logo-heading

หลากภาพ หลายโมเมนต์ใน ฟุตบอลโลก ตั้งแต่ฟอร์มขั้นเทพของ เบลเยี่ยม ถึงการโกงความตายของ เยอรมัน ที่เหลือ 10 คน จังหวะไหนปัง จังหวะไหนพัง ไปดูกัน

ฟุตบอลโลก เปิดฉากกันมาครบ 10 วันแล้ว และเป็นอีกหนึ่งวันที่มีเรื่องน่าพูดถึงไม่แพ้วันอื่น นอกจาก เบลเยี่ยม ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสมชื่อแล้ว ยังมีแชมป์เก่า เยอรมัน ที่ต้องชี้ชะตาการผ่านเข้ารอบของตัวเอง และแม้เหลือ 10 คนก็ยังสู้ และเอาตัวรอดได้ สรุปแล้วเมื่อวานมีโมเมนต์ไหนปัง โมเมนต์ไหนพังบ้าง ไปติดตามกัน เราไม่อยากให้คุณพลาด

โคตรพัง

เกินบรรยาย! ขอบสนาม โคตรปัง-โคตรพัง ประจำวันที่ 10 บอลโลก จังหวะ "ฝากรอยเท้าเอาไว้" บนหน้า รูดี้ - เป็นจังหวะถึงลูกถึงคนในเกม เยอรมัน กับ สวีเดน อุบัติเหตุที่เกิดจากการที่แข้ง "ไวกิ้ง" ไปยันหน้า เซบาสเตียน รูดี้ แบบไม่เจตนา แต่ก็แรงพอจะทำให้มิดฟิลด์จาก บาเยิร์น มิวนิค รายนี้ หน้าแหก จมูกแตก เลือดอาบได้เลย ซึ่งสุดท้ายเขาก็ต้องโดนเปลี่ยนออกในนาที 31 ให้ อิลคาย กุนโดกัน ลงมาแทน เมซุต โอซิล ที่ข้างสนาม - โยอัคคิม เลิฟ เปลี่ยนทีมนิดหน่อยจากเกมที่แพ้ เม็กซิโก อย่างน่าอับอาย หนึ่งในนั้นคือการจับ โอซิล นั่งที่ม้านั่งสำรองแบบไม่ถูกเปลี่ยนลงมา แล้วใช้ มาร์โก รอยส์ เป็นตัวจริงแทน พร้อมกับให้ โทนี่ โครส ปั้นเกมคนเดียว แถมดันออกมาดี ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลยของเพลย์เมกเกอร์จากค่าย "เดอะ กันเนอร์ส" ออกมาแบบนี้ อาจโดนนั่งยาวๆ ก็เป็นได้ ดีแลน บรอนน์ ของผู้ยิงประตูแรกให้ ตูนีเซีย - อ้าวยิงได้ ทำไมพัง นั่นก็เพราะหลังโหม่งทำประตูให้ทีมไล่มาเป็น 1-2 ได้ในนาทีที่ 18 ก็เข่าเดี้ยงในอีก 6 นาทีต่อมา ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกไปเฉยเลย

โคตรปัง

ประตูประวัติศาสตร์จากจุดโทษของ อาซาร์ - ประตูขึ้นนำของ เบลเยี่ยม จากประตูจุดโทษของ เอแด็น อาซาร์ สร้างประวัติศาสตร์ว่า ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ไม่มีแมตช์จบ 0-0 ตั้งแต่เปิดสนามยาวนานที่สุด 27 เกม ณ เวลานั้น และกลายเป็น 29 เกมหลังจบวัน แม้ว่าปี 1954 จะไม่มีเกมจบ 0-0 ทั้งทัวร์นาเมนต์ตอนนั้นมีเตะแค่ 16 ทีม และเตะแค่ 26 แมตช์เท่านั้น โรเมลู ลูกากู - เป็นอีกหนึ่งเกมที่เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ยิง 2 ลูกให้ทีมชนะ 5-2 แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะที่ยิง 2 ประตูขึ้นไป 2 เกมติดต่อกันได้เป็นคนล่าสุด คนสุดท้ายที่ทำได้คือ ดีเอโก้ มาราโดน่า เมื่อปี 1986 ฟรีคิกของ โทนี่ โครส - เยอรมัน เกือบจะต้องตกรอบแล้ว หากจบเกมด้วยผลเสมออีก 1 นัด แต่ ความหวังก็มาเมื่อ พวกเขาได้ฟาวล์ที่กรอบเขตโทษฝั่งซ้าย และเป็น โครส หวดประตูเข้าไปแบบสุดสวย และกลายเป็นประตูนำในนาทีที่ 90+5 ในที่สุด
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline