logo-heading

จะมีคนกีฬาสักกี่คนที่ได้รับการอวยยศเป็นอัศวิน ถ้าไม่ได้มีความดีความชอบ และเป็นตำนานจริงๆ เพื่อแสดงความยินดีต่อท่าน เซอร์ ป้ายแดงคนนี้ เราขอเสนอ 5 โมเมนต์ในความทรงจำของ เคนนี่ ดัลกลิช

เคนนี่ ดัลกลิช คือนักเตะและผู้จัดการทีมที่เป็นบุคคลระดับตำนานอย่างแท้จริงของวงการฟุตบอลอังกฤษ ล่าสุดเนื่องใน วโรกาส วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของสมเด็ดพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศอัศวินให้กับ ดัลกลิช ให้สมกับชื่อเสียงและคุณงามความดีที่เขาทำให้กับ สหราชอาณาจักร นั่นทำให้ ราชาของชาว "หงส์แดง" จะต้องเปลี่ยนถูกเรียกเป็น เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ในชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว และเพื่อเป็นการแสดงความยินดี และเพื่อแบบรรดาแฟนๆ ลิเวอร์พูล รุ่นหลัง เราขอรวม 5 ความทรงจำอันน่าสนใจของตำนานที่ยังมีชีวิตคนนี้เอาไว้ให้ได้ลองอ่านกัน  

1977, เซ็นสัญญาค้าแข้งกับ "หงส์แดง"

เซอร์ ดัลกลิช เริ่มต้นค้าแข้งด้วยการเป็นเด็กปั้นของ เซลติก ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี เล่นกับ "ม้าลายเขีย-ขาว" ใน สกอต อู่จนอายุ 26 ปี ทำผลงานลงสนาม 320 นัด ยิงได้ 167 ประตู จนไปเข้าตาทีม ลิเวอร์พูล ผู้จัดการทีมในตอนนั้นอย่าง บ็อบ เพรสลีย์ ดึงเขามาด้วยค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติของเกาะอังกฤษที่ 440,000 ปอนด์ ในฐานะตัวแทนของ เควิน คีแกน ที่ย้ายไป ฮัมบูร์ก เขาใจกล้าเลือกรับช่วงต่อเบอร์เสื้อหมายเลข 7 ของ คีแกน ที่เป็นขวัญใจของเหล่า "เดอะ ค็อป" ในอตนนั้น แต่นั่นไม่ได้สร้างความกดดันให้เขา เขาทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรกในลีกที่พบกับ มิดเดิ้ลสโบรห์ หลังจากชิมลางมาใน ชาริตี้ ชิลด์  

1978, แชมป์ ยุโรปสมัยแรก

เซอร์ ดัลกลิช กลายเป็นที่รักของแฟนบอลที่ แอนฟิลด์ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาลงสนามไปถึง 62 นัด ยิงได้ 31 ลูกในทุกรายการ และในบรรดาจำนวนประตูเหล่านั้น คือประตูในนัดชิงชนะเลิศศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ลูกชิพข้ามหัวผู้รักษาประตู บีร์เกอร์ เยนเซ่น ช่วยให้ "หงส์แดง" เอาชนะ คลับ บรูช จาก เบลเยี่ยม ที่สนาม เวมบลีย์ ไปด้วยสกอร์ 1-0 ให้เขาคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกให้ตัวเอง และสมัยที่ 2 ให้กับทีม  

1986, พาทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีม

ช่วงนั้น ลิเวอร์พูล กำลังเจอวิกฤติ จากปัญหาที่แฟนบอลไปก่อขึ้น จนเป็นโศกนาฏกรรมที่ เฮย์เซล กุนซือของทีม โจ ฟาแกน ลาออก หาใครเข้ามารับช่วงต่อไม่ได้ ทีมต้องดัน เซอร์ ดัลกลิช ขึ้นมาเป็นผู้เล่นควบตำแหน่งผู้จัดการทีม ทว่าเป็นเหมือนฟ้าหลังฝน เซอร์ ดัลกลิช ไม่เพียงเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม แต่เขายังเป็นกุนซือที่มีฝีมือระดับไร้เทียมทานเช่นกัน "หงส์แดง" เบียด เอฟเวอร์ตัน ทีมร่วมเมือง คว้าแชมป์ลีกด้วยระยะห่างแค่ 2 แต้ม และเอาชนะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ซ้ำได้อีกในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในซีซั่นแรกที่เป็นกุนซือ เขาส่งตัวเองลงสนามไปทั้งสิ้น 29 นัด ยิงได้ 5 ประตูในทุกรายการ  

1989, ชอกช้ำซ้ำซ้อนกับโศกนาฏกรรม ฮิลล์สโบโร่ห์

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วถึงความชอกช้ำของชาว "หงส์แดง" ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิดต่อโศกนฏกรรมครั้งนี้ ตอนที่เกิดเหตุ คนที่เป็นกุนซือของทีม เซอร์ ดัลกลิช นั่นทำให้เขาต้องรับหน้าเสื่อกับเสียงก่นด่าจากทั่วสารทิศ ต่อสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นความเลวร้ายที่สุดในวงการฟุตบอลสหราชอาณาจักร และแบกรับความสูญเสียถึง 96 ชีวิต ตอนนั้น เซอร์ ดัลกลิช และภรรยา ต้องพยายามทำทุกอย่าง และเป็นตัวแทนสโมสรในการออกหน้าเพื่อสาธารณะ แม้กระทั่งการต้องไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิตถึง 4 งานในวันเดียว เพื่อเป็นการขอโทษต่อครอบครัวของแฟนบอลที่จากไป ซึ่งสิ่งที่เขาพยายามทำนี้ นอกจากจะช่วยให้เหตุร้ายเบาบางลง ยังทำให้ทีมได้รับคำชื่นชมอีกด้วย แน่นอนว่าบทเรียนที่ เฮย์เซล ก็เป็นสิ่งเตือนใจมาแล้ว ทว่าจุดสิ้นสุดก็มาถึง หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย เอฟเอ คัพ 2 สมัย ลีก คัพ 1 สมัย "เซอร์ เคนนี่" ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1991 เป็นกุนซือคนสุดท้ายที่พา "หงส์แดง" คว้าแชมป์ลีกได้  

1995, พา แบล็คเบิร์น คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก

หลังจากลาออกจา ลิเวอร์พูล เขาพักงานไปไม่นาน เจ้าของทีม "กุหลาบไฟ" ก็ไปโน้มน้าวให้ เซอร์ ดัลกลิช มาคุมทีให้ได้ ตอนนั้น แบล็คเบิร์น เหมือนเป็นทีมเศรษฐี ที่พุ่งทะยานมาจาก ดิวิชั่น 2 ขึ้นมาสู่ พรีเมียร์ลีก เขาคุมทีมมาจนกระทั่งฤดกาล 1994-95 พร้อมกับลูกทีมชั้นอ๋องอย่าง อลัน เชียร์เรอร์, เจสัน วิลค็อกซ์, คริส ซัตตัน, เอียน เพียร์ซ และ เฮนนิ่ง เบิร์ก เขาพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้เกมสุดท้ายจะดันไปแพ้ทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล แต่ยังดีที่คู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม ทำให้ได้ฉลองกัน เป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ในฐานะกุนซือ ของ ดัลกลิช และทำให้เขาเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 4 ที่พา 2 ทีมคว้าแชมป์ลีกผู้ดีได้ นั่นคือชื่อเสียง คุณงามความดี และเกียรติยศของ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ทำให้แก่วงการฟุตบอลของสหราชอาณาจักร แต่อยากทิ้งท้ายเพื่อจะได้ไม่ลือ เมื่อฤดูกาล 2011-12 เขากลับมาช่วย ลิเวอร์พูล ทีมรักอีกครั้ง และทิ้งทวนไปด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ ทำสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด นั่นไม่พอยังเป็นแชมป์รายการล่าสุดที่ "หงส์แดง" คว้าได้อีกด้วย

- เทพเฟี๊ยต -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline