อย่างที่แฟนบอลทุกท่านได้ทราบกัน ในสัปดาห์นี้ฟุตบอลลีกต่างๆ จะหยุดพักเพื่อหลีกทางให้แก่โปรแกรมทีมชาติที่ได้เวลากลับมาหวดแข้งกันอีกครั้ง หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียไป
ทางด้านฝั่งยุโรปจะมีทัวร์นาเมนต์ใหม่อย่าง ศึกยูเอฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018-19 ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบลีกในเวอร์ชั่นทีมชาติ จะสนุกมากเพียงใดคงต้องติดตาม ส่วนภูมิภาคอื่นๆ ก็ลับแข้งในแมตช์อุ่นเครื่องกันไปตามปกติ ถึงแม้จะเป็นสัปดาห์ของเกมทีมชาติ แต่ก็ยังคงมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือบรรดาแข้งดาวรุ่งที่พร้อมแล้วจะก้าวขึ้นมาติดทีม หรือก้าวขึ้นไปแทนบรรดาตัวหลักที่ประกาศเลิกเล่นไป วันนี้ทางทีมงาน ขอบสนาม เลยคัดสรร 5 ดาวรุ่งที่มีโอกาสแจ้งเกิดในนามทีมชาติมาให้ได้ชมกัน จะมีใครบ้างติดตามได้ต่อจากนี้1.) โจ โกเมซ (ทีมชาติอังกฤษ)
ปราการหลังวัย 21 ปี สังกัด ลิเวอร์พูล ถือว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นนี้มา เรียกเสียงตบมือและคำชื่นชมจากแฟนๆ "หงส์แดง" ได้ไม่น้อย จนมีชื่อกลับมาติด ทีมชาติอังกฤษ อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีโอกาสแวะเวียนมาแล้วครั้งนึงเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 โดยได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งสิ้น 3 นัด (ตัวจริง 2 นัด) ในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ เยอรมัน, บราซิล และเนเธอร์แลนด์ และการกลับมาติดธงอีกครั้งนี้ ถือว่ามีโอกาสไม่น้อยที่เจ้าตัวจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในนามทีมชาติ จากฟอร์มการเล่นที่ดูโดดเด่นกว่าใครในบรรดารายชื่อแนวรับที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกมาติดทัพในครั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขันทีมชาติอังกฤษ : อังกฤษ พบ สเปน (8 ก.ย.), อังกฤษ พบ สวิตเซอร์แลนด์ (11 ก.ย.)Liverpool news: Jordan Henderson 'excited' for Joe Gomez after England call-up https://t.co/6DgW4jn4YC pic.twitter.com/jyT9jCAQMQ
— Today’s Footy News ⚽️ (@TodaysFootyNews) September 5, 2018
2.) ยูเลี่ยน บรันด์ท (ทีมชาติเยอรมัน)
กองกลางหนุ่มวัย 22 ปี จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อาจติดทีมชาติครั้งแรกมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2016 ด้วยวัยเพียง 20 ปี 27 วัน แต่ก็ยังไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก โดยครั้งนั้นเจ้าตัวมีรายชื่อติดเป็น 1 ใน 27 คนสุดท้ายในการลุ้นไปทำศึก ยูโร 2016 แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักไป ก่อนจะมาสมหวังกับฟุตบอลโลกหนล่าสุดที่ได้ติดทัพ อินทรีเหล็ก ไปทำศึกฟุตบอลโลกด้วย และทำสถานการณ์ปัจจุบันที่ เมซุส โอซิล ได้ประกาศหันหลังให้ทีมชาติไปแล้ว และเจ้าตัวก็ได้เสื้อหมายเลข 10 มาครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนี้จึงเป็นโอกาสอันดีงามที่เขา จะงัดศักยภาพโชว์ฟอร์มให้ โยอาคิม เลิฟ ประทับใจในฟอร์มการเล่นและยึดพื้นที่ตัวจริงอย่างถาวร โปรแกรมการแข่งขันทีมชาติเยอรมัน : เยอรมนี พบ ฝรั่งเศส (6 ก.ย.), เยอรมนี พบ เปรู (9 ก.ย.)? @JulianBrandt: "The no.10 holds a lot of meaning in football and in the national team. I'll give my all and hope to rise to the task."#DieMannschaft #GERFRA pic.twitter.com/om1mzpbVxZ
— Germany (@DFB_Team_EN) September 4, 2018
3.) ดานี่ เซบายอส (ทีมชาติสเปน)
นี่เป็นครั้งแรกที่มิดฟิลด์จาก เรอัล มาดริด มีชื่อติด ทีมชาติสเปน ซึ่งมันก็เกิดในยุคผลัดเปลี่ยนกุนซือใหม่และนี่เป็นการเรียกขุนพลครั้งแรกของ หลุยส์ เอ็นริเก้ พอดิบพอดี เซบายอส เคยเล่นทีมชาติสเปนชุดอายุต่ำกว่า 21 มากถึง 24 นัด และสามารถซัดไปได้ถึง 6 ประตู ในฐานะตำแหน่งกองกลาง และในการรับเลือกมาติดธง "กระทิงดุ" ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก มันอาจจะยากไปด้วยที่จะเบียดกับเหล่าเก๋าประสบการณ์ทั้ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า, อิสโก้ หรือว่าเซร์คิโอ บุสเก็ตต์ แต่ถ้ากองกลางวัย 22 ปี รายนี้ได้รับโอกาสขึ้นมาแล้วไม่แน่อาจติดใจเจ้านายคนใหม่ไปเลยก็เป็นได้ โปรแกรมการแข่งขันทีมชาติสเปน : อังกฤษ พบ สเปน (8 ก.ย.), สเปน พบ โครเอเชีย (11 ก.ย.)Spain squad! Really happy for Dani Ceballos and the rest of our players. pic.twitter.com/jfnMOn3OcY
— Madridista-Sweden (@MadridstaIsco) August 31, 2018
4.) แฟร้งกี้ เดอ ยอง (ทีมชาติเนเธอร์แลนด์)
เด็กหนุ่มวัย 20 ปี จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ถูกสื่อต่างชาติยกให้เป็นมิดฟิลด์อนาคตไกลคนนึงเรื่องจากสไตล์การเล่นถูกนำไปเปรียบว่าเหมือนเอาทั้ง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และกาก้า มาผสมเข้าอยู่ในร่างเดียว ซึ่งตำแหน่งที่แท้จริงของเจ้าตัวคือ กองกลางตัวรับ แต่ก็ยังสามารถขยับขึ้นไปยืนสูงกว่านั้นได้แบบไม่เขินอาย เดอ ยอง ติดทีมชาติมาแทบจะทุกชุดแล้วไล่ตั้งแต่ ยู15, 18, 19, 20, 21 และปัจจุบันกับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกภายใต้การคุมทัพของ โรนัลด์ คูมัน และกับสภาพทีม "กังหันลม" ในชั่วยามนี้ไม่แน่นี้อาจเป็นโอกาสที่เจ้าเด็กนรกผู้นี้จะได้โอกาสโชว์ของที่มีและยึดตัวจริงพาชาติบ้านเกิดกลับมาผงาดอีกครั้งนึงก็ได้ ตามฉายาที่ถูกสื่อในบ้านเกิดยกย่องว่า "A modern dynamic midfielfer" โปรแกรมการแข่งขันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ : เนเธอร์แลนด์ พบ เปรู (6 ก.ย.), ฝรั่งเศส พบ เนเธอร์แลนด์ (9 ก.ย.)Paris Saint-Germain, Manchester City, Borussia Dortmund, AS Roma and Tottenham Hotspur are ready to battle Barcelona for Frenkie de Jong. This will raise the transfer fee and Ajax can expect over €50 million (Mundo Deportivo) pic.twitter.com/7OnrcsWt1v
— Dutch Football (@FootballOranje_) September 6, 2018
5.) เลาตาโร มาร์ติเนซ (ทีมชาติอาร์เจนติน่า)
เด็กหนุ่มวัย 21 ปี จาก อินเตอร์ มิลาน ถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเขาถูก ฮอร์เก้ ซามเปาลี เรียกมาใช้งานตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 ในเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติสเปน โดยลงเป็นตัวสำรองแทน กอนซาโล่ อิกวาอิน และมีเวลาในสนาม 31 นาที และกับปัจจุบันที่ ลิโอเนล สกาโลนี มารับหน้าที่กุนซือชั่วคราวของทีม ได้ทำการเรียกเขากลับมาติดธงอีกครั้ง ถึงแม้ทัพ ฟ้า-ขาว จะขาด ลิโอเนล เมสซี่ ไป แต่ว่าตำแหน่งกองหน้าที่เหลือถือว่ายากเสียเหลือเกินที่ มาร์ติเนซ จะสอดแทรกเบียดไปเป็นตัวจริง แต่ทุกอย่างในโลกฟุตบอลมันไม่เคยแน่นอน เชาอาจได้รับโอกาสและคว้ามันได้ปาดหน้า เปาโล ดีบาล่า, เมาโร อิคาร์ดี้ เป็นตัวจริง ตัวหลักของทีมเสียอย่างนั้นก็เป็นได้ โปรแกรมการแข่งขันทีมชาติอาร์เจนติน่า : อาร์เจนติน่า พบ กัวเตมาลา (8 ก.ย.), อาร์เจนติน่า พบ โคลอมเบีย (12 ก.ย.)"Sampaoli me pidió que cambie cosas de mi juego que me perjudicaron", dice Lautaro Martinez. Que se quedó fuera del Mundial. pic.twitter.com/dYdU6bKZry
— Visión Fútbol (@visionfutbolok) August 30, 2018