logo-heading

0-4 คือ สกอร์แรกที่แสนจะยับเยินของ ราโดวาน เคอร์ซิซ เฮ้ดโค้ชชาวเซอร์เบีย ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในการคุมทีมลงสนามเกมลีกของเมืองไทย นัดแรก ซึ่งแพ้ “ปราสาทสายฟ้า” เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา

แต่หลังจากเกมวันนั้น เขานำลูกทีมลงสนามอีก 4 เกมในลีก และพบชัยชนะทั้ง 4 นัด เก็บได้ 12 แต้มเต็ม ยิงได้ 13 ลูก เสีย 5 เม็ด พร้อมขึ้นรั้งอันดับที่ 4 ของตาราง ไล่ตั้งแต่ชนะ ชัยนาท ฮอร์นบิล 2-0, ชนะ สุโขทัย เอฟซี 4-3, ชนะ พัทยา ยูไนเต็ด 4-0 และ บุกเชือดคู่รักคู่แค้นอย่าง การท่าเรือ เอฟซี 3-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อะไร คือ หมากที่เปลี่ยนไปบ้าง? เคอร์ซิซ เห็นจุดอ่อนตรงไหนของทีม? และเขาเติมเต็มสิ่งใดบ้างให้กิเลนผยอง? สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน นั่นคือ การคืนสู่ตัวจริงอีกครั้งของ “เจ้าเกมส์” ศนุกรานต์ ถิ่นจอม โดยเกมกับ บุรีรัมย์ เขาได้ลงสนามเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ซึ่งหลังจากจบเกมพ่าย “เซราะกราว” ยับเยิน เขาสะสมสถิติของปีนี้ไว้ที่การลงสนามเป็นตัวจริงแค่ 3 นัด สำรองอีก 6 เกม จาก 14 เกมแรก และยิงไม่ได้เลย

ศนุกรานต์ ถิ่นจอม เกิดใหม่บนพื้นที่ของเพื่อนรัก..

แต่หลังจากนั้น เคอร์ซิซ ก็ได้ตัดสินใจส่ง ศนุกรานต์ ลงสนามเป็นตัวจริงทุกนัด ในพื้นที่เพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้า ซึ่งจะถูกถ่างไปทางฝั่งซ้ายเล็กน้อยเวลาขึ้นเกมบุก และผลงานใน 4 เกมหลังของเขาก็คือ ตัวจริงทุกนัด พร้อมกับยิงได้ 2 ประตู ทำให้กลายเป็นนักเตะที่น่าจับตามองของทีมทันที เกมล่าสุด ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่ แพท สเตเดี้ยม เขาก็เป็นผู้โหม่งทำประตูขึ้นนำให้กับ “กิเลนผยอง” ไปก่อนในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งเป็นประตูจุดประกาย 3 แต้ม ศนุกรานต์ ถิ่นจอม คือ หนึ่งในหมากที่ถูกปรับโฉมบนกระดานของ เคอร์ซิซ ที่ทำให้ กิเลนกลับมาเป็นทีมที่น่ากลัวอีกครั้ง” ย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ศนุกรานต์ ถิ่นจอม กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ถือเป็นสองตัวรุกร่างเล็กที่โดดเด่นอย่างมาก ในวงการฟุตบอลนักเรียนกับ “สำเภาม่วง” พณิชยการราชดำเนิน ทั้งคู่เป็นคู่ซี้กัน ทั้งใน และนอกสนาม หลังจากนั้น ทั้ง “เจ้าเจ” และ “เจ้าเกมส์” ก็เข้าสู่อ้อมอกของสโมสรบีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร เอฟซี ในปัจจุบัน) ในฐานะนักเตะเยาวชนแห่ง “มังกรไฟ” ก่อนผนึกกำลังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2011 แต่สุดท้าย โลกลูกหนัง เหมือนจะคารวะให้กับความสามารถของ ชนาธิป มากกว่า ซึ่งทำให้ชื่อของ ศนุกรานต์ ถิ่นจอม ค่อยๆ เลือนหายไปทีละเล็กทีละน้อย แต่จนแล้วจนรอด “เจ้าเกมส์” ที่ผ่านชีวิตลูกหนังอย่างโชกโชน กับ หลายสโมสร ก็ได้มาพบกับเพื่อนอีกครั้ง ที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017 และได้ลงเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ทว่าใต้ร่มเงาความเก่งกาจของเพื่อนรัก ก็ทำให้ ศนุกรานต์ ต้องตกเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังมีชนาธิปอยู่ในทีม และยังคงเป็นตัวเลือกรองลงมาของทีม ในสมัยที่ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ยังคุมทีม จนกระทั่ง รอยต่อระหว่างเลกแรก และเลกสองของซีซั่น 2018 ท่ามกลางการถูกผ่องถ่ายออกจากทีม “กิเลนผยอง” ของนักเตะหลายคน ทั้ง ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, สิโรจน์ ฉัตรทอง และ รัชพล นาวันโน แต่ ศนุกรานต์ ยังไม่ถูกปล่อยไปไหน เขายังอยู่กับทีม แถมเริ่มมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นอีกด้วย หนึ่งประตูในเกมบุกถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่บทบาทการเคลื่อนที่ การสร้างสรรค์เกมรุก ความขยันในเรื่องเกมรับ และหนึ่งประตูในเกมบุกเชือด “สิงห์เจ้าท่า” คงแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่า นี่คือหมากที่พร้อมใช้งาน และใช้งานได้ดีเยี่ยมด้วยของ “เคอร์ซิซ”

ศนุกรานต์ ถิ่นจอม เกิดใหม่บนพื้นที่ของเพื่อนรัก.. บางที การพยายามค้นหาตัวแทน ชนาธิป สรงกระสินธ์ ของ เมืองทอง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเขาอาจใช้เรดาห์ที่มองไประยะไกลสุดกู่เกินไป

ทั้งที่แท้จริงแล้ว เมืองทองก็มีนักเตะที่มี “ความชนาธิปอยู่ในตัว” และเป็นนักเตะที่รู้ซึ้งถึงวิธีการเล่นในแบบ “ชนาธิป” ได้เป็นอย่างดี อย่าง ศนุกรานต์ ถิ่นจอม อยู่ใกล้ตัว ชนิดที่แกะกล่องพร้อมดื่ม ใช้งานได้เลยด้วยซ้ำไป...

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline