logo-heading

40 ล้านบาท คือ สนนราคาที่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าเป็นค่าตัวของ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่เพิ่งย้ายจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มาอยู่กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี โดยจรดปากกาโชว์ตัวไปที่ ลีโอ สเตเดี้ยม เมื่อวันก่อนที่ผ่านมา

นับเป็นการลงทุนที่ดุดันอีกครั้ง สำหรับการเสริมทัพแดนกลางในรอบไม่กี่เดือนของ “กระต่ายแก้ว” ที่แปรสภาพเป็น “บลูแมชชีน” หลังเพิ่งคว้า ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มาจากอ้อมกอดของ “กว่างโซ้งมหาภัย” ที่ราคา 35 ล้านบาทโดยประมาณ เมื่อช่วงก่อนเปิดซีซั่น ไทยลีก 2018 เบ็ดเสร็จ “บีจี” ยอดทีมจากสายคลอง เบิกเงินจากคลังกว่า 75 ล้านบาท แลกกับกองกลาง 2 คนจาก ทีมดังแห่งดินแดนล้านนา 75 ล้านบาท !!!! การลงทุนที่คุ้มค่าของกระต่ายที่เคยหมายจันทร์ ปรากฏการณ์ทุบคลัง ซื้อ “เจ้าตั้ม” มาคู่กับ “เจ้านิว” เป็นหนึ่งในการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนทรัพยากรของสโมสร ที่โชว์ฟอร์มได้ห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาควรเป็น ก่อนเปิดซีซั่น พวกเขาถูกคาดหมายว่า อาจจะเป็นทีมที่ขึ้นมาลุ้นแชมป์ได้ เพราะเสริมทัพได้อย่างน่ากลัว โดยเฉพาะแดนกลางที่ได้ทั้ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ มาริโอ ยูรอฟสกี้ มาคอนโทรลเกม แต่เวลาผ่านไป ทุกอย่างกลับไม่เป็นใจ ปัจจุบันพวกเขายังอยู่ในพื้นที่สีแดง และมีการเปลี่ยนแปลงเฮ้ดโค้ชไปเรียบร้อยแล้วถึง 2 ครั้งในซีซั่นนี้ จนกลายมาเป็นลูกหม้ออย่าง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ในปัจจุบัน ฉะนั้น ตลาดรอบสองของไทยลีก 2018 กระต่ายที่เคยหมายจันทร์ (ลุ้นแชมป์) จึงต้องเอาจริงอีกครั้ง นอกจาก ธนบูรณ์ เกษารัตน์ แล้ว ยังมีอีกสองแนวรุกอย่าง เอเรียล โรดริเกวซ หัวหอกดีกรีทีมชาติคอสตาริกา และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ตัวจี๊ดเด็กสร้างของ “โค้ชจุ่น” ที่ยืมตัวมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รวมถึง ศราวุฒิ มาสุข ริมเส้นดีกรีทีมชาติไทย ที่ดึงกลับมาจากการยืมตัว ซึ่งทั้งสามได้มาร่วมทีมเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ยังตกเป็นข่าวกับทั้ง ลุค วูดแลนด์ กองหลังทีมชาติฟิลิปปินส์ วัย 22 ปี ที่จ่อร่วมทีมแบบเต็มแก่, ณัฐพงษ์ ขจรมาลี อดีตผู้รักษาประตูของ ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่เคยบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุ และ “เจ้าโจ๋” กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ จอมลากเลื้อยทางกราบซ้าย เด็กปั้นของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมถึง ฉัตรชัย บุตรพรม นายด่านจากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็แอบมีข่าวเล็กน้อยกับ “บีจี” เช่นเดียวกัน พูดง่ายๆ มีข่าวกับทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง ปีก และกองหน้า ซึ่งถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปี แน่นอน พวกเขาจะต้องถูกยกยอปอปั้นว่าจะได้ลุ้นแชมป์ไทยลีกอย่างแน่นอน แต่นี่มันเกิดขึ้นในช่วงกลางปี แล้วทีมต้องหนีตกชั้น โดยมีแต้มห่างจากอันดับ 1 อยู่ถึง 19 แต้ม กระต่ายที่เคยหมายจันทร์ ว่าสักวันถ้วยแชมป์จะอยู่ในมือ พวกเขาต้องเปลี่ยนเป้า เพราะจันทร์ที่เคยหมาย มันไกลห่างเหลือเกิน เหลือเพียงหนีตกชั้นให้รอด และลุ้นเข้ารอบฟุตบอลถ้วยให้ลึกที่สุด บางครั้ง การลงทุนในสโมสร สำหรับแข่งฟุตบอลลีก ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไปของการเป็นแชมป์ มันต้องบวกกับรายละเอียดอื่นๆ ความกระหายเอย สปิริตของทีมเอย แทคติกในแต่ละเกมเอย ดวงและโชคก็มีส่วน การลงทุนที่คุ้มค่าของกระต่ายที่เคยหมายจันทร์ และหาก “เดอะ บลูแมชชีน” ผ่านเหตุการณ์หนีตกชั้นครั้งนี้ไปได้ และสามารถผ่านเข้ารอบลึกๆ ในฟุตบอลถ้วย ด้วยฝีมือของ อนุรักษ์ ศรีเกิด ก็คงเป็นบทเรียนอีกครั้งที่จะทำให้ผู้บริหารต้องฉุกคิดสักนิด ก่อนจะวนลูปเดิม นั่นคือการปลดโค้ชไทย และนำเข้าโค้ชต่างชาติเข้ามา แล้วก็ปลดโค้ชต่างชาติ ตั้งโค้ชไทย เป็นแบบนี้เรื่อยไปอีก เพราะการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่การดึงตัวนักเตะแพงระยับมาสู่ทีม หากแต่คือ การรั้งคนสำคัญของสโมสรที่ทำงานด้วยใจ และให้หัวใจกับสโมสรจริงๆ ไว้อยู่กับทีม หนึ่งในคนนั้นของ บางกอกกล๊าส เอฟซี มีชื่อว่า “อนุรักษ์ ศรีเกิด” แล้วสักวัน จันทร์ก็อาจจะร่วงลงมาได้อย่างที่ใจหมายจริงๆ เหมือนกับที่ “โค้ชจุ่น” เคยทำได้ เมื่อครั้งพาบีจี คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ 2014 เมื่อสี่ปีที่แล้ว  

"จอน"

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline