logo-heading

ฟุตบอลโลก 2018 ได้ฤกษ์เปิดฉากทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มิ.ย ที่ผ่านมา 6 วันแห่งการชิงชัยรอบแบ่งกลุ่ม บอลเป็นต่อหลายทีมเอาตัวไม่รอด เมื่อเจอบอลรองบ่อน ที่มาในเชิงของแท็คติกรับในแนวลึก รอโต้กลับฉกฉวยความผิดพลาด ซึ่งพักหลังเทรนด์นี้กำลังเป็นที่นิยม จนอรรถรสฟุตบอลเริ่มน่าเบื่อและจางหายไปจากวันวาน

ส่วนตัวแทนจากทวีปเอเชีย ซาอุดิอาระเบีย,อิหร่าน  เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย  ได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไปเกมแรกในเวิลด์ คัพ พวกเล่นในรูปแบบที่ไม่ต่างกัน รอบลึกแน่นหนา เพียงแต่อิหร่าน ที่ประสบความสำเร็จได้ 3 แต้มไปแบบส้มหล่นในช่วงโค้งสุดท้าย คราวนี้เหลือเพียงแค่ญี่ปุ่น เพียงทีมเดียวเท่านั้นที่จะมีคิวคิกออฟช่วงค่ำวันนี้ เจอกับโคลัมเบีย ซึ่งนี่คือการตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ฟรองซ์ 98 เป็นเวลา 20 ปีเต็มจากทีมเกรดกลางของทวีปเอเชีย ที่เคยอยู่ระดับเดียวกับทีมชาติไทย ยกระดับพัฒนาศักยภาพไปไกลถึงระดับโลก ขอบสนามขอเสนอ 10 เหตุผลทีมซามูไร ถีบตัวแทนจากทีมเกรดกลางของทวีปเอเชีย จนกลายเป็นขาประจำเมเจอร์ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกลูกหนัง 1.วางระบบ มีแผนงานตามเป้าหมาย ความปราชัยของญี่ปุ่นต่อทีมชาติไทย 2-5 ในฟุตบอลชาย คัดเลือกปรีโอลิมปิก 10 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ที่สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี1983 ทำให้เป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ของทั้งสองประเทศ องค์กรลูกหนังญี่ปุ่นรับไม่ได้กับเรื่องดังกล่าว เลือกเดินหน้าวางแผนพัฒนาฟุตบอลทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่การเขียนแผนงานอย่างชัดเจนฉบับแรก โร็ดแม็ป 15 ปีแรกของญี่ปุ่น  คือการครองแชมป์เอเชียน คัพ ในปี 1992 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพในฮิโรชิม่า, ตามด้วยการเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1998, ลุยรอบสุดท้ายฟุตบอลโอลิมปิก 1996 และทีมชาติเยาวชน 17 และ 20 ปี ต้องไปเล่นฟุตบอลเยาวชนโลกให้ได้ ซึ่งทั้งอย่างก็ประสบความสำเร็จอย่างที่เจแอฟเอวางเอาไว้ 2.การปฏิวัติวงการฟุตบอลญี่ปุ่น จากกึ่งอาชีพจนเป็นอาชีพเต็มตัว นอกจากวางแผนเป็นเจ้าเอเชีย ไปเล่นฟุตบอลชายกีฬาโอลิมปิกรอบสุดท้าย คลอลิฟายเวิล์ด คัพ ในระดับนานาชาติ องค์กรลูกหนังญี่ปุ่น รู้ดีว่าการไปเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่จำเป็นต้องมีลีกอาชีพที่แข็งแรงและมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งมันต้องดีกว่าลีกกึ่งอาชีพสมัครเล่น ในชื่อของเจแปน ซ็อคเกอร์ส ลีก ในปี 1993 เจลีกถูกก็ตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาได้ออกกฎให้ทุกสโมสรสมาชิกที่ส่วนใหญ่คือทีมองค์กรบริษัทอุตสาหกรรมในประเทศซึ่งตั้งอยู่บริเวณรอบเขตเมืองหลวงให้ย้ายไปจับมือกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความว่าท้องถิ่นนิยมซึ่งแนวคิดดังกล่าว ทำให้เจลีกกลายเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม เกมนัดเปิดสนามฤดูกาล 1993 ระหว่างเวอร์ดี้ คาวาซากิ กับโยโกฮาม่า มารินอส มียอดผู้ชมในสนามกีฬาแห่งชาติกรุงโตเกียวถึง 59,626 คน เรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฟุตบอลในประเทศซบเซามาก 3.ทำการตลาดด้วยการดึงแข้งดังวัยใกล้แขวนสตั๊ดมาเล่นเจลีก เพื่อดึงแฟนเข้าสนาม นอกจากการเปลี่ยนแปลงลีกอาชีพ การจะดึงคนดูเข้ามาชมสนามฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนชาวอาทิตย์อุทัย มีเบสบอลเป็นกีฬาหมายเลข 1 ของประเทศ การจะดึงกลุ่มคนเหล่านั้นมาดู “ซ็อคเกอรส์” คนญี่ปุ่น ฟาดแข้งกันเองคงไม่เวิร์กแน่ เจลีก จึงแนะนำให้ทุกสโมสรดึงแข้งชื่อดังระดับโลกที่อยู่ในเชิงบั้นปลาย มาโชว์ฝีเกือก เพื่อใช้ชื่อเสียงสตาร์ดังเหล่านั้น เรียกแฟนบอลเข้าสนาม ซึ่งมันคือความคิดที่ยอดเยี่ยม แกรี่ ลินิเกอร์, ดราแกน สตอยโควิช, เลโอนาร์โด้, ซัลวาตอเร่ สกิลลาชี่, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ, ราม่อน ดิอาซ, ดุงก้า และซิโก้ ชื่อที่กล่าวมาในข้างต้น ล้วนแล้วแต่มาโกยเงินเยน และช่วยพัฒนาศักยภาพฟุตบอลลีกในญี่ปุ่นให้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว 4.ปลูกฝังวินัย แนวคิด ทัศนคติ ประชากรในแดนซามูไร มีความเป็นชาตินิยมมาก การปลูกฝังถ่ายทอดทัศนคติฟุตบอลลงไปให้แก่เยาวชนซึมซับวิธีการเล่นลูกหนังที่ถูกต้องตั้งแต่พื้นฐานคือสิ่งแรกที่องค์กรลูกหนังญี่ปุ่นให้ความสำคัญ เมื่อประชากรมีระเบียบวินัยเคารพกฏกติกา การปรับแนวคิดให้เยาวชน เติบโตก้าวไปเป็นนักเตะระดับอาชีพ เล่นในระบบแบบเดียวทั้งระบบไม่คงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อทุกอย่างมาในรูปแบบเดียวกัน นักเตะญี่ปุ่นจะครอบครองบอลไว้กับตัวได้ดีมากรวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะเวลาอยู่ในสนามยอดเยี่ยม และมีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมจนยากจะต่อกรด้วย 5.ฟุตบอลไฮสคูล เวทีลูกหนังมัธยมปลายแจ้งเกิดนักเตะสู่ทีมชาติ เวทีลูกหนังที่เป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีเฟ้นหาเพชรเม็ดงาม จนป้อนเยาวชนไปสู่ระดับทีมชาติชุดใหญ่ คือรายการระดับไฮสคูลที่มีชื่อว่า “คลาสสิควินเทอร์” รายการนี้จัดมายาวนานถึง 96 ปี ที่สำคัญทัวร์นาเมนต์นี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและแฟนบอลถึงขั้นตั๋วนัดชิงขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว มีนักเตะชื่อดังหลายๆ คนที่ผ่านรายการนี้ เช่น เคซูเกะ ฮอนดะ, ชินจิ โอกาซากิ, ฮิเดโตชิ นากาตะ, ยาชูฮิโต เอนโดะ, ชุนซูเกะ นากามูระ ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั่น ปัจจุบันยังสโมสรต่างๆ ในศึกเจลีกได้หันมาจับมือกับโรงเรียนต่างๆ มากขึ้น และก่อนให้เกิดลีกเยาวชนอย่าง “ปริ้นซ์ ทากามาโดะ ยู-18 ลีก” ขึ้น ซึ่งมันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่เปิดโอกาสให้ 20 สโมสร ไม่ว่าจะเป็นทีมโรงเรียน หรือทีมเยาวชนของสโมสร เข้าร่วมแข่งขันกันในระบบลีก 6.ภาครัฐ เอกชน มีส่วนร่วมมือกันให้ลีกพัฒนา แข็งแกร่ง ฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่น สโมสรส่วนใหญ่เดิมทีมีพื้นเป็นทีมองค์กร จึงทำให้ยากหากคิดจะขยายตัวให้กลายเป็นทีมอาชีพได้เต็มตัว การกระจัดกระจายให้แต่ละทีมไปตั้งอยู่ในหัวเมืองใหญ่ จำเป็นต้องได้รับสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ในเรื่องของเม็ดเงิน การทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือท้องถิ่น หลายสโมสรจับมือกับร้านอาหารพ่วงค่าตั๋วเข้าชมเกมในแบบลดราคา บางทีมทำพาร์ทเนอร์กับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดเพื่อให้มาดูฟุตบอลและท่องเที่ยวในระหว่างรอชมเกมในแต่ละนัด เมื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ฟุตบอลลีกสูงสุดของแดนซากูระจึงกลายเป็นจุดสนใจจากต่างชาติ 7.การ์ตูนมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน หนังสือการ์ตูนกัปตันซึบาสะ ที่เขียนโดยโยอิจิ ทาคาฮาชิ  เรื่องราวของเด็กผู้ชายผู้คลั่งไคล้ฟุตบอล จากโรงเรียนนังคะสึ ในจังหวัดชิซึโอกะ ดาวเตะหมายเลข 10 โอซาระ ซึบาสะ ที่นำทีมโรงเรียนชนะเลิศระดับมัธยมต้น 3 ปีซ้อน จนก้าวไปติดทีมชาติญี่ปุ่นในระดับเยาวชน ไปค้าแข้งกับทีมบลังโก้ (เซา เปาโล) และ คาตาโลเนีย (บาร์เซโลน่า) พร้อมกับมีคำพูดติดปาก “ฟุตบอลคือเพื่อน”  ออกฉายในประเทศแดนปลาดิบในปี 1983-1986 กัปตันซึบาสะ  ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้แก่ในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จากเดิมที่เด็กในประเทศ มีฝันอยากเป็นนักเบสบอล ทำให้หลายคนหลังชมการ์ตูนเรื่องนี้ เริ่มมีความสนใจอยากเป็นนักบอลอาชีพ ซึ่งสตาร์ดังอดีตทีมชาติซามูไรบลูหลายคนก็ได้อิทธิพลมาจากการ์ตูนเรื่องนี้เช่น ฮิเดโตชิ นากาตะ, ชินจิ คางาวะ, ชุนซุเกะ นางามูระ นอกจากนี้ดาวเตะชื่อก้องโลกมากมายก็ยอมรับเป็นแฟนตัวยงของกัปตันซึบาสะ เช่น อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่,อันเดรส อิเนียสต้า และเฟอร์นานโด ตอร์เรส 8.การไปค้าแข้งต่างประเทศของนักฟุตบอล สร้างแรงผลักดันให้เยาวชนเจริญรอยตาม นับตั้งแต่คาซูโยชิ มิอุระ แบกกระเป๋าเดินทางไปฝึกฟุตบอลยังประเทศบราซิล ณ เมืองเซา เปาโล ในปี 1982 จนได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลอาชีพ กับพัลไมรัส, ซานโต๊ส, คอริติบ้า กระทั่งมีโอกาสได้ย้ายไปเล่นในกัลโช่ เซเรีย อา กับเจนัว ในปี 1993 การได้ไปเล่นฟุตบอลที่อิตาลี ในยุคเฟื่องฟูของ “คิงคาซู” กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักในแดนปลาดิบ ที่อยากเจริญรอยตาม ฮิโดโตชิ นากาตะ, ฮิโรชิ นานามิ, ชุนซูเกะ นากามูระ, ชินจิ โอโนะ, จุนอิชิ อินาโมโตะ, เคซึเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คางาวะ  ฯลฯ ชื่อที่ว่ามาในข้างต้นคือดาวเตะระดับท็อปที่ได้ไปโลดแล่นในแวดวงลูกหนังยุโรป นอกจากนี้ยังรวมถึงนักเตะกลุ่มประเภทหอบเสื้อฝ้าไปฝึกปรือฝีเท้ายังต่างแดนในรูปแบบผจญภัยด้วยตัวเอง ซึ่งแทรกซึมอยู่ทั่วบราซิล, อาร์เจนติน่า และลีกระดับล่างของทวีปยุโรป แบบนับไม่ถ้วน ผลพวงการไปลุยลีกต่างแดนมากมาย ทำให้อากิระ นิชิโนะ แบโผ 23 ขุนพลซามูไรบลูส์ในเวิลด์ คัพ ณ ดินแดนหมีขาว มีผู้เล่นค้าแข้งในประเทศเพียงแค่ 8 รายเท่านั้นเอง นั้นหมายความว่าที่เหลือ 15 แข้งค้าแข้งอยู่นอกแผ่นดินเกิด 9.นำผู้เชี่ยวชาญลูกหนังจากต่างประเทศมาอบรมโค้ชในประเทศ ช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเริ่มนับหนึ่ง พวกเขานั้นรู้ดีว่าโค้ชในประเทศมีความรู้ไม่มากพอจะถ่ายทอดการเล่นฟุตบอลอย่างถูกวิธี จึงนำต้องนำผู้มีประสบการณ์ลูกหนังจากต่างแดนเข้ามาสอน ทั้งเยอรมนี,ฮอลแลนด์ และบราซิล ถ่ายทอดกันตั้งแต่เบสิคจนถึงการเล่นเป็นทีม ซึ่งอิทธิพลลูกหนังแดนแซมบ้า มีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลญี่ปุ่นอย่างชัดเจนในปัจจุบัน มีนักเตะและโค้ชชาวบราซิเลี่ยน หากินในลีกญี่ปุ่นแทบทุกดิวิชั่น เมื่อโค้ชชาวญี่ปุ่นได้รับองค์ความรู้จากชาติชั้นนำในโลกฟุตบอล ก็นำไปเผยแพร่สอนกับครูพละตามโรงเรียนในเมืองใหญ่ ถ่ายทอดต่อรุ่นสู่รุ่น นอกจากในแต่ละปีญี่ปุ่นจะส่งกุนซือหัวกระทิไปอบรมยังต่างแดน เพื่อนำศาสตร์ลูกหนังใหม่ๆมาแบ่งปันภูมิความรู้อย่างไม่มีสิ้นสุด 10.คนญี่ปุ่นจริงจังกับทุกเรื่องที่ทำ หากใครเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น คุณจะพบเห็นถึงความมีระเบียบวินัยของคนชนชาติซามูไรในแทบทุกด้าน บ้านเมืองน่าอยู่สะอาดสะอ้าน รู้จักคำว่าตรงต่อเวลา มีมารยาท มีระเบียบวินัย ไม่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่น หรือทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ทุกอย่างจริงจังเต็มที่มีการวางแผนที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม มันคิดสิ่งที่ติดเป็นนิสัยกลายเป็นสิ่งที่คนในชาติปลูกฝัง เมื่อคิดจะทำอะไรต้องซื่อสัตย์จริงใจเต็มที่ในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ ถึงแม้ฟุตบอลแม้จะเป็นกีฬาที่คนในชาติสนใจเป็นอันดับ 2 แต่พวกเขาก็สามารถพัฒนาให้เข้าไปเฉียดใกล้ระดับโลกในเวลาอันรวดเร็ว ระบบแผนงานที่เขียนไว้ตรงตามสคริปป์ไม่มีผิดพลาด จนกลายเป็นขาประจำเวิล์ด คัพ 5 สมัยติดต่อกัน

เอ็มเร่

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline