บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกของเรา เพิ่งจะเก็บสามแต้มแรกได้ในศึกฟุตบอลสโมสรเอเชียถ้วยใบใหญ่สุดอย่าง ACL อีลิท มาได้หมาดๆ หลังบุกไปเอาชนะแชมป์ลีกของออสซี่อย่าง เซ็นทรัล โคสต์ มาริเนิร์ส 2-1 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 ต.ค.67)
แต่ดูเหมือนว่าชัยชนะในเกมดังกล่าวดูจะถูกพูดถึงน้อยไปหน่อย และส่วนใหญ่ที่กำลังเป็นประเด็นในโลกโซเชี่ยลกลับกลายเป็นเรื่องของโควต้าต่างชาติ ที่คนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ตามมุมมองของตัวเองบนโลกออนไลน์
ซึ่งจริงๆ แล้ว บุรีรัมย์ เองก็ไม่ได้ไปทำผิดกฏอะไร และพวกเขาก็ไปเล่นในนามของสโมสรจากประเทศไทยด้วย ดังนั้นการคว้าชัยชนะได้ในถ้วยเอเชีย ควรจะได้รับคำชื่นชมมากกว่าการถูกพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
ย้อนกลับมาเรื่องโควต้าต่างชาติในฟุตบอลถ้วยเอเชีย ฤดูกาลนี้กันก่อน เผื่อใครยังไม่ทราบ ก็คือว่าหลังจากมีการปรับรูปแบบการแข่งขันใหม่ เปลี่ยนชื่อการแข่งขันใหม่ อะไรใหม่ๆ มันก็ตามมา โดยเฉพาะเรื่องโควต้านักเตะต่างประเทศของสโมสรต่างๆ
ในฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการจำกัดโควต้านักเตะต่างชาติในการส่งรายชื่อขึ้นทะเบียนแข่งขัน เรียกว่าปล่อยฟรีเลย ทุกทีมสามารถเอานักเตะจากชาติไหนมาเล่นให้ทีมของตัวเองก็ได้ในถ้วยเอเชียปีนี้
ซึ่งที่มามันก็มาจากลีกซาอุฯ เอฟเฟค นั่นเอง หลังจากที่ฟุตบอลลีกของเศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุฯ ได้มีการทุ่มเงินอย่างบ้าคลั่งในการดึงนักเตะซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเข้ามาสู่ลีกอาซุ อาจจะรวมถึงลีกอาหรับอื่นๆ ด้วย เพื่อสร้างกระแสนิยมให้กับลีกตัวเอง และฟุตบอลเชีย
และเมื่อมีนักเตะต่างชาติจากยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา หรือแม้กระทั่งในเอเชียด้วยกันเองมากขึ้น มากจนล้น มันก็เป็นที่มาของการเปิดโควต้าฟรีในถ้วยเอเชีย เพื่อให้นักเตะเหล่านี้ได้ลงเล่นแบบไม่อั้น
ถ้าว่ากันตามตรงเลยในความคิดของผมก็คือไอ้กฏนี้มันมาเพื่อรองรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และผองเพื่อนเลยก็ว่าได้ และผมก็แอบคิดไปเองอีกว่า ไหนๆ มี "โรนัลโด้" นักเตะชื่อดังที่สุดของโลกคนนึง มาเตะบอล ACL แบบนี้ แล้วถ้า "เจ็ดโด้" ได้ชูถ้วย ACL สักครั้งในชีวิต มันจะเกิดอิมแพ็คกับบอลเอเชียขนาดไหน
ไม่ว่านักเตะดังคนไหนจะชูถ้วย ACL ก็เทียบไม่ได้ถ้าคนนั้นคือ "CR7" นี่อาจะเป็นทฤษฎีสมคบคิดอะไรหรือเปล่าไม่รู้ เดี๋ยวไว้รอดูกันว่าปีนี้ทีมไหนจะคว้าแชมป์ และโรนัลโด้จะได้ชูถ้วยใหญ่ของเอเชียหรือไม่
กลับมาที่เรื่องของการฟรีโควต้าต่าง หลังจากที่ผมได้ดูการแข่งขันมาสองสัปดาห์ โดยเฉพาะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอีกทีมที่มีโอกาสได้ดูแบบเต็มๆ ก็คือ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม แชมป์ลีกของมาเลเซีย
ซึ่งทั้งสองทีมออกสตาร์ทได้ดีมากๆ ในสองเกมแรก ด้วยการชนะ 1 เสมอ 1 เก็บได้ 4 คะแนนเท่ากัน เกาะกลุ่มทีมหัวตารางอยู่ในเวลานี้
และจากการที่ได้ดูสองทีมในอาเซียนลงเล่น ด้วยสภาพทีมที่มีนักเตะต่างชาติเก็บทั้งทีม มันทำให้เห็นอะไรบางอย่าง ทั้งข้อดี และข้อเสีย ของการฟรีโควต้าต่างชาติ มันมีอะไรบ้าง เท่าที่ผมพอจะนึกออก เราไปว่ากัน
เริ่มกันที่ข้อดีกันก่อน
1.ฟุตบอลสีสูี และดูสนุกขึ้น
เท่าที่ดูมานั้นก็เห็นเลยว่าฟุตบอลมันสนุกขึ้น และทีมมันก็สูสีมากขึ้น ซึ่งย้อนกลับไปสมัยก่อน สมมติว่าบุรีรัมย์ ต้องเจอทีมจากจีน, เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรอง เหมือนจะสู้ได้ แต่พอเบียดกันไปแล้วเราก็จะแพ้เขาในเรื่องของมาตรฐานตัวผู้เล่น แต่พอมาเป็นแบบนี้ ทีมอย่าง บุรีรัมย์ หรือ ยะโฮร์ เองที่เป็นทีมจากอาเซียน ใครเจอก็มองว่าทีมอาเซียนเป็นทีมแจกแต้ม แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะบอลมันสูสีมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าเราเองใช้ต่างชาติไม่จำกัด แต่ในขณะที่คู่แข่งเองที่ดูมาอย่าง วิสเซล โกเบ ที่เจอบุรีรัมย์ เกมแรก หรือเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ที่เจอ ยะโฮร์ เกมล่าสุด พวกเขายังใช้ตัวในประเทศเป็นหลัก และมีตัวนอกเป็นส่วนประกอบ มันก็เลยทำให้ทีมอาเซียนเราสู้ได้ แต่ถ้าเขาจัดเต็มด้วยเหมือนกันก็ไม่รู้ว่ามันจะยังสูสีอยู่หรือเปล่า
ลองสมมติว่าถ้าบุรีรัมย์ หรือ ยะโฮร์ ทะลุเข้าไปได้เจอทีมอย่าง อัล นาสเซอร์ ที่มีโรนัลโด้ และผองเพื่อน หรือ อัล อาลี ที่ตัวต่างชาติเต็มทีม แล้วเป็นตัวท็อปๆ ทั้งนั้น มันจะยังสูสีอยู่หรือเปล่า แต่เท่าที่ดูมาก็ถือว่าเกมสนุกขึ้น
2.ได้เห็นสตาร์ดังในถ้วยเอเชีย
แน่นอนว่าการฟรีโควต้า เราก้จะได้เห็นบรรดานักเตะซูเปอร์สตาร์ของโลกมาลงเล่นในฟุตบอลเอซีแอลมากขึ้น ซึ่งครึ่งนึงนักเตะอย่าว โรนัลโด้, ซาเน่ หรือใครอีกหลายคนก่อนหน้านี้คือซุปตาร์ของยูซีแอล แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้ทั้งคู่มาเตะอยู่ในเอซีแอลของเอเชีย
3.เพิ่มมูลค่าทางการตลาด
ข้อนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีนักเตะดังๆ มีต่างๆ เข้ามาเล่นถ้วยเอเชียเยอะ มันก็เป็นการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับฟุตบอลเอเชียของเรา โดยเฉพาะถ้วยใหญ่อย่าง ACL อีลิท ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นต่อสายตาชาวโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ต้องยอมรับว่าฟุตบอลถ้วยเอเชีย ไม่ได้รับความสนใจอะไรขนาดนั้น
4.ยกระดับฟุตบอลเอเชีย
ต่อเนื่องมาจากข้อที่สาม จะว่าไปมันก็ช่วยยกระดับมาตรฐานของฟุตบอลเอเชียให้สูงขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเกมการแข่งขัน การจัดการแข่งขัน ผู้ตัดสิน แฟนบอล หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นกันเป็นลำดับขั้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีในส่วนนี้
คราวนี้มาว่ากันที่ข้อเสียกัยบ้าง
1.ช่องว่างของทีมเงินเยอะกับทีมเงินน้อย
อย่างที่บอกไปข้างต้น ถ้าจะมองเป็นเรื่องดีมันก็ดี แต่มันก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทีมที่รวย กับทีมที่รวยไม่เท่าด้วยเหมือนกัน เพราะเอาตามตรงทีมที่จะมีปัญญาจ้างต่างชาติมาทั้งทีมก็คงจะมีแต่ทีมตะวันออกกลาง อย่างอาเซียนของเรามันก็มีแค่ บุรีรัมย์ กับ ยะโฮร์ ที่ทำได้ แต่ทีมอื่นๆ อาจจะด้วยนโยบาย งบประมาณ รวมทั้งกฏระเบียบของลีกในประเทศตัวเอง มันไม่ได้เอื้อให้ซื้อนักเตะต่างชาติมา 10 คน 15 คนอะไรขนาดนั้น
อย่างทีมจากเกาหลี, ญี่ปุ่น หรือ จีน เอง เขาก็ไม่ได้บ้าจี้ตามไปด้วย เพราะเขาก็มองว่านักเตะในประเทศของเขาเองก็มีศักยภาพพอ และเขาต้องการพัฒนานักเตะในประเทศของเขามากกว่าที่จะเอาตัวต่างชาติเพื่อมาแบกทีม ถ้าทำแบบนั้นในลีกของเราทีมมันก็จะเสียกระบวนไปหมด
2.โอกาสลงสนามของนักเตะท้องถิ่น (ชาติตัวเอง)
และก็ที่ต่อเนื่องมาก็คือโอกาสการลงสนามของนักเตะในประเทศตัวเองก็จะน้อยลง อย่างบุรีรัมย์ เกมล่าสุดมีนักเตะไทยแท้ๆ ลงเป็นตัวจริงแค่ 2 คน ของ ยะโฮร์ ก็เช่นเดียวกัน แต่ถามว่าทำไม บุรีรัมย์ กับ ยะโฮร์ ต้องทำเช่นนั้น ทั้งสองทีมนี้มีนโยบายและเป้าหมายสูงสุดคล้ายๆ กัน คือต้องการสร้างทีมให้เป็นที่รู้จักและเป็นทีมที่อยู่หัวแถวของเอเชีย
ดังนั้นเมื่อเอเอฟซี เปิดช่องตรงนี้ และพวกเขาเองมีศักยภาพพอที่จะทำได้ พวกเขาก็จัดเต็ม เพื่อที่จะทำให้ทีมมันไปสู้กับเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในถ้วยเอเชียได้ เพราะว่ากันตามตรงถ้าสมมติใช้โควต้าแบบเดิม มันยากมากที่เราจะไปได้ไกลในถ้วยเอเชีย พอเข้าไปลึกๆ ก็สู้เกาหลี กับ ญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องคิดถึงการเจอกับทีมอาหรับ ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่าทั้ง บุรีรัมย์ และ ยะโฮร์ เขาก็ต้องทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไปให้เขาต้อนกลับมา
แต่ก็นั่นแหล่ะ มันมีอีกข้อนึงที่ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนก็คือ มีคนบอกว่าต่อให้สมมติบุรีรัมย์ คว้าแชมป์ ACL ได้ แล้วแฟนบอลไทยจะภูมิใจไหมที่แทบจะไม่มีนักเตะไทยลงเล่นเลย
จะว่าไปมันก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน
แต่ลองมองอีกมุม ในฟุตบอลชาติที่เจริญแล้วอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มันก็ใช่ว่าทีมดังๆ ทีมที่เป็นแชมป์ เขาจะใช้นักเตะชาติตัวเองทั้งหมดนะครับ ก็ยังไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลย
เรื่องนี้มันก็นานา จิตตัง เอาเป็นว่า ฝ่ายจัดเข้าคิดมาแล้ว ฟุตบอลมันก็เตะกันไปแล้ว ดูฟุตบอลให้สนุก เชียร์เพื่อความบันเทิงดีกว่า ส่วนตัวผมปีนี้ก็ขอเชียร์บุรีรัมย์ ให้ไปรอบลึกๆ หรือเป็นไปได้ อยากเห็นเซราะกราวเข้าชิง หรือเป็นแชมป์ ACL ในฤดูกาลนี้ ให้ได้ จะใช้ใครเล่นก็ช่าง ถ้าเป็นแชมป์ได้ บอกเลยว่า สุดยอดดดด!!