เมื่อวานนี้หนึ่งเกม 2 เกมอุ่นเครื่อง ฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ของเราจบลงไปแบบจืดๆ ทั้งรูปเกมและสกอร์ ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาดเมื่อเราที่ใช้ชุดลองทีมเกือบๆ 100% กับเลบานอน ทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไป 0-0
ถึงจะจบลงไปแบบจืดๆ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ไม่มากก็น้อยจากนัดนี้ ...
แต่ก่อนจะไปถึงคำว่าเราได้อะไร ต้องอธิบายให้ทุกคน้ข้าใจตรงกันก่อนว่า นี่นับเป็นเกมที่ 2 เท่านั้นที่ ทีมชาติไทย ในยุคของ มาซาทาดะ อิชิอิ ได้ลองทีม เกมแรกถ้าใครจำกันได้ก็ก่อน "คิงส์ คัพ" ที่บินไปเตะเวียดนาม (เตะเกมกับ เวียดนาม เกมเดียว เพราะเกมกับ รัสเซีย ไม่ได้เตะโดนพายุถล่ม) ดังนั้นเท่ากับว่านี่คือโอกาสลองทีมครั้งที่ 2 ของ เซนเซย์อิชิอิเท่านั้น
และนับเป็นครั้งที่ได้ลองทีมแบบจัดเต็มที่สุด เพราะทั้งการได้เล่นในบ้าน รวมไปถึงการเลือก "คู่แข่ง" ที่เตรียมทีมไว้เพื่อเล่นใน "อาเซียน คัพ" ด้วย ซึ่งแบบนี้แหละที่เรียกได้เต็มปากว่า "ลองทีม" จริงๆ
ทีนี้เรามาพูดถึง "สิ่งที่เราได้" เกมนี้บ้างอย่างแรกเชื่อว่าทุกคนเห็นเหมือนกันคือ การ "ได้ดู" นักเตะใหม่ๆ ลงสนามเดบิวต์ในนามทีมชาติไทยหลายคนในเกมเดียว.อาทิ ศฤงคาร พรมสุภะ ที่เคยติดทั้งยู 19 และเป็นกัปตันทีมยู 23 ก่อนจะหายไปเลยและเพิ่งถูกเรียกมาติดในทีมชุดนี้ เช่นเดียวกับ ทิตาธร อักษรศรี และ พันธมิตร ประพันธ์ ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงทันที หลังผลงานดีกับสโมสร
หรือพวกตัวสำรองอย่าง เสกสรร ราตรี, วันชัย จารุนงคราญ ที่ก็ได้ประเดิมเกมแรกเช่นกัน แม้จะมาในบทบาทตัวสำรอง ซึ่งแน่นอนอย่างน้อยๆ โค้ชอิชิอิได้เห็นการเล่นของนักเตะใหม่ถอดด้ามที่เลือกมาเองกับมือ และได้รู้แล้วว่าใครเป็นยังไงบ้าง เพราะการเล่นให้สโมสรกับทีมชาติมันต่างกัน ดังนั้นเกมนี้ถือว่าได้ดูอะไรเยอะเลยในแง่ของนักฟุตบอล
อย่างต่อมา "ได้ใจ" ซึ่งการได้ใจนี้ไม่ใช่ได้ใจแฟนบอล แต่เป็นการได้ใจ "นักบอล" นี่แหละ เพราะการเลือกผู้เล่นในชุดนี้ก็มาจากการสเก๊าท์ของโค้ชอิชิอิและทีมงานสต๊าฟฟ์เองทั้งนั้น และแต่ละคนที่ถูกเรียกเข้ามาก็ถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ดีกันทั้งนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า "ทีมชาติ" ในยุค "เซนเซย์อิชิอิ" ก็ยังเปิดกว้างอยู่เสมอและไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นผู้เล่นระดับทีมใหญ่ๆ เท่านั้นถึงจะติดทีมชาติ ขอแค่คุณมีดีทีมชาติด็จะเรียกคุณเข้ามาลองเอง เชื่อเหลือเกินว่ามันน่าจะได้ใจนักบอลไม่มากก็น้อยที่อยากโชว์ผลงานให้ดีในสนามสโมสร เพื่อโอกาสสักครั้งกับทีมชาติไทย
และอย่างสุดท้าย "ได้เห็นปัญหา" ซึ่งข้อนี้แน่นอนว่ามันเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดที่ผมมองว่าเราได้เห็นแน่ๆ ในชุดที่เตรียมไว้เล่นฟุตบอลอาเซียน คัพ ปัญหาที่ว่าคือ "การจบสกอร์" เพราะเราจะไม่มีกองหน้าตัวหลักๆ ที่เล่นให้กับทีมชาติมาตลอดอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ หรือแม้กระทั่ง ปรเมศย์ อาจวิไล ที่ก็ยังไม่รู้ว่าทีมจะปล่อยมาเล่นได้หรือไม่ ดังนั้นวันนี้เราจึงได้เห็นการลองตั้งแต่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ในบทบาทหน้าเป้า และต่อด้วยด้านข้าง รวมไปถึง ธีระศักดิ์ เผยพิมาย ที่ได้เล่นเต็มๆ 45 นาทีหลัง แต่ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นี่แหละปัญหาที่ ทีมชาติไทย กำลังจะเจอต่อไปในการแข่งขัน อาเซียน คัพ ในปลายปีนี้ แน่นอนว่าลองก่อน เห็นก่อน รู้ก่อน รอดูเกมกับ สปป.ลาว น่าจะเห็นชัดว่า อิชิอิ จะจัดการแก้ไขเบื้องต้นอย่างไรกับปัญหานี้
ขอแถมอีกสักข้อ ... คือการได้เห็นถึงความรู้สึกแฟนบอล ที่ เราๆ ท่านๆ พูดๆ เถียงๆ และบอกกันมาตลอดว่า บางครั้งแฟนๆ บอลก็ต้องวางเรื่องผลการแข่งขันลงไปบ้าง ถึงแม้มันจะเป็นผลลัพธ์ที่สุดท้ายเห็นได้ชัดที่สุด เพราะมันคือเรื่องของสกอร์และผลงานรวมๆ ของทีมในเกมนั้นๆ อย่างเช่นในเกมนี้เราจะเห็นเลยว่าการจบ 0-0 มีแฟนบอลบางส่วนไม่ค่อยแฮปปี้กับรูปเกมที่มันออกมาเท่าไหร่ ดังนั้นเราจึงพอเข้าใจได้ว่า ผลการแข่งขันก็ยังเป็นส่วนนึงที่แฟนบอลยังคิดถึงอยู่เสมอ แต่ก็ขอย้ำทิ้งท้ายเช่นกันว่า ก่อนผลลัพธ์มันจะออกมาดี มักต้องมีบาดแผลให้เห็นก่อนเสมอ ทีมชาติไทยในเกมเมื่อวานนี้ก็เช่นเดียวกัน