นับตั้งแต่เทคโนโลยี VAR (Video assistant referee) หรือ วีดีโอช่วยตัดสินย้อนหลัง ถูกบรรจุเข้ามาใช้เป็นตัวช่วยผู้ตัดสินในการแข่งขันฟุตบอลรายการหลักๆ กินเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง เสียงวิจารณ์ตามมามากมาย
บ้างก็ว่าดี, บ้างก็ว่าแย่, บ้างก็ว่าโปร่งใส่ และ บ้างก็ว่าทำลายมนต์เสน่ห์แห่งวงการลูกหนัง แต่สำหรับแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถ้ามีแล้วมันไม่ดี อย่ามีมันเสียดีกว่า" ย้อนกลับไปเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในศึก เอฟเอ คัพ พวกเขาสามารถล้างแค้นบุกไปทุบชนะ 2-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา ด้วยฝีเท้าของ โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมไปตามความคาดหมาย มันควรจะเป็นวันที่เสียงแซ่ซ้องยกยอไปถึงฟอร์มการเล่นของนักเตะ "ปีศาจแดง" แต่ตัวขโมยซีนชั้นดีดันกลายเป็นการทำหน้าที่ของ "วีเออาร์" ที่ทำให้แฟนบอลเกิดข้อสงสัยในวิธีการของมัน ขออธิบายคร่าวๆก่อนว่า VAR ไม่ได้ซับซ้อน และมี 4 กรณีที่ผู้ตัดสินสามารถขอดูได้ กรณีแรก เมื่อลูกเป็นประตู เมื่อลูกเข้าประตูไปแล้ว แต่ยังคงมีจังหวะปัญหาหลายๆครั้งว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้นก่อนไหม ? หรือมีนักเตะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนหรือเปล่า ? ซึ่งผู้ตัดสินสามารถขอดู VAR เพื่อความกระจ่างอีกครั้ง กรณีสอง เป็นจุดโทษหรือไม่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะในกรอบเขตโทษ หรือจังหวะก้ำกึ่งว่าเป็นการฟาวล์ในกรอบหรือนอกกรอบ แต่ผู้ตัดสินมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัดเจน ก็สามารถขอดูจาก VAR ได้เช่นเดียวกัน กรณีสาม ใบแดงโดยตรง ขึ้นชื่อว่าฟุตบอล ย่อมมีการเข้าปะทะกันอย่างหนักหน่วงหลายต่อหลายครั้ง และบางทีการเข้าหนักๆ ก็เล็ดลอดสายตาผู้ตัดสินได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อมีวีดีโอเข้ามาช่วยกรรมการผู้ชี้ขาด สามารถตรวจสอบได้จาก VAR และแจกใบแดงให้กับผู้เล่นย้อนหลังได้ทันที กรณีสี่ แจกใบเหลือง-ใบแดงผิดคน หลายคนคงจำเหตุการณ์ที่ อังเดร มาริเนอร์ ผู้ตัดสินในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แจกใบแดงผิดคน ด้วยการไล่ คีแรน กิ๊บบ์ส อดีตแบ็กซ้าย อาร์เซน่อล ออกจากสนาม ในแมตช์แพ้ เชลซี 0-6 ทั้งที่ความจริงแล้วควรต้องเป็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เจตนาใช้มือปัดบอลบนเส้นเขตโทษ ซึ่ง VAR จะทำให้ปัญหานี้หมดไป จาก 4 กรณีที่่ว่ามานี้ มันดันตรงกับเหตุการณ์ระหว่างเกม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังมีจังหวะที่ แอชลี่ย์ ยัง ผ่านเข้าไปให้กับ ฆวน มาต้า หลุดเข้าไปยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-0 แต่ผู้ตัดสิน เควิน เฟรนด์ ตุลาการในสนาม ไม่มั่นใจว่าลูกดังกล่าวมันล้ำหน้าหรือไม่ ทั้งที่ไลน์แมนไม่ยกธง จึงพูดคุยขอคำปรึกษาไปยังเจ้าหน้าที่ผู้คอยตรวจสอบระบบ VAR ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 3 คน ล้วนแต่ผ่านการอบรมมาจาก ฟีฟ่า มาแล้วทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ VAR ส่งรายละเอียดกลับมายังผู้ตัดสินว่าลูกยิง มาต้า เป็นจังหวะออฟไซด์ ในตอนนั้น "เควิน เฟรนด์" มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือเชื่อข้อมูลจากทีมงาน หรือ จะเลือกเดินไปดูมอร์นิเตอร์ ที่เตรียมไว้ให้ด้านข้างสนาม เพื่อตัดสินใจอีกครั้ง สุดท้าย เควิน เฟรนด์ เลือกเชื่อทีมงานทันที ก่อนจะปฏิเสธให้ประตูกับ แมนฯ ยูไนเต็ด .. เหมือนทุกอย่างจะจบลง เพราะการทำงานของ VAR มีความโปร่งใส่ และตรวจสอบได้ จนกระทั่ง "กราฟฟิค" ตีเส้นขึ้นมาให้เห็นว่าล้ำหน้าหรือไม่นั้น กลายเป็นถูกตั้งคำถามไปทั่วโลกโซเชียล วีดีโอช่วยตัดสินย้อนหลัง มันยุติธรรมแล้วหรือไม่ ? เพราะกราฟฟิคที่ขึ้นมาพยายามฟ้องจังหวะล้ำหน้าของ มาต้า มันกลับเบี้ยวเหลือเชื่อ เหมือนอยากจะตีเส้นตรง แต่ดันไม่มีไม้บรรทัด เพราะมองมุมไหนก็ไม่มีทางตรงตามไลน์ของสนามอย่างแน่นอน ยิ่งเทียบกับจังหวะถ่ายทอดสด ตัวของ มาต้า แทบอยู่ในแนวเดียวกับผู้เล่น ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เลยด้วยซ้ำความผิดครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ เควิน เฟรนด์ แต่มันเป็นความผิดของ "VAR" ล้วนๆ ความคิดเห็นของ มูรินโญ่ แสดงเอาไว้อย่างน่าสนใจหลังจบเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ถึงการทำหน้าที่ของ "วีเออาร์" "เมื่อการตัดสินมันมีข้อกังขา ย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้ามันเป็นการตัดสินที่ถูกต้อง ผมจะมีความสุขมากๆ เพราะผมเองก็ต้องการความถูกต้องเช่นกัน บางครั้งการตัดสินมันอาจไม่เข้าทางทีม แต่บางครั้งมันก็เป็นใจให้กับทีมผมเหมือนกัน อย่างไรก็ตามบางทีผู้ช่วยผู้ตัดสินอาจเป็นคนตัดสินใจถูกต้อง ไม่ใช่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่นั่งอยู่ในสตูดิโอ" ถึงตรงนี้ VAR มีข้อพิพาทให้ถกเถียงกันอีกหลายประเด็น เพราะอะไรถึงยังมีความบกพร่อง ? ทำไมผู้ตัดสินถึงไม่วิ่งไปดูวีดีโอย้อนหลังที่ข้างสนาม ทั้งที่ใช้เวลาวิ่งไปไม่ถึง 10 วินาที เขาคือคนที่มีอำนาจสูงสุด จดจ้องเหตุการ์ในสนามอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เกิดกรณีศึกษาแบบจังหวะ มาต้า ก็คงไม่ได้ทราบถึงข้อเสีย (ที่มากขึ้น) ของ VAR ไม่ได้รีบร้อนให้เร่งดำเนินการแก้ไข แต่เมื่อนำ VAR มาใช้แล้ว ก็หวังว่ามันจะต้องโปร่งใสมากกว่าเดิมHalf-time. @ManUtd sementara unggul dari tuan rumah.
— mysupersoccer (@my_supersoccer) February 17, 2018
Ini insiden yang bikin kontroversi jelang turun minum tadi. Kata VAR sih offside, kalau kata kalian gimana?#SuperSoccerTV pic.twitter.com/pCOJ1bY3sG