ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แฟนบอลของ “มังกรโล่เงิน” โปลิศ เทโร เอฟซี หลายต่อหลายท่าน ต่างก็แสดงความยินดี ที่ทีมรักทำการเปิดตัว “สุภาพบุรุษลูกหนัง” ธชตวัน ศรีปาน เข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมทั้งให้ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ลดบทบาทลงเหลือเป็นผู้ช่วยโค้ช
“แทบไม่มีคนคัดค้าน มีแต่ความยินดี ไม่ยินร้ายจากแฟนบอล” มันย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอยู่แล้วแหละ กับการได้ “โค้ชแบน” มาผนึกกำลังกับ “โค้ชอ้น” เพราะอดีตสองดาวเตะระดับตำนานของทีมชาติไทย และ ไทยลีก ต่างเคยฝากผลงานในฟลอร์หญ้า บนสีเสื้อของ บีอีซี เทโรศาสน มาแล้วในอดีต ส่วนเรื่องมันสมองในการคุมทีม ก็ไม่มีใครที่สงสัยในตัวของ ธชตวัน ศรีปาน ทั้งนั้น เพราะดีกรีในการคุมทีมของเขา ยาวเป็นหางว่าว เริ่มจากเคยคุมทีม บีอีซี เทโรศาสน คว้ารองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ในปี 2009 ตั้งแต่อายุยังไม่แตะหลักสี่ จากนั้นก็พา สระบุรี เอฟซี ทีมเล็กๆ จากจังหวัดบ้านเกิด ผงาดขึ้นมาเล่นไทยลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้น อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไทย ก็พา “เพื่อนตำรวจ” คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ในปี 2015 ก่อนได้โอกาสคุมทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยพา “กิเลนผยอง” คว้าแชมป์ไทย ลีก 1 สมัย ในปี 2016 แถมด้วยแชมป์ โตโยต้า ลีก คัพ อีก 2 สมัย ในปี 2016, 2017 “เลือดมังกรไฟเต็มตัว ทั้งสมัยเป็นนักเตะ และโค้ชแอนด์เพลย์เยอร์ บวกกับการเคยคุมทีม เพื่อนตำรวจ มาแล้ว แน่นอนว่า ธชตวัน ศรีปาน คือหนึ่งในคนที่เหมาะกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ไม่มากก็น้อย”

นี่คือ ลิสต์ 9 เกมสุดท้าย ในไทยลีก 2018 ของ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ “โค้ชแบน” กับ “โค้ชอ้น” ต้องงัดฟอร์มเก่งของ “มังกรโล่เงิน” ออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็อาจจะเกิดขึ้นจริงในปีนี้ นั่นคือ การตกชั้นครั้งแรกของ ทีมที่มาจากรากฐานของอดีตทีมอันดับหนึ่งของเมืองไทย อย่าง บีอีซี เทโรศาสน แต่หากทำไม่ได้ ก็ต้องก้มหน้ายอมรับว่า การกลับมาครั้งของ “พี่แบน” ช่างถูกที่ แต่ก็ผิดเวลาเหลือเกิน…
“จอน”