ฤดูกาล 2018-19 ยังไม่ได้จะเปิดฉากขึ้นเลยจู่ๆ ผู้จัดการทีมจอมอหังการอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ดันมีชื่อขึ้นเป็นตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะโดนไล่ออกซะงั้น
แต่จะว่าไปนี่มันก็เข้าสู่ปีที่ 3 ของเฮียแกแล้วกับการบัญชาทัพ 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าเกิดขึ้นย้อนไปในอดีตและคิดดูดีๆ มันก็เหมือนจะเป็นอาถรรพ์เหมือนกันนะ เพราะในการทำงานปีที่ 3 ของแกในทุกๆ ที่มันจะมีปัญหาอะไรสักอย่างเกิดขึ้น จนเป็นผลให้ตัวของ มูรินโญ่ เองต้องตกงานไป ดังนั้นวันนี้ทาง 'ขอบสนาม' จะขอพาทุกท่านนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปดูถึงอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเฮียแกกันว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ???
คุม เชลซี ยุคแรก (2004-07)
จุดเริ่มต้นของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่แกได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในโลกก็มาจากการคุมทีม เชลซี ในยุคแรกนั่นแหละ เพราะมาถึงปีแรกก็สามารถเสกแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ทันที มิหนำซ้ำยังป้องกันแชมป์ได้อีกในปีถัดมา เบ็ดเสร็จในช่วง 2 ฤดูกาลแรกเฮียแกสามารถพา เชลซี คว้าได้ถึง 6 โทรฟี่ พร้อมสถาปนาตัวเองเป็นยักษ์ใหญ่ของยุโรปแบบเต็มตัว
แต่ถึงกระนั้นในฤดูกาล 3 การมาของ อังเดร เชฟเชนโก้ และ มิชาเอล บัลลัค ตามใบสั่งของเจ้าของทีม โรมัน อบราโมวิช เหมือนจะไม่เป็นที่ถูกใจของ มูรินโญ่ เท่าไหร่ และในที่สุดมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของรอยแยกแห่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จนทำให้ 'เสี่ยหมี' ตัดสินใจไม่เซ็นอนุมัติงบในการเสริมทัพตอนตลาดหน้าหนาว และนั่นคือช่วงที่ เชลซี มีปัญหากองหลังบาดเจ็บกันระนาวจนบางทีต้องเอา ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า และ เฌเรมี่ ลงมายืนแก้ขัด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นปัญหาหนักกว่าก็คือการใช้ อังเดร เชฟเชนโก้ กับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดูเหมือนมันจะไม่เวิร์คเลยสักนิด ตลอดจนเริ่มฤดูกาลใหม่ 2007-08 ผลงานของทีมมันยิ่งแย่ไปกว่าเก่า จนสุดท้ายก็ได้เข้าไปประชุมกับบอร์ดฯ ของสโมสรเพื่อขอแยกทางกัน พร้อมกับสร้างสิ่งที่น่าจดจำเอาไว้ก็คือแชมป์ 6 ใบกับสถิติไร้พ่ายในเกม พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะการเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
คุม เรอัล มาดริด 2010-13
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับการพา อินเตอร์ มิลาน เถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ลแชมป์ จากนั้น มูรินโญ่ ก็ได้โอกาสย้ายมารับงานที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นกับ เรอัล มาดริด ในยุคที่ต้องบอกว่าเป็นรอง บาร์เซโลน่า อยู่เยอะใช้ได้ และเจ้าของฉายา 'เดอะ เวิร์ส วัน' ก็ทำมันได้ดีมากๆ มีสามารถเสกแชมป์ ลา ลีกา ได้ด้วย แถมยังมีการเอชนะ บาร์ซ่า ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ด้วย อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าดีขึ้นจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา
แต่พอเข้าสู่ปีที่ 3 ปัญหาต่างๆ มันก็เริ่มโถมเข้าหาใส่ตัวของ มูรินโญ่ จากการไปมีปัญหากับนักเตะที่มีอิทธิพลในทีมอย่างพวกก๊วนทีมชาติ สเปน โดยจุดเริ่มต้นมาจากการดอง อิเกร์ กาซิยาส เป็นตัวสำรองยาวๆ และด้วยความที่เป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ มันก็เลยทำให้นับวันปัญหามันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเกินลิมิตที่เฮียแกจะคุมได้ไหว นอกจากนี้ยังอคติกับนักเตะอีกหลายรายอาทิเช่น ริคาร์โด้ กาก้า จนทำให้แฟนๆ เริ่มไม่พอใจในตัวเฮียแกด้วย
พอเข้าสู่ช่วง 4-5 เดือนสุดท้ายก่อนจะหมดอนาคตในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ปัญหาต่างๆ มันยิ่งเกินขีดจำกันไปแล้ว ทั้งเรื่องบรรยากาศความสัมพันธ์กับผู้คนในทีม ไม่เว้นแม้แต่บอร์ดบริหาร และผลงาน โดยเฉพาะในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ไปไม่ถึงสุดทางสักทีก็เลยทำให้ชีวิตของ มูรินโญ่ ต้องจบลงแบบเลวร้ายกับที่นั่น
กลับสู่บ้านเก่า เชลซี ในคำรบที่ 2 (2013-15)
การกลับคืนสู่บ้านหลังเก่าที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เกิดขึ้นตามที่เป็นข่าวมากมายในตอนนั้น ถึงแม้จะเคยมีปัญหากับ เสี่ยหมี และบอร์ดบริหารมาก่อนตอนแยกทางกันเมื่อปี 2007 แต่ถึงกระนั้นการกลับมาครั้งนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนเช่นเคย มูรินโญ่ ยังคงพิสูจน์ความเป็นยอดฝีมือได้เหมือนเคยด้วยการใช้เวลาแค่ 1 ปีในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่และหยิบแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ลีก คัพ มาได้ในฤดูกาล 2014-15
แต่แล้วพอเข้าสู่ปีที่ 3 (อีกแล้ว) ปัญหาก็เกิดขึ้นกับแกอีกจนได้ แต่มันไม่เกิดขึ้นจากนโยบายหรือแผนการทำทีมแต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นจากความไม่พอใจในอารมณ์ของตัวเองล้วนๆ เรื่องดังกล่าวมันเกิดขึ้นในเกมเปิดสนามฤดูกาล 2015-16 นัดที่เสมอกับ สวอนซี ซิตี้ 2-2 ตอนที่ หมอเอวา การ์เนโร่ ลงไปปฐมพยาบาล เอแด็น อาซาร์ ในสนาม แต่ทว่า มูรินโญ่ กลับไม่พอใจในการกระทำนั้น เพราะตอนนั้นทีมเหลือผู้เล่นเอาท์ฟิลด์แค่ 9 คน หลังจาก ติโบต์ กูร์กตัวส์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป โดยเปิดปากด่าใส่ในทำนองเหยียดเพศจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตกันเลยทีเดียว
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ หมอเอวา ตัดสินใจหันหลังให้กับทีมด้วยการขอลาออกและไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการลูกหนังอีกเลย แต่เอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันดันไปลงที่ตัว มูรินโญ่ เต็มๆ เพราะในช่วง 2-3 เดือนหลังจากนั้น เชลซี ก็ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่เข้าขั้นขีดสุดจนหล่นไปรั้งอยู่อันดับ 16 ของตารางอย่างมิน่าเชื่อ จนเกิดกระแสขึ้นมาว่านักเตะในทีม เชลซี เล่นไล่ มูรินโญ่ เนื่องจากไม่พอใจสิ่งที่แกได้ทำลงไป เพราะ หมอเอวา เป็นคนที่สนิทและใกล้ชิดกับนักเตะทุกคนในทีม จนท้ายที่สุดก็โดนไล่ออกไปตามละเบียบในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2016-ปัจจุบัน)
การได้ตัว มูรินโญ่ มากุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะเป็นที่ถูกใจใครหลายๆ คนโดยเฉพาะแฟนบอล เพราะในยุคของ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล เหมือนพวกเขาจะรับกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ถึงแม้จะโดนวิจารณ์ไปมากเรื่องของแท็คติกที่ไม่เร้าใจเหมือนยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแชมป์ติดไม้ติดมือไม่ว่าจะเป็น ยูฟ่า ยูโรปา ลีก, ลีก คัพ และจบอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้วซึ่งสูงที่กว่านับตั้งแต่หมดยุค 'ป๋าเฟอร์กี้'
หลังจากจบ ฟุตบอลโลก 2018 มันก็เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ของ มูรินโญ่ กับ แมนฯ ยูไนเต็ก ซึ่งทุกอย่างมันก็ดูดำเนินไปได้ด้วยดีนะ แถมการเสริมทัพก็ดูโอเคด้วยเพราะได้ทั้ง เฟร็ด เป็นบิ๊กเนม และ ดิโอโก้ ดาโลต์ กับ ลีแกรนท์ มาเป็นตัวสแปร์ มาแบบด่วนจี๋ด้วย แต่จากนั้นตั้งแต่ต้นทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2018 ยันตอนนี้กลับไม่ได้ใครเพิ่มเลยสักคนจนถูกแฟนๆ วิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าเสริมทัพห่วย
ยิ่งไปกว่านั้นฟอร์มการเตะอุ่นเครื่องยังห่วยแตกอีกต่างหาก โดยเฉพาะการแพ้คู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ถึง1-4 เหมือนจะเป็นสิ่งที่แฟนบอลรับไม่ได้ มิหนำซ้ำตัวเฮียแกเองยังออกมาพูดถึงนักเตะตัวเองในแง่เสียๆ หายๆ อีก และยังไม่จบแค่นั้น เพราะเหมือนกับตอนนี้ปัญหาภายในทีมจะมีด้วยนั่นก็คือเรื่องอนาคตของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ ปอล ป็อกบา ที่เหมือนกับจะ บอย คอตต์ และขอย้ายทีมด้วย
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของ มูรินโญ่ ในช่วงปีที่ 3 กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จากนี้ไปต้องมาติดตามกันดูว่ามันจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกไหม? เพราะจากที่ผ่านมาพอเข้าสู่ช่วงปีที่ 3 ไม่ว่าจะกับทีมไหนๆ มันก็มีปัญหาเกิดขึ้นตลอดจนสุดท้ายแกก็ต้องตกงานไป เหมือนเป็นอาถรรพ์ และนี่คือสิ่งที่เราต้องติดตามดูกันต่อไป !!!
-HaMuDosSantos-
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม