เสียงด่าทั่วสารทิศที่ถาโถมเข้ามายังทีมชาติไทย ชุดเอเชียน เกมส์ หลังทำผลงานได้เพียงแค่ไล่ตามตีเสมอทีมที่ชื่อชั้นเป็นรอง อย่างบังกลาเทศ ในเกมฟุตบอลชายเอเชียน เกมส์ 2018 บ่งบอกว่าแฟนบอลรวมถึงสื่อมวลชนรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าหากย้อนกลับไปในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2017 สถานการณ์ของทีม 23 ปี ในยุคของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ก็โดนสวดยับไม่เป็นสับปะรด แต่ก็ถูไถเอาตัวรอดพร้อมกับการกระชากเหรียญทอง ซีเกมส์ 2017 กลับแดนสยาม
วันเวลาแค่ 1 ปีเศษทำให้มนุษย์เราหลงลืมกันง่ายดาย มันคงจะจริงเพราะชีวิตโลกยุคใหม่ที่มีโซเชียลนำทาง คนมักก่นด่ากันสารพัด ทำดีเสมอตัว ทำชั่วโดนด่า รับสารภาพความล้มเหลว
ในช่วงเวลาที่โค้ชโย่ง กำลังเจอคำติเตียนมากมาย ขอบสนามขอนำ 5 ความทรงจำ ที่ชายวัยกลางคนร่างยักษ์ ผู้กำลังอาสาทำหน้าที่กุนซือทีมชาติ 23 ปี ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยสร้างเรื่องดี แต่น้อยคนอาจไม่ทันสังเกตในสิ่งที่เขาเคยกระทำลงไป
5 เหตุการณ์พร้อมเนื้อหาอยู่ด้านล่าง ไม่ช้าเสียเวลาลองเปิดใจอ่านครับ
1.อัดเวียดนาม เต็งซีเกมส์ 2017 ตกรอบ สกอร์ 3-0
ทีมชาติไทย เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ 2017 แบบไม่ใช่ทีมเต็งแชมป์ เนื่องจากสื่อมากมายในละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟังธงว่าไทย ไม่ดีพอจะป้องกันเหรียญทองได้ เนื่องจากผู้เล่นและโค้ชไม่ได้มีดีกรีมากมายหนัก แถมการเตรียมทีม ผลงานหรือรูปแบบการเล่นก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเอาเสียเลย
ดูเหมือนสิ่งนี้ “โค้ชโย่ง” ไม่ได้สนใจเขาโฟกัสที่เนื้องานเท่านั้น แม้วิธีการทำทีมเน้นรับอุดให้แน่นๆ เน้นจังหวะโต้กลับจากคู่ต่อสู้เป็นหลัก ซึ่งดูเหมือนว่าทีมอาจจะไปได้ไม่ไกล
การออกสตาร์ทบอลชายซีเกมส์ 2017 รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 ของสายบี ทีมชาติไทยเล่นได้แบบขาดความมั่นใจ ทำให้เก็บผลเสมอจากอินโดนีเซีย 1-1
ก่อนที่นัดสุดท้ายไทย จะโคจรมาพบกับเวียดนาม ในนัดสุดท้าย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ยากเย็น “โค้ชโย่ง” สั่งลูกทีมใส่เต็มที่ไม่มีอะไรจะเสีย หักปากกาเซียนล้มลูกหลานโฮจิมินห์ 3-0 ส่งขุนพลดาวทอง กลับบ้านตั้งแต่ไก่โห
2.เจนรบ กองหน้าคู่บุญ
แม้จะมีเสียงด่ามากมายจากแฟนบอล สำหรับในรายของ เจนรบ สำเภาดี กองหน้ากัปตันทีม ทั้งเรื่องฟอร์มการเล่น อารมณ์ วุฒิภาวะ ที่มักชอบไปบวกใส่กูรูลูกหลังบนโลกโซเชียลอยู่เป็นประจำ
แต่ เจนรบ กองหน้าจิตอาสารายนี้ คือแข้งคู่บุญโค้ชโย่ง และมักชอบยิงประตูสำคัญมากมายให้ทีมชุด 23 ปี มาหลายหน
กองหน้าจากเมืองทอง เคยซัลโว 4 ประตู ในเกมสำคัญ เช่น พาไทยคว้าแชมป์เนชั่นคัพ เชือดมาเลเซีย 2-1,ยิง 2 ประตู ใส่เสือเหลือง ชนะ 3-0 ในรอบคัดเลือก ยู-23 รวมถึงซัด 1 เม็ด ช่วยนำทีมเฉือนเมียนมา 1-0 รอบรองฯ ก่อนจะผงาดสู่รอบชิงและคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2017 มาครองได้
3.ลดตัวเป็นผู้ช่วยโค้ช
ภายหลังนำทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองฟุตบอลชายซีเกมส์ 2017 ที่ นครกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางข่าวลือการเปลี่ยนโค้ชหลังกลับแดนสยาม วรวุธ ศรีมะฆะ ประกาศคืนตำแหน่งโค้ชทีม 23 ปีให้แก่สมาคมกีฬาฟุตบอล เพื่อเฟ้นหาคนที่มีคุณสมบัติดีกว่าตนเอง
“โค้ชโย่ง” ลดบทบาทเพื่อชาติทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชให้แก่ โซรัน ยานโควิช (อดีตผู้ช่วยมิโลวาน ราเยวัช) ในการเตรียมทีม23 ปี มีเกมไฮไลท์อยู่1 เกมนั้นคือการล้มทีมชาติญี่ปุ่น ชุด 23 ปี 2-1 ในรายการเอ็ม-150 คัพ ที่จังหวัดบุรีรัมย์
ก่อนที่สุดท้ายผลงานทีมชุด 23 ปี ล้มเหลว ชิงแชมป์เอเชีย ที่เมืองจีน “โค้ชโย่ง” จึงรีเทิร์นกลับคืนสู่ตำแหน่งกุนซือใหญ่อีกคำรบ
4.ไม่ใช่แข้งอายุเกินเพื่อเตรียมทีมระยะยาวเพื่อชิงแชมป์เอเชีย 2020
การหวนคืนตำแหน่งกุนซือ 23 ปีของโค้ชโย่ง เขามีเป้าหมายเดียว คือการเตรียมทีมระยะยาวในการแข่งขันฟุตบอลยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ปี2020 โดยเป้าหมายคือติด 1 ใน 3 เพื่อเป็นตัวแทนเอเชีย ไปโลดแล่นฟุตบอลชายโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยที่รอบคัดเลือก จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคมปี 2019
ทัวร์นาเมนต์บอลชายเอเชียน เกมส์ 2018 โค้ชโย่ง ขนผู้เล่นอายุน้อยไปลุยเอเซียนเกมส์ 2018 เขาเลือกให้เด็กได้เสริมสร้างกระดูกเพิ่มโอกาสให้เด็กได้มีเวทีลับฝีเท้า ทีมชุด 23 ปี มีผู้เล่นถึง 14 ราย ที่อยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้จนถึงปี 2020 แถมการเตรียมทีมเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2018 ก็บุกไปยันเสมอจีน ยักษ์ใหญ่มาได้แบบโนสกอร์ 0-0 เรียกว่าทีมชุดนี้พร้อมใช้งานอย่างน้อยไปอีก 2-3 ปี
5.ทำทีมสมควรชนะกาตาร์บอลชายเอเชียน เกมส์
เกมแรกที่ไทย จบลงด้วยการไล่ตีเสมอกาตาร์ 1-1 หากเทียบดูจากโอกาสในจังหวะจบสกอร์ที่ตรงกรอบถึง 9 ครั้ง ซึ่งมากกว่ากาตาร์ที่ทำได้แค่ 4 หนเท่านั้น
ตลอด 90 นาทีทีมชาติไทย ทำผลงานได้ดีกว่าทีมจากตะวันออกกลาง ด่าหน้าบุกใส่ไม่ยั้ง สร้างโอกาสจบสกอร์ รวมถึงการเล่นเป็นทีม เพียงแต่ความผิดพลาดแค่หนเดียวในช่วงต้นเกม เป็นที่มาของการเสียประตูตั้งแต่ 6 นาทีแรก แม้ว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่ต้องยอมรับเด็กในคาถาโค้ชโย่ง สมควรเป็นฝ่ายชนะมากกว่าเก็บได้แค่ผลเสมอ
เอ็มเร่