเข้าไปรอบลึกที่สุด อย่างน้อยๆ ต้อง 8 ทีม ถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ยากอยู่เหมือนกัน เพราะ 16 ทีมพวกเขาเคยทำได้มาแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นเป้าหมายที่สูงมาก ถ้าทำได้ คงจะเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ แต่กระนั้นก็อย่าเพิ่งมองไกล เพราะนี่เพิ่งจะเริ่มต้นฤดูกาล ผ่านไปแค่ 5 เกม ฤดูกาลนี้หนทางยังอีกยาวไกล และการต้องลงเตะ 4-5 ถ้วยในซีซั่นนี้ มันก็ไม่ง่ายที่จะประสบคสามสำเร็จทุกถ้วยดั่งใจหมาย

เอาเป็นว่าหลังจากนี้ก็ต้องมารอดูกันว่า "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" จะยังคงรักษาผลงานที่ร้อนแรงแบบนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน จะถึงจบฤดูกาลเลยหรือเปล่า แล้วจะมีทีมไหนที่ก้าวขึ้นมาต่อกรท้าชิงแชมป์กับพวกเขาหรือไม่

แล้วสุดท้ายฤดูกาลนี้ บุรีรัมย์ จะคว้าแชมป์ได้กี่ถ้วย กี่รายการ ไว้มารอดูกัน!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline