logo-heading

4 ประตูจาก 2 เกมแรกในศึกฟุตบอลโลก 2018 ของ โรเมลู ลูกากู หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ "สากกระเบือ" อย่างที่เคยโดนกล่าวหา

  ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควักจ่ายให้ เอฟเวอร์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ถูกมองว่าแพงเกินจริง โดยเฉพาะมีอยู่ช่วงนึงที่ ลูกากู ฟอร์มตกอย่างหนัก จนโดนขนานนามว่า "หัวหอกสากกระเบือ" ส่วน แฟนผี ก็โดนค่อนขอดจากบางทีมว่า ใช้เงินโง่ๆ แต่ถ้าถามผมซึ่งเป็นแฟนผีว่าพอใจมั้ยกับ 27 ประตู ในฤดูกาลที่ผ่านมาที่ ดาวยิงวัย 25 ปี ซัดให้ทัพ "ปีศาจแดง" สำหรับผมถือว่า "น่าพอใจ"   แต่ที่แอบสงสัยปนไม่เข้าใจคือ ทำไมเวลา ลูกากู เล่นให้ทีมชาติ มันถึงเก่งชิพหาย เก่งกว่าตอนเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชัดเจนมาก เผื่อใครไม่รู้ตอนนี้ ลูกากู คือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเบลเยี่ยม ด้วยจำนวน 40 ประตู จากการลงเล่น 71 นัด ด้วยวัยแค่ 25 ปี!   ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า เหตุผลที่ฟอร์มการเล่นกับสโมสรอยู่ในขั้น "น่าพอใจ" แต่ทำไมตอนรับใช้ชาติผลงานถึงขั้น "มาสเตอร์พีช"   ระบบการเล่น   แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ มักจะใช้แผนการเล่น 4-2-3-1 ส่วน โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยี่ยม ใช้ระบบ 4-3-3 ซึ่งก็พอจะอนุมานได้ว่า ระบบ 4-2-3-1 ที่ทัพ "ปีศาจแดง" ใช้นั้นไม่เอื้ออำนวยให้สไตล์การเล่นของ ลูกากู ทิ้งให้โดดเดี่ยวเดียวดายกลางท้องเล ลมพัดลมเพอยู่ข้างหน้าแค่คนเดียว ต่างจากการมีแนวรุกขนาบซ้าย-ขวา คอยป้อนบอลให้พี่แกเข้าฮอร์ส ดูแล้วจะเล่นง่ายกว่าเยอะ การผลิตสกอร์ก็เลยแยะกว่าชัดเจน   แท็คติคกุนซือ   อย่างที่ทราบกันดีว่า "น้ามู" เป็นกุนซือเน้นเกมรับเหนียวแน่น และเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก ดังนั้นหาก "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำ ก็จะไม่มีการโหมบุก เดินหน้าฆ่ามันให้ตาย ต่างจาก "มาร์ตี้" ที่สั่งให้ลูกทีมเดินเกมรุกตลอดเวลา และไล่กดคู่แข่งเพื่อเรียกความมั่นใจ   องค์ประกอบทีม   ข้อนี้แหละที่ส่วนตัวผมคิดว่าสำคัญที่สุด จริงอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมลำดับต้นๆ ของโลก ที่มีสตาร์ดังมากมาย แต่หากเทียบกับ ทีมชาติเบลเยี่ยม แล้ว ต้องยอมรับว่ายังห่างอยู่อีกมาก เทียบง่ายๆ ตัวป้อนบอลให้ ลูกากู ยิงในทีมชาติคือ เอแด็น อาซาร์ และ เควิน เดอ บรอยน์ ส่วนในทัพ "ปีศาจแดง" มีแต่พ่อเลี้ยงทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด เป็นต้น ส่วนแบ็ก 2 ฝั่งเติมเกมดีพอกัน แต่ของ แมนฯ ยู เปิดได้ห่วยแตกไม่ค่อยเข้าเป้าใหญ่อย่าง ลูกากู คือพูดง่ายๆ ตัวผู้เล่น ผีแดง ห่วยแตกกว่า และไม่เอื้อให้ ลูกากู เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการได้ เฟร็ด เข้ามาจะเพิ่มมิติตรงส่วนนี้ให้ลูกทีม "น้ามู" ได้มั้ย?   ความทุ่มเท   ส่วนตัวผมอีกเช่นกัน ผมชอบความขยัน และความทุ่มเทของ ลูกากู นะ หลายคนอาจจะมองว่าเขาหายไปจากเกม ห้อยอยู่แต่แดนหน้า ไม่ค่อยได้บอลโผล่มายิงอย่างเดียว แต่หากคุณดูแบบเจาะรายตัว ผมว่า ลูกากู วิ่งเยอะมาก ไล่บอล คอยลงาช่วยเกมรับ แต่มันไม่ใช่จุดเด่นของแก และมักจะทำพลาดบ่อยๆ อย่างไรก็ตามมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาทุ่มเท ทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร   คู่ต่อสู้   สาเหตุสุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ลูกากู ยิงได้เยอะมากในนามทีมชาติ ก็เป็นเพราะคู่ต่อสู้นี่แหละ หากย้อนกลับไปดู 30 นัดหลังสุดที่ทีมชาติเบลเยี่ยมลงเล่น พวกเขาไม่เคยเจอทีมที่ดูเหนือกว่าเลย แม้แต่ทีมเดียว เก่งสุดใน 30 นัดหลัง คือ โปรตุเกส รองมาก็ อิตาลี กับ ฮอลแลนด์ ซึ่งไม่ได้มาเล่นบอลโลกหนนี้ด้วยซ้ำ ที่เหลือก็มีแต่พวก ยิบรอลตาร์, ไซปรัส, บอสเนีย, ฮังการี, เวลส์, เอสโตเนีย อะไรเทือกนี้ และแน่นอนเวลาเจอชาติเหล่านี้ ลูกากู ก็เล่นได้ง่าย สบายกว่า ซัดกระจุย ต่างจากเวที พรีเมียร์ลีก ที่มีบิ๊กทีมเพียบ แถมพวกทีมหนีตกชั้นก็พร้อมสร้างเซอร์ไพร้ส์สร้างความยากลำบากได้เสมอ นั่นทำให้ ลูกากู อาจจะฝืดลงไปเวลาเล่นให้ "ปีศาจแดง"  

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่พอจะตอบคำถามคาใจได้ว่าทำไม ลูกากู ถึงได้เทพเหลือเกินยามที่เล่นให้ทีมชาติเบลเยี่ยม ถ้าใครเป็นแฟนผี ก็รอลุ้นฤดูกาลใหม่นะครับว่าจะรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมในบอลโลก มาพัฒนาต่อยอดทำให้ผลงานของตัวเองกับต้นสังกัดดีขึ้นกว่าซีซั่นที่ผ่านมาได้หรือไม่

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline