logo-heading

นึกแล้วก็น่าเสียดายปนความเสียใจไม่น้อย เมื่อตัวแทนทีมสุดท้ายจากทวีปเอเชีย ในรอบน็อคเอาท์ในเวิลด์ คัพ อย่างญี่ปุ่น ต้องร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังพลาดท่าปราชัยต่อเบลเยียม 2-3 เรื่องรายละเอียดของเรื่องเกมคงไม่ต้องสาธยายให้มากความ

เมื่อจะมีโอกาสนำห่าง 2 ประตู แต่กลับรักษาระยะห่างที่นำไม่ได้ กระทั่งโดนกระทุ้ง 3 ลูกรวดภายในเวลา 26 นาที ต้องตีตั๋วกลับแดนซากูระไปอย่างชอกช้ำ แม้จะผิดหวังแต่ทัพซามูไรบลูส์ ก็แสดงถึงขีดความสามารถให้ทั่วทั้งโลกได้ประจักษ์แล้วว่า พวกเขาไม่ใช่หมูที่ใครจะเคี้ยวได้ง่ายอีกต่อไป 6 ครั้งหลังสุดในเวิลด์ คัพ ทัพนิปปอน ก้าวสู่เวทีระดับโลกได้แบบสง่างาม และในทุกครั้งนักเตะสัญชาติซามูไรสมวิญญาณนักสู้เป็นตัวแทนของคนภายในชาติ จนได้รับการคารวะจากผู้คนมากมายทั่วสารทิศมาแล้ว ลูกหลานชาวบูชิโด สร้างความเรื่องราวดีๆในเวิลด์ คัพ มากมายใน 6 สมัยหลังสุด พร้อมกับการแจ้งเกิดสตาร์ดังมากมาย ขอบสนามขอนำเสนอ 11 แข้งซามูไรบลูส์ที่ดีสุดตลอดกาลบนสังเวียนลูกหนังหมายเลข1ของโลก ซึ่งจะมาในระบบ 3-5-2 ผู้รักษาประตู  เออิจิ คาวาชิมะ มือกาวจอมเก๋าวัย 35 ปี ผู้ชนะเซโกะ นาราซากิ เบียดเข้ามาอยู่ในโผทีมชุดนี้ แน่นอนว่านี่คือหมายเลข 1 ของทีมซามูไร มาตั้งแต่เวิลด์ คัพ 2010 ทำหน้าป้องกันลูกยิงศูนย์หน้าระดับโลกมานับไม่ถ้วนมาแล้ว คาวาชิมะ ลงเฝ้าเสาในฟุตบอลโลก 3 สมัย (2010,2014,2018) โดยที่ลงเล่นไปทั้งสิ้น 11 เกมไม่เคยพลาดหรือถูกเปลี่ยนตัวออกแม้แต่เกมเดียว เป็นเวลา 990 นาที ดูแล้วมันคงถึงเวลาที่นายประตูจากสโมสรเม็ตซ์จะต้องถอดยูนิฟอร์มทีมเสียชาติที เพื่อหลีกทางให้สายเลือดใหม่ขึ้นมาประดับวงการ กองหลัง  ยูจิ นากาซาวา เจ้าของฉายาไอ้ลูกระเบิดคือแนวรับประสบการณ์สูงผู้ชอบถูกโฉลกในการยิงประตูทีมชาติไทย ถึง 4 ประตู คือกองหลังเบอร์ต้นๆของวงการฟุตบอลแดนอาทิตย์อุทัย ที่พิทักษ์หลังบ้านให้ทีมบูชิโดมาถึง 11 ปีเต็ม พร้อมสถิติการรับใช้ชาติ  110 เกม นากาซาวา คือแนวรับที่เก่งและชาญฉลาดในการอ่านเกมของคู่แข่งแถมมีชอบโฉบขึ้นไปสังหารประตูอยู่บ่อยครั้ง และมีส่วนร่วมกับทีมนิปปอน ในฟุตบอลโลก 2 หน (2006,2010) ลงสนาม 7 เกม ลงเล่นครบ 90 นาทีเต็ม ก่อนจะขอหันหลังจากทีมชาติหลังตกรอบ 16 ทีมที่พ่ายจุดโทษต่อปารากวัย ปัจจุบัน นากาซาวา ยังคงมีไฟไล่หวดลูกหนังกับเด็กรุ่นใหม่ๆต่อไป แม้อายุอานามจะปาเข้าไป 40 ปีแล้วก็ตาม กับอู่ข้าวอู่น้ำเดิม อย่างโยโกฮาม่า เอฟมารินอส มาซามิ อิอาระ แนวรับที่ว่ากันว่าดีสุดตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่น คือผู้ที่สวมปลอกแขนนำลูกทีมร้องเพลงชาติ (คิมิงะโยะ) บนแผ่นดินฝรั่งเศส ในทัวร์นาเมนต์ฟรองซ์ 98 เวทีที่ทีมซามูไรบลูส์ได้เฉิดฉายบนสมรภูมิลูกหนังโลกเป็นครั้งแรก อิอาระ เปรียบเสมือนผู้ใหญ่ของทีมญี่ปุ่น สุขุม นิ่งเยือกเย็น ไม่เข้าบอลโฉ่งฉ่าง อ่านเกมเด็ดขาด เสียบสกัดคู่แข่งแม่นยำ ความละเอียดรอบด้านในเกมรับ อิอาระ ยืนคุมเกม 3 นัดทั้งการพบอาร์เจนติน่า, โครเอเชีย และจาไมก้า แม้ผลงานไม่สู้ดีในครั้งนั้นแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 1995 สมควรถูกเลือกติดทีมชุดนี้ มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ เซ็นเตอร์แบ็คผู้เกิดในประเทศบราซิล ก่อนจะย้ายสำมะโนครัวมายังชิบะตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก่อนจะได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองแดนปลาดิบในเวลาต่อมา มาร์คัส ตูลิโอ ทานากะ เปรียบเสมือนเป็นคู่หูในเกมรับร่วมกับยูจิ นากาซาวา เพราะเล่นกันเข้าขารู้ใจกันมา ดาวเตะสัญชาติบราซิล คือคนที่เข้าบอลได้หนักหน่วง เน้นจังหวัดเข้าปะทะ ไม่ให้ใครหน้าไหนฝ่าด่านหลุดเข้ายิงประตู จนกลายเป็นแผงหลังที่ยากจะต่อกรด้วย ทานากะ มีโอกาสสัมผัสเวิลด์ คัพ ในปี 2010 ผนึกกำลังช่วยญี่ปุ่น 4 เกม เต็ม 90 นาที ก่อนจะตกม้าตายพ่ายจุดโทษร่วงปารากวัยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และกอดคออำลาทีมชาติหลังจบเกมนัดดังกล่าวทันที ปัจจุบันแนวรับมาดเซ่อ ยังสวมสตั๊ดค้าแข้งกับเกียวโต ซังก้า ทีมในเจลีก 2 กองกลาง ยูโตะ นากาโตโมะ ดาวเตะจอมฟิต ผู้ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย วิ่งได้เต็มที่ไม่มีหมดตลอด 90 นาที ยามสวมเสื้อซามูไรบลูส์ นากาโตโมะ ขึ้นสู่ทำเนียบทีมชาติในช่วงผลัดใบ ระหว่างรอยต่อปี 2008-09 ก่อนจะขยับขึ้นมาประจำกลางเกมรับทางฝั่งซ้าย นากาโตโมะ คือตัวหลักของญี่ปุ่น นับตั้งแต่เวิลด์ คัพ 2010 ตามด้วยปี 2014, 2018  3 สมัยหลังสุด มีชื่อในทีมตัวจริงทุกนัด 11 เกมไม่เคยขาดไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว จุดเด่นของแบ็คจากกาลาตาซาราย นอกจากพลังงานในร่างกายที่วิ่งอย่างม้า คือทัศนคติที่ดีเยี่ยมไม่ย่อแท้ต่ออุปสรรคสู้ไม่มีหมดทุกวินาที ชินจิ โอโนะ เพื่อนร่วมทีมชนาธิป สรงกระสินธ์ ในทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร คือดาวเตะอายุน้อยสุดที่ติดทีมชาติญี่ปุ่นและลงสนามเป็นสำรองในเวิลด์ คัพ 1998 กับจาไมก้า ในขณะที่อายุ18 ปี โอโนะ ติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลก 3 สมัย 1998, 2002, 2006 และเป็นขาประจำของทีมชาติญี่ปุ่นมายาวนาน เขาคือแข้งจากชิซึโอเกะ ที่เล่นได้ทั้ง 2 เท้า และจะใช้เซนต์ฟุตบอลในการเล่นมากกว่าพละกำลัง จนเคยถูกฟิลิป ทรุซซิเย่ร์ เลือกให้มายืนในตำแหน่งปีกซ้ายมาแล้ว และปรับตัวในบทบาทดังกล่าวได้ดีไม่แพ้เกมรุก จุนอิจิ อินาโมโตะ กองกลางไดนาโม ผู้สร้างผลงานระดับท็อปในเวิลด์ คัพ ปี2002 ยิงประตูเบลเยียมและรัสเซีย มารอบแบ่งกลุ่ม จนโดนยืมตัวไปเล่นที่อังกฤษ ก่อนจะไปแจ้งเกิดกับฟูแล่ม ก่อนจะพเนจรไปเล่นกับหลายสโมสรทั้งเยอรมนี,ฝรั่งเศสและตุรกี และได้มาเป็นเพื่อนร่วมทีมกับชนาคุง ในทีมซัปโปโร อินาโมโตะ เป็นกองกลางที่ค่อยหาจังหวะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุกได้ แม้รูปร่างเล็ก แต่ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้ฝีเท้าพิสูจน์ตัวเอง จนได้มีชื่อร่วมวงกับญี่ปุ่นในบอลโลกอีก 2 สมัยในปี 2006 และ 2010 เขาคนนี้ทำให้ผู้เขียนต้องยอมตัด ยาสุฮิโตะ เอนโดะ ออกจากทีมชุดนี้ ฮิโรชิ นานามิ ไอคอนลูกหนังหมายเลข 10 ตลอดกาลของแวดวงหมากเตะแดนปลาดิบ คงไม่พ้นชายที่ชื่อ ฮิโรชิ นานามิ สิงห์อีซ้ายจากเมืองฟูจิเอดะ นานามิ ท็อปฟอร์มในการเล่นทีมชาติและสโมสรระหว่างปี 1997-1998 นำบ้านเกิดเมืองนอนไปร่วมสังเวียนฟรองช์ 1998 และประจำตำแหน่งปีกซ้าย 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเวิลด์ คัพที่แดนน้ำหอมคือบอลโลกหนแรกและหนเดียวของเขา ผลงานดังกล่าวทำให้ นานามิ ถูกดึงไปร่วมทีมเวเนเซียในเวลาต่อมา พร้อมกับกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าหลายแบรนด์ในประเทศ ปัจจุบัน ฮิโรชิ นานามิ คุมทีมจูบิโล่ อิวาตะ อดีตต้นสังกัดที่เขาแจ้งเกิดบนเส้นทางลูกหนังในชีวิตทีมแรกของเขาอยู่ในระดับเจลีก ฮิเดโตชิ นากาตะ เดวิด เบ็คแฮม แห่งทวีปเอเชีย ผู้หาญกล้าสวมสตั๊ดบู๊ลูกหนังลูกอาชีพกับโชนัน เบลมาเร่ ตั้งแต่อายุ 18 ปี ด้วยความที่ฝีเท้าเก่งกว่าวัย ทั้งในเรื่องการเปิดบอล ยิงไกล และผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีม ทากาชิ โอคาดะ จึงกวักมือเรียกนากาตะ ไปลุยเวิลด์ คัพ 1998 3 เกมที่ครองตัวจริงเพียงพอจะทำให้เปรูจา ดึงตัวไปเล่นในอิตาลี, ตามด้วยการไปร่วมทีมโรม่า, ปาร์ม่า, ฟิออเรนติน่า และโบลตัน วันเดอร์เลอร์ส นากาตะ มีชื่อติดทีมบูชิโดไปลุยเวิลด์ อีก 2 หนในปี 2002 และ 2006 โดยที่มีบทบาทสำคัญทุกนัด  เพียงแต่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากกว่าแค่เรื่องฟุตบอล สุดท้าย นากาตะ ช็อคโลกลูกหนัง บอกลาวงการฟุตบอลหลังจบเวิลด์ คัพ ปี2006 ในขณะที่อายุ 29 ปี กองหน้า ชินจิ โอกาซากิ อดีตปีกซ้ายชิมิสุ เอสพัลส์ ผู้ถูกทากาชิ โอคาดะ จับไปเล่นเป็นศูนย์หน้า จนกลายเป็นตำแหน่งเบอร์ 9 ของญี่ปุ่นมายาวนาน 10 ปีเต็ม โอกาซากิ เป็นเหมือนกองหน้าตัวฟรี วิ่งหาช่องทำประตู ไม่ยืนรอบอล ช่วยเพื่อนร่วมทีมไล่บอลเพื่อเล่นเกมรับ ซึ่งเป็นสไตล์การเล่นที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไร หัวหอกจากเลสเตอร์ ลุยบอลโลกมาแล้ว 3 สมัย 2010,2014,2018 ลงสนาม 10 เกม ซัลโว2 ประตู ในการพบเดนมาร์ก และกรีซ เคซึเกะ ฮอนดะ เพลย์เมกเกอร์เบอร์10 ธรรมชาติ ก้าวมาทดแทนตำแหน่งจอมทัพแทนที่ชุนซูเกะ นากามูระ ในช่วงบอลโลกปี 2010 โดยเกมแห่งความทรงจำซึ่งถือเป็นนัดแจ้งเกิด ฮอนดะ คือการยิงฟรีคิกใส่เดนมาร์กในรอบแบ่งกลุ่ม เท้าซ้าย ฮอนดะ คืออาวุธประจำกายที่หนักหน่วงทรงพลังของให้แก่ทีมซามูไรบลูส์นับตั้งแต่ปี 2010 ชายหนุ่มจากโอซาก้า ได้โอกาสรับใช้ชาติไปลุยทัวร์นาเมนต์หมายเลข 1 ของโลก 3 สมัยปี 2010,2014,2018 ก่อนจะจารึกชื่อกลายเป็นแข้งเอเชียคนแรก ที่ซัลโวประตูในบอลโลก 3 สมัยติดต่อกัน ที่จำนวน 4 ประตู พร้อมกับ 2 แอสซิสต์ เป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนจะบอกลาทีมชาติอย่างเป็นทางการ

เอ็มเร่

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline