logo-heading

ฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2018” เตะจบครึ่งฤดูกาลแรกไปแล้ว เกมจะหยุดพักราว 2 สัปดาห์ก่อนกลับมาหวดแข้งกันต่อในเลก 2 ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.เป็นต้นไป

“เลกแรก” ที่เพิ่งจบมักมีคำถามตลอดว่า “ทำไมคนดูน้อยลง” ตรงนี้คงตอบไม่ได้ชัดเจน แต่เท่าที่รู้จำนวนคนในสนามอาจจะน้อย แต่คนที่ติดตามทางการถ่ายทอดสดน่าจะเยอะกว่าเดิม สถิติต่างๆในเรื่องคนดูคงต้องรอให้ “ไทยลีก” เอาข้อมูลอย่างเป็นทางการมาว่ากันอีกที และคงเป็น “การบ้าน” ที่ทุกภาคส่วนต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้แฟนบอลในสนามมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากว่ากันถึงอรรถรสของการแข่งขันแล้วต้องบอกว่า “ไทยลีก” ไม่ได้สนุกน้อยลงเลย ฤดูกาลนี้ถือว่าเข้มข้นไม่แพ้ปีอื่นๆทั้ง “ลุ้นแชมป์” และ “หนีตกชั้น” จบครึ่งทางไทยลีก 2018 บทสรุปครึ่งทางแรก “แชมป์เก่า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังแกร่งคว้า “แชมป์เลกแรก” ด้วยผลงานเตะ 17 นัด ชนะ 13 เสมอ 2 แพ้ 2 เก็บไปแล้ว 41 คะแนน “ปราสาทสายฟ้า” ออกตัวแรงตั้งแต่เริ่มพร้อมๆกับ การท่าเรือ และ สุโขทัย ที่แรงไม่แพ้กัน ทั้ง 3 ทีมชนะ 3 นัดรวดเหมือนกัน “สิงห์เจ้าท่า” แรงสุดเมื่อขึ้นไปนำ “จ่าฝูง” ใน 3 สัปดาห์แรกด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่าใคร นาทีนั้นกองทัพ “คลองเตย อาร์มี” คาดหวังถึงตำแหน่งแชมป์ที่รอคอยแล้ว แต่เกมต่อมา การท่าเรือ เริ่มสะดุดแแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาล ส่วน บุรีรัมย์ และ สุโขทัย ยังเดินหน้าซิวชัยได้ 4 นัดรวดต่อไป ทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช ขึ้นนำจ่าฝูงครั้งแรกตั้งแต่จบเกมนัดที่ 4 ด้วยประตูได้ที่ดีกว่า สุโขทัย ที่มี 12 คะแนนเท่ากัน นับจากนั้น “ปราสาทสายฟ้า” ไม่เคยถูกกระชากลงจากจ่าฝูงอีกเลย แม้จะเริ่มเสมอ และบางช่วงแพ้ในเกมเยือน 2 นัดติด แต่สุดท้ายก็เข้าป้ายจบเลกแรกด้วยการเป็นทีมอันดับ 1 ทว่าการลุ้นแชมป์ของ บุรีรัมย์ ใช่ว่าจะลูบปากได้ง่ายๆ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เร่งเครื่องไล่ตามมาติดๆ จบเลกแรกด้วยการมีแต้มตามหลังอยู่เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น “แข้งเทพ” เริ่มต้นฤดูกาลไม่สวย แพ้รวด 2 นัดแรกและไม่ชนะใครใน 3 นัดแรกจน “มาโน่” กลายเป็นเต็งที่จะโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือ แต่หลังจากนั้นทีมพลิกสถานการณ์เหลือเชื่อ โดยเฉพาะการทำสถิติใหม่ของสโมสร “ชนะติดต่อกัน 9 เกม” ทำให้ตอนนี้มี 39 แต้มอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ไปยาวๆ แม้การลุ้นแชมป์ลีกจะยังคงเป็นม้า 2 ตัวเดิมคือ บุรีรัมย์ และ ทรู แบงค็อกฯ ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ แต่อย่าได้ประมาททีมอันดับ 3 อย่าง การท่าเรือ เด็ดขาด ถึงจะสะดุดหัวทิ่มแพ้ 3 นัดรวด แต่ทีมของ จเด็จ มีลาภ กลับมาฟอร์มแรงไม่มีตกจริงๆ 5 นัดหลังสุดชนะรวด จบเลกแรกมี 34 คะแนนไม่ได้ห่างไกลจากการลุ้นแชมป์ จบครึ่งทางไทยลีก 2018 ทีมอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เกือบถูกตัดชื่อทิ้งไปแล้วก็น่าสนใจ หลัง ราโดวาน เคอร์ชิซ เข้ามาทีมเริ่มดูมีอนาคต ขยับมาอันดับ 4 แล้วแบบชนะรวด 3 นัดสุดท้ายของเลกแรก น่าสนใจว่า “กิเลนผยอง” จะเสริมทัพในเลกสองอย่างไร หากตัวผู้เล่นที่มีคงลุ้นยาก แต่ถ้า “จัดหนัก” รับประกันว่าแค่ 11 แต้มที่ห่างจากจ่าฝูงไม่ได้ถือว่าเยอะเลย ดูแล้วการลุ้นแชมป์คงอยู่ที่อันดับ 1-4 นี่ละ พีที ประจวบ ทีมน้องใหม่แม้จะแรงอยู่อันดับ 5 แต่คงลุ้นลำบาก “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล พาทีมมาถึงขนาดนี้ได้ถือว่าหรูแล้ว ส่วนทีมอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล ที่เคยมีลุ้น “ท็อปโฟว์” หรือ “ท็อปไฟว์” ฟอร์มไม่คงเส้นคงวาไม่น่าจะสอดแทรกขึ้นไปได้ คงลุ้นอยู่แค่กลางๆตาราง แต่ที่น่าสนใจคือท้ายตารางคะแนนที่ต้องลุ้น “หนีตาย” หลายทีม อันดับ 14-18 ที่ต้องตกชั้นตอนนี้มี บางกอกกล๊าส พัทยา ยูไนเต็ด อุบล ยูเอ็มที ราชนาวี แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล แต้มโซนตกชั้นอยู่ที่ 20 คะแนนทำให้ทีมอันดับ 13-14 ชัยนาท ฮอร์นบิล กับ โปลิศ เทโร ที่มี 23 และ 21 แต้มจะไม่พลาดไม่ได้เลยไม่งั้นจะกลับไปอยู่โซนสีแดงแน่นอน ขณะที่อันดับ 8-12 ไล่มาตั้งแต่ สุพรรณบุรี ชลบุรี สุโขทัย นครราชสีมา มาสด้า มี 24 คะแนนเท่ากัน ห่างจากโซนตกชั้นไม่เยอะถือว่าหายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน สถานการณ์ทั้งบนและล่างตารางคะแนนยังคงต้องลุ้นกันต่อไปยาวๆ รวมถึงลุ้นด้วยว่า “ลีกกินโค้ช” อย่าง “ไทยลีก” จะมีกุนซือที่ต้องแยกทางกับสโมสรก่อนเวลาอันควรอีกกี่ราย จบครึ่งทางไทยลีก 2018 จากเลกแรก 17 เกมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชไปแล้วถึง 13 ครั้งจาก 10 ทีม (นับเฉพาะกุนซืออย่างเป็นทางการ ไม่นับกุนซือรักษาการ) ราชนาวี เปลี่ยนเยอะสุด 3 คน “โค้ชมะ” วิริยะ เผ่าพันธุ์ “โค้ชบลู” ชำนาญ แพรขุนทด และ “อัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ขณะที่ ราชบุรี เปลี่ยน 2 รอบ คริสเตียน ซีเก้ และ เรเน่ เดอซาเยียร์ ที่เหลือเปลี่ยนโค้ชแล้ว 1 ครั้งทั้ง ชัยนาท เมืองทอง บางกอกกล๊าส โปลิศ เทโร แอร์ฟอร์ซ ชลบุรี อุบล สุโขทัย จบครึ่งทางไทยลีก 2018 ด้านการลุ้นตำแหน่ง “ดาวซัลโว” สนุกเข้มข้นไม่แพ้กัน ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ดาวยิง บุรีรัมย์ นำอยู่ด้วยการซัดไปแล้ว 16 ประตู ที่ตามมาติดๆคือ เฮเบอร์ตี เฟอร์นันเดซ ของ เมืองทอง ที่ยิงไป 14 ประตู ส่วน โจนาธาน รีส ของ ประจวบ และ เนลสัน โบนิลญา ของ สุโขทัย ยิงไปแล้ว 13 ประตูเท่ากัน นักเตะไทยที่ทำประตูได้มากที่สุดคือ สุมัญญา ปุริสาย ของ ทรู แบงค็อกฯ ซัด 8 ประตู ขณะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ของ ชลบุรี และ อมร ธรรมนาม ของ ประจวบ กดคนละ 7 ประตู สำหรับเลกแรกมีการยิง “แฮตทริก” ไปทั้งหมด 10 ครั้งจากนักเตะ 9 คน โดย โจนาธาน รีส ทำไปคนเดียว 2 แฮตทริก และ เจนรบ สำเภาดี เป็นนักเตะไทยคนเดียวที่ยิงแฮตทริกได้ เกมเลก 2 ยังมีอีก 17 เกมให้ลุ้น สถานการณ์และสถิติต่างๆย่อมมีการเปลี่ยนแปลงแน่ อดใจรอกันอีก 2 สัปดาห์แล้วมาตามดูกันไปยาวๆว่าบทสรุป “ โตโยต้า ไทยลีก 2018” จะลงเอยอย่างไร

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline