logo-heading

กระทบชิ่งกันไปหลายฝ่าย หลังการล้มเหลวตกรอบแรกของทีมชาติไทย ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ซึ่งเป็นทีมชุดอายุไม่เกิน 23 ปี และมีบางส่วนเป็นตัวความหวังของรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ที่ถูกวางเอาไว้เพื่อการแข่งขันฟุตบอล ปรี โอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพในอีกสองปีข้างหน้า

เอฟเฟคท์รุนแรง ถึงขั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานของสมาคม และมีการปลดเฮ้ดโค้ชดีกรี แชมป์ซีเกมส์ 2017 อย่าง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ออกจากทีมด้วย ".... ผมได้มีการประสานกับเอเอฟซี เพื่อขอความร่วมมือในการสรรหาผู้อำนวยการเทคนิคฟุตบอลทีมชาติไทย หรือ Football Director มาทำหน้าที่แบบเต็มเวลา เพื่อดูแลติดตามวิเคราะห์ฟอร์มนักฟุตบอล และรูปแบบการบริหารทีมชาติไทย เพื่อเตรียมเข้าสู่รายการของทีมชาติไทยอย่าง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ และเอเชียน คัพ ซึ่งตำแหน่ง Football Director เป็นผู้ปฏิบัติงานที่มีความสำคัญมากสำหรับฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ต้องสู้กันด้วยข้อมูลและสถิติ" "ส่วนของโค้ชโย่ง เขาได้เข้ามาพบกับผมเมื่อวันศุกร์ เพื่อขอปรับปรุงการทำงาน ซึ่งผมก็ได้ให้ตัวเขาประเมิน และพิจารณาอนาคตตนเอง ซึ่งโค้ชโย่งเขาก็ตัดสินใจแยกทางกับสมาคมฯด้วยดี ขณะที่ทุกคนที่รับผิดชอบทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ก็ขอให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ทั้งนี้ผมขอขอบคุณโค้ชโย่ง และทุกๆ คนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา" สองย่อหน้าที่ผ่านมา คือ คำกล่าวจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขลูกหนังไทยคนปัจจุบัน ที่ไม่ต้องแปลอะไรให้มันมากมาย และทำให้ทราบว่า “ฟุตบอลไทย จะเปลี่ยนแปลง อีกแล้ว (เหรอนี่)” ฟุตบอลไทยที่รัก : ปรับอีกแล้ว ปลดโค้ชอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ ในส่วนของฝ่ายเทคนิคสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มี “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล นั่งแท่นประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคฯ โดยมีผู้ช่วย คือ “คุณอาร์ต” สาวิน จรัสเพชรานันท์ ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค แล้วก็ มร.ลิม คิม ชอน อดีตผู้ช่วยประธานเทคนิค สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” ที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการพัฒนาอบรมโค้ช ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า “โค้ชเฮง” ก็มีภารกิจดูแลด้านเทคนิคให้กับทีมชลบุรี เอฟซี รวมถึงวางโครงสร้างในเรื่องของเยาวชนให้กับสโมสร “ฉลามชล” จึงทำให้ไม่สามารถทำงานแบบเต็มเวลาให้กับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ Football Director แบบฟูลไทม์กับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงเป็นอีกทางออก อีกหนึ่งตำแหน่งที่จะเข้ามามีอยู่ในโครงสร้างของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ชุดนี้ ต้องคอยดูกันว่า การทำงานของ ฟุตบอลไดเรคเตอร์ คนนี้ ที่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จะมีรูปแบบการทำงานเช่นไร จะทับซ้อนกับการทำงานของ “โค้ชเฮง” หรือไม่ จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ และที่สำคัญ จะช่วยยกระดับฟุตบอลไทย ที่เริ่มถูกมองว่ากำลังจะกลับไปสู่ยุคตกต่ำอีกครั้งได้อย่างไร ต้องคอยติดตามกันดู… แต่สิ่งหนึ่งที่ผมห่วงก็คือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในชุดปัจจุบันนั้น ทำงานมาแล้วจำนวน 2 ปีเศษ ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานกันอยู่ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 1 ปีเศษ ก่อนครบวาระ ที่ก็ไม่รู้จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกไหม ซึ่งถ้ายังไม่เข้าที่เข้าทางสักที เห็นท่าว่า อีกเกือบสองปีที่เหลือก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันอีก นอกจากเรื่องของฝ่ายเทคนิคแล้ว อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลง (อีกแล้ว) นั่นคือ เฮ้ดโค้ชของทีมชุดอายุ 21-23 ปี โดยเพียงเวลาไม่ถึง 1 ปี มีเฮ้ดโค้ชที่เข้ามาทำงานให้กับทีมชุดอายุ 21-23 ปี แล้วถึงสามคน เริ่มจาก ยู-21 ที่เมื่อปีที่แล้ว ฆูเลียน มาริน บาซาโล จากเอคโคโน ได้ทำหน้าที่อยู่เพียงไม่กี่เดือน ก็โดนปลดยกเซตพร้อมเพื่อนๆ จาก เอคโคโน ที่ถูกลดระดับการทำงาน ลงไปดูภาพรวมของการให้ความรู้แก่โค้ชไทย, วางระบบเยาวชน, จัดแข่งขันฟุตบอลยุวชน, สเกาท์ติ้งนักเตะไทย และคุมทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 14 ปี ฟุตบอลไทยที่รัก : ปรับอีกแล้ว ปลดโค้ชอีกครั้ง ส่วนทีมชุด ยู-23 นั้น หลังจากการคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2017 ของ “โค้ชโย่ง” ก็มีการเปลี่ยนแปลงฉับพลันอีก เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยกลายเป็น โซรัน ยานโควิช อดีตมือขวาของ มิโลวาน ราเยวัช เฮ้ดโค้ชทีมชาติไทย เข้ามาทำงานแทนที่ แต่สุดท้าย ผลงานตกรอบแรกในศึก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่ประเทศจีน ชนิดที่เก็บแต้มไม่ได้เลย แถมคู่รักคู่แค้นอย่างเวียดนาม ก็ก้าวไปถึงรองแชมป์ด้วย ด้วยเหตุนี้ ก็ทำให้เขาต้องกระเด็นออกไป

“จาก โค้ชโย่ง สู่ โซรัน จาก โซรัน กลับมาที่ โค้ชโย่ง”

เหมือนการพายเรือในอ่าง เมื่อทีมชาติไทย ตัดสินใจกลับมาใช้งาน “โค้ชโย่ง” อีกครั้งในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ก่อนจะล้มเหลวอย่างที่เห็น เก็บได้แค่ 2 แต้มจาก 3 นัด ตกรอบแรกแบบสนิท ชนิดที่ต้องมีเอฟเฟครุนแรงขนาดปลดโค้ชทีมชุดนี้อีกครั้งในรอบไม่ถึง 1 ปี “ไม่ว่าจะแต่งตั้งใคร แต่นี่คือการมีเฮ้ดโค้ชรุ่นอายุ 21-23 ปี ถึง 4 คนในสองปี” การปรับโครงสร้างอีกแล้ว และการปลดโค้ชอีกครั้ง ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ชุดนี้ ที่เข้ามาทำงานแล้วประมาณ 2 ปีเศษ ซึ่งเหลืออีกไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น ในวาระปัจจุบัน ดูเหมือนว่า อะไรๆ ที่ดูสวยหรูชวนฝันในวันวาน จะยังไม่ลงล็อกเท่าไรเลย ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนอีก แล้วก็ไม่รู้ว่า จะมีการปรับเปลี่ยนอีกไหม ได้แต่หวังไว้ในใจว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้าง และ เฮ้ดโค้ชของทีมชุดนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะทีมชุดปรีโอลิมปิก เกมส์ จะลงสนามในรอบคัดเลือก ในเดือนมีนาคมปีหน้าแล้วนะ

ปรับครั้งนี้ เปลี่ยนครั้งใหม่ ก็ขอให้ดีไปเลย แน่นอน มั่นคง จริงจัง และผลงานดี เพราะถ้าปรับอีก เปลี่ยนอีก เกรงว่า จะไม่เหลือเวลาให้คนใหม่ได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองกันแล้วนะครับผม…

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline