logo-heading

อาถรรพ์? ความบังเอิญ? โชคชะตา? ดวง? สภาพร่างกาย? จังหวะชีวิต? …

ไม่รู้ว่าเหตุผลกลใดแน่ ที่เล่นเล่ห์ หรือลวงมายาให้ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ ผู้รักษาประตู วัย 23 ปี ของ การท่าเรือ เอฟซี ต้องพบอาการบาดเจ็บ จนเป็นเหตุให้ถอนตัวจากทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี อีกครั้ง ดั่งต้องคำสาปยากจะถอนออก เนื่องจากนี่ไม่ใช่การถอนตัวจากทีมชาติในทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หรือครั้งที่สอง เพราะนี่คือ รอบที่สามแล้วในช่วงเวลาเพียง 1 ปี เท่านั้น ที่ “เจ้าเพียว” ต้องถอดชุด “ช้างศึก” ออก ทั้งที่ยังไม่ได้สวมใส่เข้าไป การบาดเจ็บครั้งนี้ เพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ ในเกมไทยลีก 2018 ที่ “สิงห์เจ้าท่า” เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ข้างซ้าย ทำให้ต้องพักประมาณ 4-6 สัปดาห์ ดังนั้น จึงต้องบอกลา เอเชี่ยนเกมส์ 2018 อย่างแน่นอนแล้ว เพราะจะเริ่มต้นแข่งในอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ข้างหน้าแล้ว ในวันที่แสงยังส่องไม่ถึงจันทร์ ของ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2017 เคยมีหมอดูท่านหนึ่ง ได้มาทักกับคุณแม่ของ “เจ้าเพียว” ว่า นายทวารดาวรุ่งรายนี้จะมีเกณฑ์การผ่าตัด และต้องพบกับอาการบาดเจ็บหนัก ซึ่งเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่อย่างเขา ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เนื่องจากการเล่นกีฬาฟุตบอลนั้น มันต้องพบกับอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นสิ่งไม่แคล้วกัน ทว่าใครเล่าจะคิดว่า คำเตือนดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง โดยเขาต้องถอนตัวจากการแข่งขันฟุตบอลในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย จากปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณไหล่ซ้าย ตามด้วยการถอนตัวอีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศจีน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื่องหมอนรองกระดูก นับจำนวนดูแล้ว ภายใน 1 ปี “เจ้าเพียว” ต้องถอนตัวออกจากสามรายการออฟฟิเชี่ยล ที่มีการกำหนดอายุไม่เกิน 22-23 ปี ถึงสามรายการ จากอาการบาดเจ็บสามตำแหน่งของร่างกายที่ไม่ใช่ที่เดียวกันด้วยซ้ำ ซึ่งการถอนตัวแต่ละครั้งนั้น ก็หมายถึงการนับถอยหลังให้กับทีมชาติไทย ชุด ยู-23 เพราะปีนี้เขามีอายุเต็ม 23 ปี เรียบร้อยแล้ว “นั่นหมายถึงว่า ความฝันที่จะได้เล่นทีมชาติไทย ชุด ยู-23 กับเพื่อนๆ ที่เติบโตกันขึ้นมาแต่เด็ก ของ รัตนัย ส่องแสงจันทร์ มันหมดลงไปแล้ว หากเขาคิดจะติดทีมชาติไทยอีกครั้ง คงต้องรอคอยโอกาสจากทีมชาติชุดใหญ่ ที่เขาเองก็รู้ตัวดีว่า ยังคงห่างไกลจากมือหนึ่งทีมชาติไทย ที่มีดีกรีเป็นถึงกัปตันทีมอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารจาก โอเอช ลูเวิน ในลีกรองของ เบลเยียม” อันที่จริง ไม่ใช่แค่สามรายการนี้เท่านั้นนะ เพราะ “เจ้าเพียว” เคยถอนจากทีมชาติไทย อีกถึงสามรายการด้วยกัน คือ เนชั่นส์ คัพ ที่ประเทศมาเลเซีย (มิถุนายน 2559), อุ่นเครื่องกับ ทีมชาติอิรัก (มิถุนายน 2560) และ ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบคัดเลือก ที่ประเทศไทย (กรกฎาคม, 2560)

“6 รายการในรอบ 2 ปี บางทีมันก็เกิดใจจะอดทน”

ถ้าเป็นนักฟุตบอลทั่วไปที่ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้ ก็อาจจะเกิดความท้อแท้ไปแล้ว แต่มันไม่ใช่กับ “เจ้าเพียว” ที่โพสต์ให้กำลังใจตัวเอง ตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่าต้องถอนตัวอีกครั้งว่า

“โชคชะตาผลักฉันให้ล้มลง แต่กาลเวลาสอนฉันให้อดทน อดทนให้มันผ่านไป เหมือนที่เคยผ่านมา ???”

“ภาพความโชคร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับคนๆ เดิม และไม่รู้ มันจะจบลงเมื่อไหร่ แต่อยากให้โชคชะตารู้ไว้ว่า ใจไม่เคยท้อแท้ยอมแพ้ ล้มอีกกี่ครั้งก็จะลุกมาสู้ต่อ ไม่ได้ไปวันนี้ก็ขอให้ได้ไปวันหน้า ขอแค่มองเห็นความพยายามของผมไปเสมอนะครับ สู้ๆ เพื่อนทุกคนที่ได้ไปเอเชียนเกมส์” คำพูดเหล่านี้ ทำให้รู้ว่า “เจ้าเพียว” ยังไม่ท้อ โอเคหล่ะ อาจจะท้อปลอมบ้าง แต่ความท้อแท้ต้องไม่มี และต้องพร้อมสู้ต่ออยู่เสมอ เพื่อให้ตัวเองได้กลับมามีชื่อกับทีมชาติไทยอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่คนผิดหวังจะทำได้ สู้ต่อสิ เพราะความผิดหวัง มันกลัวคนที่ใจยังสู้อยู่เสมอ….

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline