logo-heading

ไม่เก่งจริงหรอ? ย้อนดูผลงานการคุมทีมของ ซามเปาลี กุนซือที่ตอนนี้โดนด่ามากที่สุดในโลก

ฮอร์เก้ ซามเปาลี กุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า กำลังโด่งดังในโลกโซเชี่ยลอย่างมาก แต่ไม่ใช่ดังในทางที่ดีนะ เนื่องจากผลงานอันน่าอดสูของทัพ "ฟ้า-ขาว" ในฟุตบอลโลกหนนี้ที่ ทำได้แค่เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 และ พ่าย โครเอเชีย เละเทะ 3-0 ต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายกับ โครเอเชีย ทำให้โดนด่ายับเยิน ก่อนทัวร์นาเม้นท์ "เวิลด์คัพ'18" จะเริ่มต้นขึ้น อาร์เจนติน่า ถูกยกให้เป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ เพราะมีแข้งฝีเท้าดีมากมาย นำโดย ลิโอเนล เมสซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, เปาโล ดิบาล่า, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นต้น แถมมีโค้ชชื่อ ซามเปาลี ที่มีดีกรีเคยพา ชิลี คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา มาแล้ว ทว่าพอเอาเข้าจริง คนเริ่มสงสัยตั้งแต่การเรียกตัวแล้ว เพราะหมางเมิน เมาโร อิคาร์ดี้ ที่ซัดกระจายให้ อินเตอร์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เท่านั้นไม่พอการจัดทีมลงเล่น ก็ดันเอาตัวไหนไม่รู้มาทำเกมแดนกลาง แทนที่จะเอาตัวที่เล่นในลีกยุโรป มีชื่อเสียงมาใช้งาน นี่ยังไม่นับการที่ดรอป เปาโล ดิบาล่า และ อิกวาอิน เป็นตัวสำรองอีกด้วย รวมถึงการแก้เกมก็ดูจะเพี้ยนๆ และเมื่อผลงานมันออกมาไไม่ดี ก็ไม่แปลกที่จะโดนด่า แต่ก่อนหน้าที่เขาจะมาคุมทัพ "ฟ้า-ขาว" นี่หละ? เคยคุมอะไรมาก่อน แล้วผลงานดีมั้ย? หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เลยจัดให้ย้อนไทม์ไลน์อาชีพกุนซือของ ซามเปาลี วัย 58 ปีสักหน่อย

เริ่มต้นอาชีพกุนซือ

ซามเปาลี มีความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอล และเริ่มต้นจากการเป็นเด็กเยาวชนของสโมสร นีเวลล์ โอลด์บอย แต่แล้วโชคชะตาก็กลั่นแกล้งเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บอย่างหนักบริเวณน่อง จนถึงขั้นต้องรีไทร์ล้มเลิกความฝันที่จะเป็นพ่อค้าแข้งไปโดยปริยาย ด้วยวัยแค่ 19 ปี แม้เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของเขาต้องจบลง ตั้งแต่เด็ก แต่ความคลั่งไคล้ในลูกหนังของพี่แกก็ยังมีอยู่ หลังจากใช้เวลาเรียนและสอบไรเซ้นส์การเป็นโค้ชสำเร็จ สโมสร ฮวน อูริช ในลีกเปรู เป็นทีมแรกที่ติดต่อให้เขาไปคุมทีม เมื่อเดือนมกราคม 2002 แต่คุมทีมได้แค่ 8 นัด ก็โดนไล่ออก ด้วยผลงาน แพ้ 5 เสมอ 2 ชนะแค่เกมเดียว

คนดังในเปรู

จากนั้น เฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ ก็ได้คุมทีมในลีกเปรูอีก 3 ทีมประกอบด้วย สปอร์ต บอยส์, โคโลเนล โบโลญเนซี่ และ สปอร์ติ้ง คริสตัล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งแม้จะไม่มีผลงานหรือแชมป์อะไรประกับบารมีตลอด 5 ปีที่เริ่มอาชีพกุนซือ แต่ โอ ฮิกกิ้นส์ ทีมดังในลีกชิลี ก็ให้โอกาสเขาได้มาลองคุมทีม และทำได้ดีทีเดียวด้วยการพาทีมจบอันดับ 3 ของลีกในฤดูกาลแรกที่มาคุม ทว่าซีซั่นถัดมากลับจบที่ 8 ท้ายสุดก็โดนไล่ออก ตอนเดือนสิงหาคม 2009

เริ่มประสบความสำเร็จ

ปี 2010 คลับ สปอร์ต เอเมเล็ค ทีมในลีกเอกวาดอร์ ได้ทาบทาม ซามเปาลี ไปกุมบังเหียน ซึ่งที่นี่เองเจ้าตัวก็เริ่มฉายแววเก่งขึ้นมา เพราะพาทีมจบเป็นจ่าฝูงในครึ่งฤดูกาลแรก ทว่าท้ายสุดก็ชวดแชมป์ แต่ผลงานโดยรวมใช้ได้ทำให้ ยูนิเวอร์ซิแดด เดอ ชิลี กระชากตัวไปคุมทัพเมื่อต้นปี 2011 และแล้วที่นี่เองที่ ซามเปาลี ประสบความสำเร็จ จนโด่งดังไปทั่วแผ่นดินชิลี พาทีมคว้าแชมป์ลีก และแชมป์ทวีบ โคปา ซูดาอเมริกาน่า ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม แถมฤดูกาลต่อมาก็ป้องกันแชมป์ลีกได้อีกด้วย ผลงานเด็ดดวงขนาดนี้ทำให้ สมาคมฟุตบอลชิลี ไม่รอช้ารีบทาบทามมาคุมทีมชาติทันที เมื่อปลายปี 2012 โดย ซามเปาลี หยุดสถิติคุม ยูนิเวอร์ซิแดด เดอ ชิลี ไว้ที่ 118 นัด ชนะ 72 เสมอ 28 แพ้ 18 ได้มา 3 แชมป์

ทีมชาติชิลี

การได้รับงานคุมทีมชาติครั้งแรกในอาชีพกุนซือ ไม่ใช่ปัญหาของ ซามเปาลี เลยเพราะพี่แกทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เก็บชัย 3 จาก 4 เกมแรกของรอบคัดเลือกศึกฟุตบอลโลก 2014 และใน "เวิลด์คัพ'14" ที่บราซิล ทัวร์นาเม้นท์ใหญ่รายการแรกของ ซามเปาลี กับ ชิลี ก็ทำได้ดีเหลือเชื่อ ผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ แต่ต้องมาเจอกับเจ้าภาพ บราซิล ซึ่ง ชิลี ของ ซามเปาลี ก็สู้ได้ดีมาก จบ 120 นาทีเสมอ 1-1 ต้องดวลจุดโทษหาผู้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย น่าเสียดายที่ทัพ "แซมบ้า" แม่นเป้ากว่า กระนั้นปี 2015 ซามเปาลี ก็เสกแชมป์แรกในการคุมทีมชาติให้ตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการพา ชิลี คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา โดยเป็นการเอาชนะ อาร์เจนติน่า ในนัดชิงชนะเลิศ ด้วยการยิงจุดโทษตัดสิน 4-1 ประตู หลังเสมอกันในเวลาจืดชืด 0-0 การคว่ำ อาร์เจนติน่า ทำให้ชื่อเสียงของ กุนซือวัย 58 ปี ยิ่งโด่งดังเข้าไปใหญ่ แถมมีชื่อเป็น 3 กุนซือที่ได้เข้าชิงโค้ชยอดเยี่ยมประจำปี 2015 ของ ฟีฟ่า อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ต้นปี 2016 ซามเปาลี ตัดสินใจขอสละเก้าอี้นายใหญ่ชิลี ท่ามกลางข่าวลือว่าเจ้าตัวมีปัญหากับ อาร์ตูโร ซาลาห์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลชิลีคนใหม่ แต่คนมีฝีมือ และกำลังโด่งดังอย่างเขา ก็ว่างงานได้แค่ 5 เดือน เซบีย่า ทีมดังในเวที ลา ลีกา สเปน ก็ได้ทาบทามให้แกมาคุมทีมในลีกยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิต

เซบีย่า

ฤดูกาล 2016/17 ซามเปาลี พา เซบีย่า กลับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกครั้ง ด้วยการจบเป็นอันดับ 4 ของตาราง ชนะ 21 เสมอ 9 แพ้ 8 แถมยังเอาชนะ เรอัล มาดริด ทีมแชมป์ยุโรป และแชมป์ ลา ลีกา ในฤดูกาลนั้นได้ 2-1 ประตูอีกด้วย หยุดสถิติไม่แพ้ใคร 40 นัดติดของ "ราชันชุดขาว" ได้สำเร็จ ก่อนจะขอลาออกตอนสิ้นซีซั่น เพื่อเข้ารับงานคุมทีมชาติอาร์เจนติน่า บ้านเกิด เมื่อ 1 มิถุนายน 2017. .. และกลายเป็นประเด็นที่โดนด่ากระจายในตอนนี้ เกี่ยวกับเรื่องแท็คติค การเรียกตัว และแผนการเล่นที่แสนจะห่วยแตกของทัพ "ฟ้า-ขาว"

สรุปแล้ว นักเตะอาร์เจนติน่า ห่วย? โค้ชกาก? หรือนักเตะไม่มีใจเล่นให้ ซามเปาลี. .. คำถามนี้อาจได้คำตอบหลังจบเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ที่ "ฟ้า-ขาว" จะเจอกับ ไนจีเรีย ก็เป็นได้

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline