logo-heading

ต้องยอมรับว่า ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่เพิ่งตกรอบแรก ศึกฟุตบอล เอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาหมาดๆ นับเป็นทีมชาติไทย ชุดที่โดนถล่มจากโลกสังคมออนไลน์มากที่สุดชุดหนึ่งเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว

โดนกันตั้งแต่นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย - พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โดนกันถึงประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลชุดนี้ นั่นคือ - “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล และที่แน่นอน เป้านิ่งข้างสนาม อย่าง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน และเหล่านักเตะของเขา ที่โดนสังคมโซเชี่ยลเน็คเวิร์ค อัดเละตุ้มเป๊ะจนแทบไร้ที่ยืนเลยสำหรับบางคอมเมนต์

บ้างก็วิจารณ์ฟอร์ม และผลงานกันแบบมีเหตุและผล บ้างก็ด่าทอแบบสาดเสียเทเสีย บ้างก็ขึ้นมึงกู คำหยาบต่างๆ นาๆ ไปยันด่าพ่อล่อแม่ บ้างก็โดนเปรียบเทียบ โดนขุด โดนทับถม เหมือนเป็นถังขยะรองรับอารมณ์

“ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อยู่ในสถานการณ์ พูดอะไรก็ผิด ขยับตัวไปทางไหนก็ผิด เห็นหน้าในข่าวก็ผิดแล้ว โดยไม่ต้องกดอ่านเนื้อข่าวเลยว่า แต่ละคนพูดว่าอย่างไรบ้าง” ในโลกใบนี้ สิ่งต่างๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีของสังคมออนไลน์ในโลกของกีฬา ก็คือ นักกีฬาจะอยู่ใกล้ชิดกับแฟนกีฬามากขึ้น นักกีฬาจะมี “สื่อ” ในมือตัวเอง แค่เพียงมีมือถือ มีแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค หรืออินสตาแกรม และมีสัญญาณอินเตอร์เนต เท่านั้นก็พอ เราสามารถเสพไลฟ์สไตล์ ชีวิตส่วนตัวของนักกีฬาที่เราชื่นชอบอย่างง่ายดายขึ้น ไม่ต้องรอซื้อหนังสือพิมพ์ แล้วตัดรูปมาแปะผนังห้องเหมือนเมื่อก่อน

แต่อย่างที่บอก โซเชี่ยลมันก็มี “ดาบสองคม” มันหาเงินให้เราได้ มันก็ฆ่าเราให้จมดินได้เช่นกัน

และดาบอีกคม ก็กำลังทิ่มแทงนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดเอเชี่ยนเกมส์ 2018 อยู่ในขณะนี้ อันที่จริง ในช่วงก่อนหน้านี้ ทีมชาติไทย ชุดนี้ โดยเฉพาะ ชัยวัฒน์ บุราณ และ เจนรบ สำเภาดี ต่างมีบทเรียนมาแล้วหลังจากคอมเมนต์ และโพสต์เฟสบุ๊ค ล่อเป้า ตอบโต้แฟนบอลจนกลายเป็นกระแสฮือฮา และเป็นที่มาของฉายา “กองหน้าจิตอาสา” ของเจนรบ สำเภาดี

“แต่ถ้าหากเราไม่เรียนรู้จากความผิดพลาด และบทเรียน เราก็จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้น”

หลังตกรอบแรกไปเพียงแค่ 1-2 วัน นักเตะอย่าง ชัยวัฒน์ บุราณ ก็จัดการโพสต์ความในใจ และแน่นอน เหมือนเปิดบ้านให้คนที่ไม่ชอบเป็นทุน เข้ามาถล่มจนต้องลบโพสต์ออกไป และล่าสุด นพพล พลคำ กองกลางตัวรับของทีมชุดนี้ ก็น็อตหลุด คอมเมนต์อย่างไม่สุภาพ ตอบโต้แฟนบอลที่เข้ามาวิจารณ์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวของเขา เป็นสองรายที่เห็นชัดๆ ที่ใช้โซเชี่ยลเน็คเวิร์คไม่ละเอียด ไม่ต่างอะไรกับการ “ฆ่าตัวตาย” ผ่านโลกออนไลน์ โลกที่ไม่เคยมีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัว ย้อนหลังกลับไปในยุคที่โลกใบนี้เริ่มมีโลกออนไลน์ รุ่นพี่ทีมชาติไทย มากมาย ต่างเคยได้รับบทเรียนมาแล้วจากผลงาน ทั้งการตกรอบแรก ซีเกมส์ สองสมัยติดต่อกัน (ปี 2009 และ 2011) หรือการตกรอบแรก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เมื่อปี 2010 หรือแม้กระทั่งผลงานส่วนตัว และไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่อาจจะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของแฟนบอลเท่าไรนัก ธีรเทพ วิโนทัย, ดัสกร ทองเหลา, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ปกเกล้า อนันต์ หรือแม้กระทั่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทุกคนเป็นนักเตะดีกรีทีมชาติไทย ชุดใหญ่ทั้งหมด ต่างก็เคยผ่านการโดนถล่มจากแฟนบอลในโลกโซเชี่ยล แบบต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็ผ่านทุกคำด่าทอมาได้ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ผลงาน”

นั่นเป็นเพราะ นักกีฬานั้น “ผลงานเสียงดังกว่าคำพูดอยู่เสมอ”

ด้วยความหวังดีต่อน้องๆ ทีมชาติไทยทุกคน

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline