แต่เวลาผ่านไป เพียงแค่ 3-4 ปี สถานะของ แวร์เนอร์ ได้แปรเปลี่ยนได้มากเหลือเกิน
จากคนที่เคยมั่นใจมากๆ เวลาอยู่ในสนาม เคยยิงประตูมากกว่า 30 ลูก ใน 1 ซีซั่น แต่ตอนนี้กลายเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยความกดดัน ทำอะไรก็ผิดที่ผิดทางไปหมด อย่างเช่นเกมล่าสุดที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ บุกไปชนะ เฟเรนซ์วารอส 2-1 มีช็อตได้ดวลเดี่ยวโล่งๆ แต่กลับเปลี่ยนโอกาส ให้กลายเป็นวิกฤติเฉยเลย วันที่ ไก่เดือยทอง แพ้ ไบรท์ตัน แบบช็อคโลก 2-3 ก็แทบไม่มีส่วนร่วมอะไรกับเกมมากนัก มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เดี๋ยวจะพาไปวิเคราะห์พร้อมๆกัน
- ติโม แวร์เนอร์ เคยเก่งแค่ไหน ?
ขอปัดฝุ่นย้อนความทรงจำกันเล็กน้อย ติโม แวร์เนอร์ เคยเป็นยอดดดาวยิงแห่งยุโรป โดยเฉพาะในซีซั่น 2019-20 เขาเคยซัลโวไปมากถึง 34 ประตู จาก 45 นัดรวมทุกรายการ มันไม่ใช่แค่ความเฉียบคมในการทำประตู แต่อีก 1 จุดเด่นของนักเตะรายนี้ คือเรื่องของ "สปีด" ประหนึ่งว่าเป็น "เดอะ แฟลช" แห่งวงการ DC เคยมีการจับสถิติได้ว่า แวร์เนอร์ วิ่ง 100 เมตร ใช้เวลาแค่ 11.1 วินาที น้อยกว่า นักวิ่งกรีฑาอาชีพ แค่ 1 วินาที เท่านั้น
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ทีมยักษ์ใหญ่ต่างจ้องตาเป็นมันเพื่อหวังคว้าตัว แวร์เนอร์ มาร่วมทีม โดย ผลงาน, เทคนิค และ ความว่องไว ถูกอัพคลิปเป็นพันๆคลิปลงไปในโซเชี่ยล ให้แฟนๆทั่วโลกได้เห็นเป็นขวัญตา ว่าเขาได้ฉีกแนวรับนักเตะจาก บุนเดสลีกา เยอรมัน เป็นชิ้นๆขนาดไหน
ไม่เชื่อลองไปถามแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายๆคนดูว่า รู้สึกเสียดายมากแค่ไหน ที่ตอนนั้นต้องพลาดได้ตัว ติโม แวร์เนอร์ เพราะเม็ดเงินไม่เพียงพอ ก่อนจะเสร็จให้กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร ถึงขั้นที่ เดอะ ไทมส์ เคยพาดหัวโตๆไว้ว่า การที่ ลิเวอร์พูล พลาดตัว แวร์เนอร์ เหมือนกับสมัยยุคที่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เคยพลาดตัว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยังไงยังงั้น เพราะ แวร์เนอร์ เคยถูกยกย่องว่า “นี่กำลังเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอลยุโรป”
และ แน่นอน แวร์เนอร์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลักในนามทีมชาติเยอรมนี ช่วงที่อยู่ ไลป์ซิก เขายิงให้ทัพ อินทรีเหล็ก ไป 15 ประตู จาก 35 นัด นับว่าเป็นผลงานที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
- วันเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม วันเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน การย้ายมาอยู่กับ เชลซี ของ แวร์เนอร์ มันกลายเป็นหนังคนละม้วน สมัยอยู่กับ ไลป์ซิก .. ทำอะไรก็ไม่เป็น ยิงยังไงก็ไม่ค่อยเข้า ต่อให้ยิงเข้าไปแล้ว ก็โดน VAR จับล้ำหน้า เป็นว่าเล่น หนำซ้ำจากหนึ่งในยอดดาวยิงยุโรป สาละวันเตี้ยลง ไปเป็นตัวสำรอง ..
แวร์เนอร์ ยิงให้กับ เชลซี ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 ฤดูกาล ได้แค่ 10 ประตู จาก 56 นัด เฉลี่ยซีซั่นละ 5 ลูก นับว่าน่าผิดหวังเหลือเกิน สุดท้ายอยู่ต่อไม่ไหว เพราะถ้าอยูต่อ หลุดทีมชาติเยอรมัน ไม่ได้ไป ฟุตบอลโลก 2022 แน่ๆ
แต่กลับไป ไลป์ซิก ผลงานก็ไม่ปังเหมือนเขาเป็นวัยรุ่นแล้ว หนำซ้ำยังบาดเจ็บ ไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ อีกด้วย มันมีการวิเคราะห์จาก บิลด์ สื่อกีฬาชื่อดังจากเยอรมัน ระบุไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้ แวร์เนอร์ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ เป็นเพราการไปอยู่ เชลซี ได้ทำลายความมั่นใจของเขา ไปจนหมดสิ้น
เพราะ เชลซี เป็นทีมที่มีสไตล์แตกต่างกับ แวร์เนอร์ และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เอง ก็ไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นของนักเตะรายนี้ อีกด้วย ถึงแม้แฟนๆ เชลซี จะเอาใจช่วยขนาดไหน แต่ฟอร์มของเขาก็เข็นไม่ขึ้นจริงๆ
ถามว่าทำไมถึงไม่เหมาะนะเหรอ ? บิลด์ บอกต่อว่า เป็นเพราะ แวร์เนอร์ ดูขาดความมุ่งมั่น และ ความจริงจังในการฝึกซ้อม เพราะภาษากายของนักเตะรายนี้ เขาเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่ได้เป็นสายออกอาการรีแอคชั่นโวยวาย ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเป็นคนไม่ค่อยกระตือรือร้น แฟนบอลเลยมองเป็นด้านลบ เมื่อผลงานไม่ดี
ส่วนสไตล์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ว่าไม่เหมาะกับ แวร์เนอร์ มันเป็นแบบไหน เดี๋ยวจจะสรุปให้ฟัง
ย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาลสุดท้ายกับ ไลป์ซิก ก่อนย้ายมา เชลซี เขายิงประตูที่ไม่ได้มาจากจุดโทษมากกว่าใครใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป เป็นรองเพียงแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เท่านั้น
ซึ่งประตูส่วนใหญ่ของ แวร์เนอร์ มาจากวิธี quick transitions หรือ การเปลี่ยนสถานการณ์ให้เร็ว จากรับเป็นรุก และ รุกเป็นรับ ใช้ความเร็ววิ่งตัดไลน์แนวรับแซงเซ็นเตอร์แบ็คที่เชื่องช้า เข้าไปสู่พื้นที่ว่าง และ เอาชนะผู้รักษาประตู ในการดวลตัวต่อตัว
แต่กับ เชลซี มันแตกต่างออกไป เมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่รับลึกมากขึ้น ไม่มีช่องว่างให้วิ่งตัดไลน์แนวรับ จากช็อตคิลเลอร์พาสมากนัก
เมื่อจุดแข็งของ แวร์เนอร์ ถูกจับทาง ทำให้ผลงานของเขาดรอปลงไป สัญชาตญาณ และ การวิ่งแบบ ออฟ เดอะ บอล ของ แวร์เนอร์ ก็ทำได้ไม่ดีนัก, ความสามารถในการหาพื้นที่ หาช่องทำประตู หรือ การฉกฉวยกับโอกาสแค่ไม่กี่จังหวะ ยังเป็นจุดด้อยของนักเตะรายนี้ นับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เมื่อมันสะสมเข้า ทำให้ แวร์เนอร์ กลายเป็นนักเตะที่ดูไม่มีความมั่นใจ ไม่มีความเฉียบคม เหมือนสมัยที่เคยเล่นให้กับ ไลป์ซิก ..
ยิ่งมาวันนี้ วันที่เขาย้ายมาอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ .. แวร์เนอร์ ได้กลายเป็นตัวสำรองถาวร เพราะ อังเก้ เลือกใช้ 3 ประสานอย่าง ซน ฮึง-มิน, โดมินิค โซลันกี้ และ แบรนแนน จอห์นสัน
ดังนั้น โอกาสที่จะฉกฉวยตำแหน่งกลับคืนมา คือต้องรอให้ใครสักคนบาดเจ็บ และ ในวันที่ ตี๋ซน บาดเจ็บ ก็เป็นโอกาสของ แวร์เนอร์ ได้ลงสนาม ทั้งในเกมเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ล่าสุดที่เจอกับ เฟเรนซ์วารอส ทีมจากฮังการี ในศึก ยูโรปา ลีก
แต่ แวร์เนอร์ ฉกฉวยโอกาสไม่สำเร็จ เขาไม่ค่อยมีอิมแพ็คกับทีมมากนัก เขาได้หลุดเดี่ยวเข้าไปเพื่อเพิ่มสกอร์ให้กับสโมสร แต่กลับกลายเป็นว่า ความเฉียบคมมันหดหายไปหมดแล้ว
อย่างในวันที่ชนะ ปีศาจแดง 3-0 ก็มีช็อตที่ แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปดวลกับ โอนาน่า แต่ยิงไปติดเซฟ ช็อตนั้นแฟนๆ “ไก่เดือยทอง” วิจารณ์กันหนักมาก นี่คือโพสต์ส่วนหนึ่งจากแฟนๆ สเปอร์ส ที่บอกว่า แวร์เนอร์ คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ห่วยแตกที่สุด และ น่าขายหน้ามากๆ
มันไม่แค่โชว์ฟอร์มไม่ออก แต่ แวร์เนอร์ ถูกจับล้ำหน้าถึง 1.34 ครั้ง ต่อ 90 นาที เมื่อซีซั่นก่อน ต่างจาก เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่มีค่าเฉลี่ยล้ำหน้าแค่ 0.21 ครั้ง ต่อ 90 นาที ซึ่งสถิตินี้มันฟ้องเรื่องสมาธิการเล่นได้เป็นอย่างดี
ไม่รู้ว่าคำวิจารณ์บนโลกโซเชี่ยล มันส่งผลกระทบต่อ แวร์เนอร์ มากขนาดไหน แต่เชื่อได้ว่าเขารับรู้มันแน่ๆ
เพราะในเกมเจอกับ เฟเรนซ์วารอส ก็มีช็อตที่เพื่อนถวายพานมาให้โล่งๆหน้าประตู แทบจะต้องใส่สกอร์แล้ว แต่เขากลับเลือกแตะหลบไปมุมแคบ จนไม่มีพื้นที่ได้ยิงประตู นับเป็นอีกครั้งที่เขาตัดสินใจทำอะไร ก็ดูแย่ไปหมด
จากยอดดาวยิงในวันนั้น สู่ดาวที่กำลังจะดับในวันนี้ ด้วยผลงานมันส่งผลไปถึงทีมชาติเยอรมนร ที่ตอนนี้เขาไม่ได้ถูก ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือใหญ่เรียกติดทีมชาติ อีกแล้ว
ฮาย ฮาวดี้