ชีวิตของคนเรามันมีขึ้นมีลง เมื่อมีวันที่ดีมันก็ต้องมีวันที่ไม่ดีเช่นกัน เพราะนั่นคือสัจธรรมของมนุษย์ทุกคนของโลกใบนี้ที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
แน่นอนว่านักฟุตบอลเองก็มีทั้งวันที่เล่นได้ดีและก็ไม่ดี ปัญหาส่วนใหญ่ที่ฉุดพาคุณไปสู่วันที่เลวร้ายแน่นอนหลักๆ ก็คงเป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บ ลุค ชอว์ กลับมาทำผลงานได้แจ่มสุดๆ ในฤดูกาลนี้ แต่ท้ายที่สุดพี่แกก็เจอยังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บตามหลอกหลอนเป็นวิญญาณตามติด และนั่นก็คือที่มาของเรื่องที่ 'ขอบสนาม' จะนำมาบอกเล่าเก้าสิบกันใน Topic 'แข้งดังพรสวรรค์สูง แต่ไม่ไปถึงดวงดาว เพราะโรคเดี้ยงฉุดลงนรก'ซานติ กาซอร์ล่า
ซานติ กาซอร์ล่า คือแข้งพรสวรรค์สูงที่มีเทคนิคร้ายกาจสุดๆ และก็มีคุณสมบัติที่ครบเครื่องมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปกับบอล, มีความคล่องแคล่ว, การขับเคลื่อนเกม, การผ่านบอล, เล่นบอลได้ทั้ง 2 เท่า ตลอดการจบสกอร์ที่แม่นยำโดยเฉพาะลูกนิ่งและส่องไกล ที่ผ่านมาพี่แกนับว่ามีชีวิตที่ดีมากๆ ในรั้ว เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่ท้ายที่สุดก็ดันมาซวยต้องเจอโรคเดี้ยงที่หัวเข่าตามหลอกตามหลอน ทั้งเจ็บซ้ำสอง ทั้งติดเชื้อจากการผ่าตัด นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องนานเกือบ 2 ปีและผ่านมีดมามามากกว่า 8 ครั้งเพียงแค่แผลๆ เดียวSesión de mañana terminada,mañana más y mejor.???⚽️@VillarrealCF pic.twitter.com/BkpkooxKEq
— Santi Cazorla (@19SCazorla) August 6, 2018
มาร์โก รอยส์
มาร์โก รอยส์ นอกจากจะหน้าตาหล่อเหลากระชากใจสาวแล้วพี่แกยังได้ชื่อว่าเป็นแข้งมากพรสวรรค์ด้วย และฝีเท้าก็เข้าขั้นระดับโลกจริงๆ การมีเขาอยู่ การมีเขาอยู่ในทีมก็ถือเป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่งที่ช่วยพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็นทีมระดับยักษ์ใหญ่ และก็มีทีมชั้นนำมากมายอยากได้หัวใจเขาไปครอบครอง แต่โชคชะตาก็เล่นตลกรับเขาจนได้เพราะในปี 2014 มาร์โก ฉายแววได้โดดเด่นมากๆ และก็ถูกเรียกตัวทีมชาติ เยอรมัน ไปล่าแชมป์โลกที่ บราซิล ด้วย แต่ท้ายที่สุดปัญหาอาการบาดเจ็บก็สร้างบาดแผลในใจให้กับเขาเพราะมันทำให้เขาต้องอดเดินทางไป บราซิล กับผองเพื่อน และปีนั้น เยอรมัน ก็ไปถึงสุดทางจนเป็นแชมป์จริงๆ เท่านั้นยังไม่พออีก 2 ปีหลังจากนั้น มาร์โก รอยส์ ก็มีฟอร์มที่ดีตามเคย แต่ก็พลาดไปลุย ยูโร 2016 อีกเหมือนกันจากปัญหาเดิมๆHe’s back. pic.twitter.com/lrW5VukcKf
— Marco Reus (@ApoyoMarcoReus) February 12, 2018
แจ็ค วิลเชียร์
แจ็ค วิลเชียร์ ลูกรักของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ปั้นขึ้นมากับมือจากอคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล และก็ได้รับการยกย่องมากมายว่าอนาคตจะก้าวไกลเป็นแข้งระดับ เวิลด์ คลาส แน่นอนจากพรสวรรค์ในเรื่องความครีเอทีฟสร้างสรรค์เกม, เทคนิคลูกเล่นแพรวพราว แต่สิ่งที่ทำให้เขาไปไม่ถึงภาพที่ใครๆ วาดฝันเอาไว้นั่นปัญหาอาการบาดเจ็บ โดยมีการเปิดเผยว่าก่อนที่ วิลเชียร์ จะย้ายออกจาก อาร์เซน่อล ช่วง 5 ปีก่อนหน้านั้นพี่แกได้รับบาดเจ็บไปมากกว่า 30 ครั้งเลยทีเดียว และมันส่งผลหนักมากกว่าเส้นทางอาชีพของเขา เพราะ วิลเชียร์ ต้องย้ายออกจากทีมและไม่มีโอกาสได้สานฝันสร้างตำนานกับ 'เดอะ กันเนอร์ส' อีกแล้วHappy to make my home debut but not happy with the result. Tough game for us this weekend but we have a week of hard work and preperation in front of us ⚒⚒ pic.twitter.com/B0rsmZ5wr2
— Jack Wilshere (@JackWilshere) August 20, 2018
ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
กองหน้าขาเซิ้งอยู่กับทีมไหนก็มักโดนมองข้ามอยู่เสมอ จนกระทั่งชีวิตของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนตอนย้ายมาโลดแล่นกับ ลิเวอร์พูล เพราะพี่แกเล่นระเบิดฟอร์มพังประตูเป็นว่าเล่น และการได้จบคู่กับ หลุยส์ ซัวเรซก็ยิ่งทำให้พี่แกสามารถปลดปล่อยพลังความนากลัวออกมาเป็น 2 เท่า ชีวตของ สเตอร์ริดจ์ ดูแฮปปี้มากๆ ต่างจากตอนอยู่ เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยจริงๆ แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขรู้ๆ กันอยู่ว่ามันมักหมดและผ่านไวเสมอ เพราะหลังจากนั้น 'เต้ยโศก' ก็ต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอย่างหนัก จนมันส่งผลถึงปัจจุบันที่เขาไม่มีบทบาทอะไรแล้วกับ ลิเวอร์พูล นอกจากการเป็นอะไหล่สำรองThat was kinda fast still... can't even front ???
— Daniel Sturridge (@DanielSturridge) August 12, 2018
That one was for you Nanny Robertson 10 years gone yesterday. Miss you and love you forever ❤️ pic.twitter.com/fpijlD2mNM
จูเซ็ปเป้ รอสซี่
ดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้จะไม่เคยได้โอกาสเลยจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่อย่างน้อย จูเซ็ปเป้ รอสซี่ ก็ทำให้สาวก 'เร้ด เดวิลส์' รู้สึกคิดขึ้นมาตอนย้ายไปอยู่กับ บียาร์เรอัล เพราะพี่แกเล่นซัดประตูได้เป็นกอบเป็น โดยซีซั่น 2010-11 คือปีที่เขาฉายแสงกับการกระซวกไปถึง 32 ตุง จนทีมชาติ อิตาลี ต้องมอบตำแหน่งตัวจริงให้ในยุคนั้น แต่ปีถัดมาก็ดันมาเจออาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ตกต่ำ เพราะจากนั้นไม่ว่าพี่แกจะย้ายไปก็มักจะเจอโรคเดี้ยงตามเล่นงานอยู่บ่อยๆ ทั้งที่จริงๆ ก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ซึ่งปัจจุบันในวัย 31 ปีพี่ก็ระหกระเหินไปอยู่กับ เจนัว ที่ต้องมาลุ้นกันว่าพี่แกจะเจ็บซ้ำอีกไหมGiuseppe Rossi - Perfect example as to why you should never give up ? pic.twitter.com/owWxDPmxAB
— ItalianFootballTV (@IFTVofficial) July 22, 2018
แว็งซ็องต์ ก็องปานี
แว็งซ็องต์ ก็องปานี ก็เป็นกองหลังคนหนึ่งที่ชาวโลกยอมรับเรื่องการเฝ้าหลังบ้านได้แข็งแกร่งสุดๆ และนี่ก็คือกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุครุ่งเรือง ไม่ว่าสโมสรจะทุ่มเงินซื้อใครมาก็ตามก็ไม่มีใตนที่สามารถก้าวขึ้นไปเหนือชั้นกว่า ก็องปานี ได้เลย แต่ในทางกลับกันโอกาสการลงสนามของ ก็องปานี ก็มีกถูกจำกัดเนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บนั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่เอ็นร้อยหวายและกล้ามเนื้อน่องฉีก แต่ถ้าวันใดพี่แกฟิตสมบูรณ์บอกได้เลยว่าคุณไม่มีทางได้แอ้มเขาง่ายๆ แน่Awesome win and performance yesterday. Team focus still as strong as ever. Good things ahead. ?? #ManCity pic.twitter.com/vBz69gte3v
— Vincent Kompany (@VincentKompany) August 13, 2018
อเล็กซานเดร ปาโต้
อดีตขวัญใจของสาวก 'ปีศาจแดงดำ' เมื่อสัก 10 ปีเห็นจะได้ อเล็กซานเดร ปาโต้ ถูกกระชากตัวมาจาก อินเตอร์นาซิอองนาล และก็แจ้งเกิดกับ เอซี มิลาน โดยใช้เวลาไม่นาน แค่วัย 19 ปีเท่านั้นแต่กลับซัดประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เฉลี่ยยิงอย่างต่ำ 14 ประตูต่อ ซีซั่น จนทุกคนเชิดชูว่าไอ้หมอนี่แหละจะเป็นตำนานและตัวความหวังดวงใหม่ของสโมสร กระทั่งฤดูกาล 2011-12 ปัญหาชีวิตได้เริ่มโถมเข้าใส่ตัวของ ปาโต้ นั่นคือเรื่องของอาการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณหัวเข่า และมันส่งผลหนักนจนเขาไม่สามารถกลับมาอยู่ในจุดสุดยอดได้อีกเลย แถมตอนย้ายออกจากทีมไปก็ยังกลับมาพาลทีมแพทย์ของ มิลาน ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ชีวิตพี่แกต้องพังเพียงศักยภาพที่ห่วยแตกระดับ 10 กระโหลกWork??? pic.twitter.com/dcixLqjKoM
— PATO (@AlexandrePato) September 1, 2018