logo-heading

ภารกิจนำ 13 ชีวิต “หมูป่า อคาเดมี” ออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย กลายเป็นประเด็นดังระดับโลก สื่อมวลชนทั้งไทยและเทศแห่มาทำข่าวเป็นกองทัพ

นี่คือเรื่องราวที่มี “ชีวิต” เป็นเดิมพัน มันคือเรื่องจริงที่ต้องตามลุ้นกันทุกวินาที เหตุการณ์นี้ทำให้ได้เห็นการร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้งของทุกๆฝ่ายที่ไม่ใช่แค่คนไทย แต่ต่างชาติยังให้การสนับสนุนช่วยเหลือแบบเต็มสรรพกำลัง สิ่งดีๆมีให้เห็นเยอะแยะมากมายกว่าสิ่งที่เอามา “ดราม่า” ด่ากัน ทุกคนคือ “ฮีโร่” ในปฏิบัติการครั้งนี้ และไม่จำเป็นต้องหา “คนผิด” แต่ควรนำ “บทเรียน” จากหลายๆอย่างไปเป็นกรณีศึกษาเพื่ออนาคตต่อไป สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ “หมูป่า” ทั้ง 13 ชีวิตถือว่าอยู่ใน “ครอบครัวฟุตบอลไทย” พวกเขาคือทีมฟุตบอล เยาวชน 12 คนเป็นนักบอลและอีก 1 คนเป็นผู้ช่วยโค้ช ไม่มีรายละเอียดที่แน่ชัดว่าทั้ง 13 คนใช้ชีวิตรอดอยู่ในถ้ำได้นานขนาดนั้นได้อย่างไร แต่มุมมองส่วนตัวเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะทุกคนคือ “นักกีฬา” ถึงจะไม่ใช่นักกีฬาระดับอาชีพ แต่สิ่งที่นักกีฬามีคือสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อดทน จิตใจแข็งแกร่ง และส่วนใหญ่ “รู้จักเอาตัวรอด” ย้ำว่าการเป็นนักกีฬาอาจจะเป็นเหตุผลแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้รอด ที่อยากจะบอกคือควรสนับสนุนให้เยาวชนสนใจเล่นกีฬากันให้มาก การเล่นกีฬามันไม่ได้แค่เรื่องในสนาม แต่ยังนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้หลายอย่าง หลายวิธีการในสนามช่วยให้เอาตัวรอดในชีวิตปกติประจำวันได้มากมาย เชื่อว่ากรณีน้องๆ “หมูป่า” ก็น่าจะได้ประโยชน์จากการเป็นนักกีฬามาช่วยไม่มากก็น้อย ส่วนอนาคตของแต่ละคนหลังจากนี้คงต้องดำเนินชีวิตกันต่อไป ขอให้กำลังใจทุกคน รวมถึง “หมูป่า อคาเดมี” ที่จะเป็นโรงเรียนลูกหนังของเยาวชนต่อไป อย่าท้อ อย่าถอย การทำอะไรก็ตามที่ทำให้เยาวชนหันมาเล่นมากีฬามากกว่าติดเกมส์ ติดยาเสพติด ถือว่าควรได้รับการสนับสนุน ช่วงที่ 13 ชีวิตติดอยู่ในถ้ำมีสารพัดข่าวสารที่บอกจะมอบอะไรต่างๆนาๆให้น้องๆและ “หมูป่า อคาเดมี” จนกลายเป็นประเด็นดราม่า ทั้งทียังไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรเองด้วยซ้ำ ถึงตรงนี้ยังเชื่อว่าไม่มีใครเรียกร้องใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง น้องๆ หรือใครก็ตาม เพราะการได้ชีวิตกลับมาถือเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุดอยู่แล้ว แต่ถ้าใคร หน่วยงานไหน จะหยิบยื่นอะไรให้กับ “หมูป่า อคาเดมี” คงห้ามกันไม่ได้ คิดเสียว่าทุกคนปราถนาดี แต่ถ้ามัน “โอเวอร์” ไป อันนั้นคงว่ากันไปตามแต่กรณี อีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “หมูป่า อคาเดมี” โดยตรง แต่อยากเอ่ยถึงคือภาพรวมของ “อคาเดมี” ที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดในทั่วทุกจังหวัดของเมืองไทย หลายเดือนก่อนเห็นมีข่าวว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะจัดระเบียบใหม่ ตรงนี้ต้องบอกว่าขอยกมือสนับสนุนเต็มที่ ทุกวันนี้ “อคาเดมี” เกิดขึ้นเยอะแยะทุกมุมเมือง แต่ถามถึง “มาตรฐาน” คงตอบลำบาก บาง “อคาเดมี” มีผู้ฝึกสอนที่มี “ไลเซนส์” ถูกต้อง โค้ชรอบรมจบไลเซนส์หลายระดับ แต่หลายแห่งเป็นประเภทนักบอลเก่า ไม่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรการฝึกสอนอย่างถูกต้อง ถามว่าผิดหรือไม่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด ต้องดูที่วัตถุประสงค์และเป้าหมาย บาง “อคาเดมี” ต้องการให้เด็กเล่นกีฬาห่างไกลเกมส์และยาเสพติด แต่บางทีเน้นที่ผลผลิตที่เป็นเลิศ ดังนั้นจึงเห็นด้วยที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะจัดระเบียบใหม่ “อคาเดมี” ไหนมีผู้ฝึกสอนที่จบไลเซนส์ควรได้รับการรับรองมีไลเซนส์ที่ถูกต้องการันตี ส่วน “อคาเดมี” ไหนไม่ได้มุ่งหวังที่จะผลิตนักเตะไปสู่ความเป็นเลิศ แต่แค่ทำให้เด็กมีกิจกรรมได้เล่นกีฬาจะไม่ซีเรียสตรงนี้ก็ไม่ว่ากัน สำคัญที่สุดคือถ้าจะออกไลเซนส์ให้กับ “อคาเดมี” ต่างๆแล้วจะต้องเปิดสอนผู้ฝึกสอนให้มีความทั่วถึงด้วย ทุกวันนี้ผู้ฝึกสอนหลายคนอยากจะเรียนหลักสูตรไลเซนส์ที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ แต่ไม่มีคอร์สให้เรียน เปิดสอนน้อยมากหรือแทบจะไม่มีสำหรับบุคคลทั่วไป บางทีเรียนไปแล้วของหน่วยงานหนึ่งแต่จะไปต่อหลักสูตรอื่นก็ทำไม่ได้ เพราะบางหลักสูตรไม่ได้รับรองอย่างถูกต้อง ครั้นจะรอให้มีการเปิดอบรมอย่างถูกต้องคงไม่ไหว แต่ละปีมีเปิดไม่กี่ครอส ทั้ง “อคาเดมี” และทีมฟุตบอลระดับเยาวชนหลายๆแห่งจึงสอนกันแบบนำประสบการณ์มาถ่ายทอด จัดระเบียบทั้งทีก็ทำให้ดีๆไปเลย เพราะนี่คือพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย  

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline