logo-heading

เทคโนโลยีวีดีโอช่วยตัดสิน ‘VAR’ หรือที่เรียกกันเต็มๆว่า Video Assistant Referee กลายเป็นประเด็นที่ยังมีการพูดถึงกันอย่างต่อเนื่อง

ฟุตบอลโลก 2018 มีหลายเกมที่ผลการแข่งขันถูกตัดสินจากการเลือกใช้ ‘VAR’ หลายคนเห็นด้วยกับเทคโนโลยีตัวนี้ แต่อีกหลายคนยังไม่ค่อยเห็นด้วย ‘VAR’ คือตัวช่วยให้เกิดความยุติธรรมหรือเป็นตัวทำลายเสน่ห์ฟุตบอลกันแน่ นี่คือคำถามที่ยังมีการถกเถียงกันมาตลอด ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นค้าน แต่ทุกทีมที่กำลังแข่งขันในทัวนาเมนต์อันดับ 1 ของโลกอย่างฟุตบอลโลกต้องรับให้ได้กับ ‘VAR’ เพราะ “ฟีฟ่า” ประกาศใช้ไปแล้ว ส่วนลีกลูกหนังภายในประเทศต่างๆคงต้องว่ากันไปแบบต่างกรรมต่างวาระครับ เพราะไม่ได้มีการบังคับให้ใช้ ‘VAR’ บางลีกใช้ไปแล้ว บางลีกยังไม่ได้ใช้ หรือใช้แค่บอลถ้วย VAR ไทยลีก !!! ส่วน “ไทยลีก” ของเรามีการนำเทคโนโลยี ‘VAR’ มาใช้ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2018 แล้ว ช่วงแรกเรียกว่าทดลองใช้ในระยะเวลา 8 สัปดาห์ตั้งแต่กุมภาพันธ์จนถึงมีนาคม เสียงตอบรับจากการทดลองใช้ ‘VAR’ มีทั้งสโมสรที่สนับสนุนและไม่เห็นด้วย แต่ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะคือการเลือกคู่ที่จะใช้ ‘VAR’ ในแต่ละสัปดาห์ ประเด็นตรงนี้บางทีมบอก “ไม่แฟร์” เพราะเลือกใช้แต่กับทีมใหญ่ คู่ใหญ่ ทั้งทีหลายสโมสรบอกว่าควรได้รับสิทธิ์เท่าๆกัน “ไทยลีก” และ “สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” จึงตัดสินใจแก้ปัญหา (หรือตัดปัญหา) ด้วยการประกาศจะยกเลิกใช้ ‘VAR’ ตั้งแต่ช่วงเมษายน แต่ภายหลังได้มีการประชุมร่วมกับตัวแทนทุกสโมสรแล้วจึงเปลี่ยนนโยบายใหม่เป็นให้แต่ละทีมตัดสินใจเองว่าจะนำ ‘VAR’ มาใช้อีกหรือไม่ แต่ทั้งนี้สโมสร “ต้องจ่ายเอง” ตามข้อตกลงที่คุยกันแต่ละสโมสรได้สิทธิ์เลือกใช้ ‘VAR’ จำนวน 2 นัด โดยจะหักเงินตรงนี้จากค่าสนับสนุนทีมงวดสุดท้ายที่แต่ละทีมจะได้รับ ส่วนสโมสรไหนต้องการใช้ ‘VAR’ มากกว่า 2 นัดก็สามารถที่จะร้องขอเพิ่มเติมได้ กติกามีง่ายๆคือต้องจ่ายเองและสนามมีความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ได้ สนนราคา ‘VAR’ ที่นำมาใช้ในแต่ละเกมตอนแรกข่าวว่าอยู่ที่นัดละประมาณ 80,000 บาท แต่หลังๆ แว่วๆ ปรับลดราคาเหลือนัดละ 65,000 บาทแล้ว สโมสรไหนที่มีกำลังจ่ายและคิดว่า ‘VAR’ น่าจะเวิร์กก็ควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มเอาเอง แต่ถ้าไม่จ่ายเพิ่มก็เอาแค่ 2 นัดตามที่คุยกันไว้เป็นอันจบ ส่วนจะคุ้มค่าหรือไม่คงต้องลุ้นกันเอา เพราะเท่าที่เห็นจากสิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่มั่นใจว่า ‘VAR’ เหมาะสมกับไทยลีกแล้วหรือยัง ยิ่งช่วงฟุตบอลโลกใช้ ‘VAR’ กันเยอะแยะแบบนี้มันอดที่จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แน่นอนละครับว่ามาตรฐานมันต่างกัน แต่วิธีการถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไล่มาตั้งแต่ตัวเทคโนโลยีเลย ต้องเข้าใจว่า ‘VAR’ มีหลายเกรดตามระดับราคา ของดีคือ “แพง” แต่ได้เทคโนโลยีมาเต็ม กล้องเยอะ ภาพหลายมุม ทำลูกปัญหาเป็น CG หรือกราฟฟิคได้ แต่ของที่บ้านเราใช้อยู่ถือว่า “ตามเนื้อผ้าและราคา” ครับ เท่าที่ได้ข้อมูลมาภาพของ ‘VAR’ ถูกดึงมาจากOB” ที่ถ่ายทอดสด ภาพช้าน่ะมีให้ดูแน่ แต่มุมกล้องนี่ไม่แน่ใจว่ามีให้เลือกดูมากแค่ไหนหรือต่างจากภาพช้าที่ดูถ่ายทอดสดหรือเปล่า ประเด็นต่อมาคือคนใช้ ‘VAR’ ซึ่งแน่นอนเป็นหน้าที่ของ “ผู้ตัดสิน” ตรงนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีการอบรมท่านเปาทั้งหลายมาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล VAR ไทยลีก !!! แต่ถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าบุคลากรยังมีจำกัดครับ ปริมาณอาจจะได้แต่คุณภาพยังน่าห่วง เพราะคนที่ทำหน้าที่ผู้ตัดสินดู ‘VAR’ ต้องอบรมมาก่อนเท่านั้น ปัญหาคือส่วนใหญ่คนที่ต้องไปนั่งเฝ้าจอดู ‘VAR’ ดันเป็นผู้ตัดสินระดับ “ฟีฟ่า” หรือ “ชั้นหนึ่ง” จึงทำให้ผู้ตัดสินที่ลงไปทำหน้าที่ในสนามบางทีเป็นแค่ “ชั้นสอง” !!! บางคนประสบการณ์ในลีกสูงสุดยังน้อย การทำงานกับ ‘VAR’ ยังไม่เสถียรและขาด “ศิลปะ” ทำให้บางสนามดูแล้วไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เทคโนโลยีดีแต่คนใช้ต้อง “เป็น” ด้วย ไม่ใช่เงอะๆงะๆ กติกาต้องแม่นและมั่นใจ จะดูหรือไม่ดู ‘VAR’ ต้องเด็ดขาดและทำงานกับทีมงานเป็นแบบทีมเวิร์ก กติการะบุไว้ชัดว่าคนที่จะขอดู ‘VAR’ ได้คือผู้ตัดสินเท่านั้น รวมถึงการตัดสินใจใดๆ “ผู้ตัดสินใหญ่สุดในสนาม” อย่างที่เรียกกันว่า ‘King of the Field’ นั้นละ ส่วนคนทำทีมและนักฟุตบอลต้องเข้าใจและยอมรับ ‘VAR’ ด้วย ไม่ใช่โวยวายพร่ำเพรื่อ ตามกติการะบุไว้ชัดเจนว่าการทำสัญลักษณ์ ‘VAR’ จะถูกคาดโทษด้วยใบเหลืองได้ทันที VAR ไทยลีก !!! แต่ในฟุตบอลโลกที่นักเตะบางคนทำท่า ‘VAR’ แล้วไม่โดนใบเหลืองอาจเป็นไปตาม ‘spirit of the game’ ที่ “ฟีฟ่า” เน้นย้ำผู้ตัดสินให้พิจารณาเพื่อตัดสินใจด้วย VAR ไทยลีก !!! ผู้ตัดสินรายหนึ่งให้ข้อคิดไว้น่าสนใจในประเด็นนี้ ยกตัวอย่างกรณี “แฮนด์บอล” หากเป็นฝ่ายรุกจะเสียฟลาว์ง่ายมาก แต่ถ้าเป็นฝ่ายรับจะฟลาว์ยาก ทั้งที่เป็นกติกาเล่มเดียวกัน เรื่อง ‘spirit of the game’ เป็นศิลปะของผู้ตัดสิน ส่วนนักบอลและคนทำทีมต้องยึดถือ “สปีริต” หรือ “น้ำใจนักกีฬา” ไม่ใช่ว่าผู้ตัดสินไปดู ‘VAR’ แล้วยังมาเถียงต่ออีกไม่จบไม่สิ้น บางทีสำหรับฟุตบอลไทยแล้ว ​“การยอมรับคำตัดสิน” อาจสำคัญกว่าเทคโนโลยีด้วยซ้ำ  

                                                                                  “บับเบิ้ล”

   
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline