logo-heading

ตลาดลูกหนังนักเตะไทยปิดไปเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีการย้ายทีมที่ฮือฮาหรือ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” อย่างที่คาดกันไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

กลายเป็นว่าเรื่องของ “ผู้ฝึกสอน” ดูจะได้รับความสนใจมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไปๆมาๆ “ลีกกินโค้ช” อย่าง “ไทยลีก” มีกุนซือตกเก้าอี้ไปเป็นรายที่ 17 เรียบร้อย !!! รายล่าสุดคือ “โค้ชเบนซ์” ญานวิทย์ คันธราษฏร์ ที่สุโขทัยเพิ่งดันขึ้นไปคุมทีมแทน “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ได้เพียงแค่ 5 นัด แต่สุดท้ายต้องแยกย้ายไปอีกราย สถิติของ “โค้ชเบนซ์” คุมทีมลุยไทยลีก 5 นัด ชนะแค่ 1 เกมในนัดสุดท้ายของเลกแรก แต่พอเลกสองไม่ชนะใครเลย แพ้รวดมา 3 นัดแบบเพิ่งจะมีแต้มจากการเสมอในเกมล่าสุด บอลเปลี่ยนโค้ช !!! “ค้างคาวไฟ” จึงเปลี่ยนแปลงทีมอีกครัั้งด้วยการดึงเอากุนซือมากประสบการณ์อย่าง “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอนคนใหม่ สมัยนักเตะ “โค้ชหนุ่ย” ได้รับฉายา “มิดฟิลด์เท้าชั่งทอง” ฝีเท้าฉกาจระดับ “ดาราเอเชีย” นี่คือตำนานของทีมชาติไทยในตำแหน่งกองกลาง ส่วนงานโค้ชเคยคุมทีมมาหลายสโมสร เท่าที่จำได้มีทั้ง ธนาคารกรุงเทพ ไทยฮอนด้า พนักงานยาสูบ ศรีสะเกษ รวมถึงเคยเป็นสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยและหัวหน้าผู้ฝึกสอนระดับเยาวชนทีมชาติ ตอนก่อนเปิดฤดูกาล 2018 “โค้ชหนุ่ย” ไปรับงานคุม อุดรธานี ในไทยลีก 2 แต่ดันมีเหตุ “วงแตก” เลยมานั่งเป็นคอมเมนต์เตเตอร์ที่ “ทรูวิชั่นส์” วิเคราะห์เกมฟุตบอลไทยลีกแทน ช่วงที่ว่าง “โค้ชหนุ่ย” ได้รับการติดต่อจากหลายสโมสร ส่วนใหญ่เป็นพวก “หนีตาย” ทั้งนั้น กระทั่งสุดท้ายไปรับงานที่สุโขทัย การคัมแบ็กของ “โค้ชหนุ่ย” ครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียว เพราะ “โจทย์” ไม่ง่ายสักนิด นั่นคือการพาสุโขทัยอยู่รอดในลีกสูงสุดให้ได้ สถานการณ์ตอนนี้ “ค้างคาวไฟ” ตกไปอยู่โซนตกชั้นเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการที่ต้องมีถึง 5 ทีมที่ต้องตกชั้นทำให้การแข่งขันเพื่อความอยู่รอดเป็นอะไรที่โหดมากๆ การเปลี่ยนโค้ชไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไป ไทยลีกเปลี่ยนโค้ชไปแล้ว 17 ครั้ง แต่ละรายถือว่า “ต่างกรรมต่างวาระ” ที่ดูดีหน่อยอยู่บนหัวตารางคะแนนคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ได้ ราโดวาน เคอร์ชิค มาแล้วแจ๋ว แม้ล่าสุดจะแพ้แต่ก่อนหน้านั้นชนะในลีกมา 7 เกมรวด ส่วน ราชบุรี มิตรผล ที่ใช้โค้ชเป็นคนที่ 3 แล้วถือว่าดีขึ้น “โค้ชเจี๊ยบ” สมชาย ไม้วิลัย พาทีมจากท้ายตารางมาอยู่ในอันดับที่ไม่ต้องหนีตกชั้น รายของ “โค้ชโบ้” จักรพันธ์ ปั่นปี ก็ถือว่าโอเค แม้ ชลบุรี จะมีสภาพทรงๆทรุดๆ แต่ยังดูดีกว่าช่วงต้นฤดูกาลที่หลายคนห่วงเหลือเกินว่าจะอยู่ไม่รอดในลีกสูงสุด รวมถึง ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่ได้ เดนนิส อมาโต ปลุกชีพให้กลับมามีลุ้นรอดแบบเหลือเชื่อ เพราะสภาพ “นกใหญ่” ในช่วงแรกมีแต่คนฟังธงว่ายังไงก็ไม่น่ารอด ที่ยังต้องลุ้นแบบยาวๆแต่มีแววดีขึ้นมีหลายทีม ไล่ตั้งแต่ โปลิศ เทโร ที่เริ่มมีฮึดเมื่อตัดสินใจดัน“โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ขึ้นไปกู้วิกฤตทีม บอลเปลี่ยนโค้ช !!! ล่าสุด “มังกรโลห์เงิน” ดึง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน มาผนึกกำลังกับ “โค้ชอ้น” อีก แม้จะเปิดตัวนัดแรกได้แค่เจ๊า แต่ระยะยาวต้องบอกว่ามีลุ้น สุพรรณบุรี ที่เลือก “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก มากู้สถานการณ์นี่ยิ่งถือว่าน่าสนใจ กุนซือรายนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “หนีตาย” อยู่แล้ว และนัดแรกเปิดตัวไปแล้วอย่างสวยด้วย 3 คะแนน ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี ของ ราชนาวี ถือว่าน่าจับตามองไม่แพ้กัน “ตะหานน้ำ” เหมือนเป็นคนละทีมกับเลกแรก การพาทีมชนะรวด 3 นัดแรกในเลก 2 ถือว่าไม่ธรรมดา แต่ที่เปลี่ยนโค้ชแล้วยังไม่ดีขึ้นหนีไม่พ้น แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ที่เปลี่ยนมาเป็นคนที่ 3 แล้วแต่ยังจมอยู่บ๊วย แพ้มา 10 เกมติด และไม่ชนะมา 12 นัดแล้ว ดูแล้วรอดยากจริงๆ อุบล ยูเอ็มที นี่ก็ไม่น่าไหว ซูกาโอะ คัมเบะ เข้ามาคุมทีม 10 นัด ชนะแค่นัดเดียว เสมอไป 4 และแพ้ถึง 5 นัด ดูแล้วไม่น่าพลิกสถานการณ์ไหว บอลเปลี่ยนโค้ช !!! ที่ยังต้องลุ้นระทึกสุดคือ บางกอกกล๊าส ที่สั่ง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด กลับมาช่วยทีม แต่ฟอร์มยัง 3 วันดี 4 วันไข้ การคัมแบ็กหนนี้ผ่านไป 8 นัดเก็บได้ 11 แต้มยังอยู่โซนตกชั้น สถานการณ์ต่างๆสรุปได้ชัดเจนว่า “บอลเปลี่ยนโค้ช” ไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไป แต่หากมองอีกมุมต้องยอมรับว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เชื่อว่าเป้าหมายของแต่ละทีมในตอนนี้คงอยู่ที่การอยู่รอดให้ได้ก่อนเท่านั้น ส่วนหลังจากนั้นคงต้องมาว่ากันใหม่ในแผนระยะยาวว่าคาดหวังอย่างไร แต่ละทีมคาดหวังแตกต่างกันไป วิธีการย่อมแตกต่างกันด้วย แต่ที่แน่ๆขอบอกไว้เลยว่า “โค้ช” ไม่ใช่กุญแจสำคัญเพียงอย่างเดียวที่จะไปสู่ความสำเร็จ สำหรับหลายๆทีมแล้วการเปลี่ยนโค้ชไม่น่าจะใช่คำตอบที่ใช่ การเปลี่ยน “วิธีคิด” น่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่า ไม่งั้นจะเข้าสูตร “เกาไม่ถูกที่คัน” แก้ปัญหาไม่ถูกจุดสักที  

                                                                  “บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline