การตัดสินใจประกาศอำลาตำแหน่งประธานสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ของ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ด้วยเหตุผลส่วนตัวและด้านสุขภาพ ปิดฉาก 17 ปีกับสโมสร ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการฟุตบอลไทย และช็อคต่อแฟนบอล “เดอะแรบบิท” จำนวนไม่น้อย ตลอดที่ผ่านมาที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสโมสรที่ตนเองลงแรงสร้างมากับมือก่อนที่จะสู่วันที่ประสบความสำเร็จ
ย้อนไปกลับไปช่วงปี 2009 คือจุดเริ่มต้นมาจากการที่ทีมเข้าไปเทคโอเวอร์จากสโมสรธนาคารกรุงไทย ที่ช่วงนั้นติดปัญหาในระเบียบของสถาบันการเงินที่ไม่อาจนำเงินไปสนับสนุนบริษัทเชิงพาณิชย์ลงแข่งขันศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ตามกฎฟุตบอลอาชีพของสหพันธ์ฟุตบอลเแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)
บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด มหาชน นำโดย ปวิณ ภิรมย์ภักดี ได้เข้าไปซื้อสิทธิ์ทำทีมพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บางกอกกล๊าส เอฟซี ใช้สนามเหย้าแรกที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลอง 6 ก่อนที่ปรับปรุงกลับไปใช้สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม (ชื่อเดิม) แข่งขันในระดับฟุตบอลอาชีพ
ภาพของ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่มี “บอสปวิณ” เป็นหัวเรือใหญ่ วางตัวเป็นทีมระดับเจ้าบุญทุ่มที่พร้อมทุ่มเม็ดเงินจ้างแข้งซูเปอร์สตาร์ รวมถึงเฮดโค้ชที่มีดีกรีประสบการณ์โชกโชน ผ่านการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2014 เอาชนะ ชลบุรี เอฟซี ไป 1-0 ถือเป็นโทรฟี่แรกของทีมนับตั้งแต่ซื้อสิทธิ์ทำทีมจากสโมสรธนาคารกรุงไทย
จากความสำเร็จระดับเมเจอร์แรกเป็นจุดเริ่มต้นยกระดับทีมให้สูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการตัดสินใจรีแบรนด์ทีมครั้งใหญ่ เปลี่ยนโลโก้ และสีประจำสโมสรจากสีเขียวขาวมาใช้สีน้ำเงิน เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปในแนวเดียวกันกับบริษัทแม่ โดยการเปลี่ยนแปลงช่วงนั้นเกิดเครื่องคำถามมากมายจากแฟนบอลว่าเหตุใดสโมสรถึงกล้ายอมทิ้งเอกลักษณ์ของทีม
นอกจากนี้ยังเคยผ่านช่วงประสบปัญหาทำผลงานที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในทีมบ่อยครั้งโดยเฉพาะตำแหน่งเฮดโค้ช และการบริหารจัดการทีมที่ผิดพลาด ส่งผลนำไปสู่การตกชั้นลงไปเล่นสู่ลีกรองในฤดูกาล 2018 ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับทีมระดับยักษ์ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยแข้งซูเปอร์สตาร์ล้นทีม
การตกชั้นลงสู่ลีกรองนับเป็นการได้ทบทวนสิ่งผิดพลาดของสโมสร ได้เซ็ตซีโร่สร้างทีมใหม่ เปลี่ยนชื่อเป็น “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” รวมพลังใจก่อนกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ภายในปีเดียวด้วยตำแหน่งแชมป์ ศึก ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2019 และฤดูกาลถัดมา 2020/21 ทำเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ไทยลีก 1 ได้ทันทีนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของทีม
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทัพโดย ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประสบความสำเร็จไปทั้งหมด 9 ครั้ง แบ่งเป็น ไทยลีก 1 สมัย ฤดูกาล 2020/21, แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย ฤดูกาล 2014, ลีกคัพ 1 สมัย ฤดูกาล 2023/24, ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนคัพ 2 สมัย ปี 2021-2022, แชมป์ ซูเปอร์คัพ ปี 2009 แชมป์ ควีนส์ คัพ ปี 2010 และแชมป์สิงคโปร์ คัพ ปี 2010
ตลอดช่วงหลังที่ผ่านมา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาโครงสร้างของสโมสรหลายด้านให้มืออาชีพเช่นเดียวกับสนามเหย้าจากที่เคยเป็นหญ้าเทียม เปลี่ยนมาใช้หญ้าจริง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีอัฒจันทร์ครบ 4 ด้าน กลายเป็นฟุตบอลสเตเดี้ยมที่ทันสมัยผ่านเกณฑ์ระดับ AFC และจัดแข่งขันในระดับนานาชาติหลายรายการ
ด้วยความสำเร็จ และจุดที่สโมสรอยู่ในปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าเบื้องหลังล้วนมาจากวิสัยทัศน์ของ ”บอสปวิณ” ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคือหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนร่วมสร้างสีสันให้วงการฟุตบอลไทยบูม ฟีเวอร์จนทุกวันนี้ กระทั่งถึงจุดต้องถอยหลังกับสิ่งที่สร้างมากับมือด้วยแพชชั่น-ความรัก และไม่คาดคิดว่าจะมาเร็วเกินไป
ส่วนก้าวต่อไปของสโมสร แฟนบอลก็หวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แล้วใครเหมาะสมที่จะเข้ามาสานงานต่อก็ต้องรอติดตามกันต่อไป
สุดท้ายในมุมแฟนบอล มีความคิดเห็นอย่างไรเห็นด้วยหรือไม่? รับได้มากน้อยแค่ไหนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสโมสรที่กำลังจะมาถึง
#ชุนก้า