ทำเล่นๆ ก็อาจจะตกชั้นแบบเล่นๆ เหมือนกัน

ตั้งแต่ลงเล่นลีกสูงสุดมามีอยู่หนึ่งทีมที่ยังไม่เคยตกชั้น แม้จะเคยเฉียดๆ แต่สุดท้ายก็รอดตายมาได้หวุดหวิด ทีมที่ว่าก็คือ "บีอีซี เทโร ศาสน" ซึ่งปัจจุบัน คือ "โปลิศ เทโร เอฟซี" และอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรต่อ หรือจะมีทีมนี้อยู่ต่อไปหรือไม่

ครั้งนึงทีม "บีอีซี เทโร ศาสน" เกือบจะหายไปจากสารบบไทยลีก และอาจจะเปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนชื่อทีม ย้ายฐิ่นฐานไปอยู่อีสาน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังอยู่บนลีกสูงสุด แต่มาในชื่อใหม่คือ "โปลิศ เทโร ศาสน" ในปี 2014 เป็นปีที่มังกรไฟ พุ่งถึงขีดสุด (นับตั้งแต่ไทยลีกยุคใหม่ 2008 เป็นต้นมา) พวกเขาจบด้วยอันดับที่ 3 ในลีก พร้อมกับคว้าแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ มาครองได้เป็นสมัยแรก อีกทั้งในทีมก็อุดมไปด้วยนักเตะดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่าง เมสซี่เจ,นฤบดินทร์,พีระพัฒน์,ธนบูรณ์ และอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งถือเป็นทีมแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

แต่ในปีถัดมาฤดูกาล 2015 ทีมกลับมีผลงานที่ย่ำแย่ เนื่องด้วยผู้เล่นส่วนใหญ่กรำศึกหนักให้กับทีมชาติไทย ลงเตะแบบไม่มีพัก ไม่มีหยุด กรอบซะยิ่งกว่ากรอบ มันก็ส่งผลมาถึงสโมสร สุดท้ายปีนั้นพวกเขาจบด้วยอันดับ 16 ของตาราง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องตกชั้นไป จนตอนนั้นที่ทีมต้องตกชั้นแน่ๆ แล้ว คุณไบรอัน สุดยอดประธานสโมสรของทีมถึงขั้นถอดใจจะขอวางมือขายทีมให้คนอื่นมาบริหาร แต่สุดท้ายทีมอยู่รอดเนื่องจาก สโมสรสระบุรี ที่ด้วยอันดับแล้วไม่ตกชั้น ดันมีปัญหาเรื่องงบประมาณการทำทีม เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ขาดทุน หรือเจ๊ง นั่นเองเพราะไม่มีเงินมาทำทีมต่อไป นายทุนใหม่ก็หาไม่ได้ สุดท้ายต้องพักทีมไปจนถึงทุกวันนี้ จึงทำให้บีอีซี เทโรฯ ที่ถือเป็นทีมอันดับดีสุดของ 3 ทีมตกชั้น จึงได้สิทธิ์ลงเล่นในลีกสูงสุดต่อไปในฤดูกาล 2016 แต่กระนั้นทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งเรื่องของการบริหารต่างๆ รวมทั้งนักเตะที่ต้องปล่อยไปให้เอสซีจี เมืองทองฯ แต่กระนั้น มร.ไบรอัน ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานสโมสรต่อไป แต่ตนแล้วจนรอดทีมก็มีปัญหาต่างๆ นาๆ มากมาย แม้ว่าคุณไบรอัน จะมีตำแหน่งเป็นประธานแต่ก็ไม่ได้ลงคลุกคลีเหมือนกัน และก็มีข่าวอีกว่าจะขอวางมือ จนมีกระแสนายทุนจากอุดร นู่นนี่นั่นจะเอาทีมไปเล่นที่อีสาน

ก่อนสุดท้ายจะมาลงเอยที่การร่วมมือกับโปลิศ และกลายเป็นทีมโปลิศ เทโร เอฟซี อย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ฤดูกาล 2017 โดยทีมก็ย้ายมาเล่นอยู่ที่บุณยะจินดา การมาจับมือกับทีมตำรวจเดิม เหมือนจะเป็นฟ้าใหม่ของทีมมังกรไฟ เพราะมีคนมาช่วยทำทีม มีสนามเป็นหลักเป็นแหล่ง ดูมั่นคงชัดเจนขึ้น ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย แต่ผลงานในฤดูกาล 2017 มันก็ไม่ค่อยจะน่าภิรมย์เท่าไหร่เพราะต้องไปกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีตกชั้นช่วงท้ายฤดูกาลเหมือนกัน ก่อนจะจบที่อันดับ 14 มาได้หวุดหวิด มาถึงฤดูกาลนี้ 2018 ก็ต่อเนื่องมาจากปีก่อน ทีมงานของโปลิศ เข้ามาบริหารทีมเต็มตัวนำโดยท่าน ผบ.ตร.พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา แต่ด้วยภารกิจราชการทำให้ท่านไม่ได้ลงมาดูทีมอย่างจริงจังมากหรอกครับ ท่านก็มีงานของท่าน แต่ก็ยังคงดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตามความเข้าใจของผมทีมงานของโปลิศ กับ บีอีซี เทโร เดิม ยังคงช่วยกันบริหารทีมแบบครึ่งๆ ด้านตำรวจก็จะดูเรื่องงานบริหาร งบประมาณการทำทีม รวมทั้งสถานที่ตั้งของสโมสร ขณะที่การจัดการทีม ดูแลนักเตะ เรื่องสตาฟฟ์ยังคงเป็นทีมงานของบีอีซี เทโรฯ เดิมอยู่ ที่มี "ป๋าแมน" ธัญญะ วงศ์นาค เป็นผู้จัดการทีม อันนี้ไม่รู้ผมเข้าใจถูกไหม แต่ด้วยผลงานการออกสตาร์ทฤดูกาลที่มันน่าผิดหวังจากการทำทีมของ สก็อตต์ คูเปอร์ ทำให้ทีมต้องหาโค้ชใหม่ และก็ไม่มีคนที่เหมาะสม สุดท้ายก็ต้องเอาคนของเทโรฯ อย่าง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่เป็นผู้ช่วยอยู่แล้วขึ้นมาขัดตาทัพ ปรากฎว่าทำไปทำมาทีมมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มีแพ้บ้าง ชนะบ้าง ปะปนกันไป แต่มาในช่วงท้ายเลกแรกนี่แหละที่ดูจะผลงานตกไปนิด สุดท้ายจึงต้องหาผู้มีความรู้คนใหม่เข้ามาช่วยกันทำทีม

ทำอยู่เกมสองเกมแม่งห่วยกว่าเดิมก่อนสุดท้ายจะได้พระเอกขี้ม้าขาวอย่าง "โค้ชแบน" ที่บอกว่ายังไงปีนี้ก็จะไม่กลับมารับงานอีกแล้ว แต่ด้วยคสามที่เป็นทีมโปลิศ เทโร ทีมเก่าทั้งสองทีมที่พี่แบนเคยคุมอยู่ จึงยากที่จะปฏิเสธ สุดท้ายก็ตกกระไดพลอยโจนมาทำทีมจนได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับตามตรงว่าผลงานของพี่แบน กับโปลิศ เทโรฯ เองก็น่าผิดหวัง แพ้มากกว่าชนะ ทำให้สถานการณ์ของทีมมันไม่ขยับไปไหนต้องอยู่ในโซนตกชั้น จนกระทั่งมาเหลือ 5 เกมสุดท้ายที่จะเป็นหน้าที่ของ "โค้ชอ้น" ที่จะต้องพาทีมรอดตกชั้นให้ได้ แต่เกมแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็พ่ายทีมบ๊วยอย่างแอร์ฟอร์ซ ไปแล้ว ทำให้เหลืออีก 4 เกม ที่พวกเขาจะต้องเก็บแต้มให้มากที่สุดเพื่อรอดตกชั้น ตามสถานการณ์ก็คือเงื่อนไขของโปลิศ เทโรฯ ยังกุมชะตาชีวิตตัวเองได้อยู่คือถ้าเก็บได้อีก 9 แต้ม นั่นหมายความว่าต้องชนะอย่างน้อย 3 นัดจาก 4 เกมที่เหลือ ถึงจะมีโอกาสรอดตกชั้น โดยที่ไม่ต้องสนใจทีมอื่น แต่บอกเลยว่าโคตรยาก เอาแค่สุดสัปดาห์นี้ก็ต้องเจอจ่าฝูงบุรีรัมย์ ก็คงตัดไปได้เลย 1 เกม คราวนี้ก็เหลือ 3 นัดสุดท้ายที่จะต้องชนะรวด ซึ่งจะเจอกับทีมอย่างราชบุรี ,ราชนาวี และ ประจวบ บอกเลยว่าไม่มีทางชนะหมด 3 นัด และถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องกลับบ้านเก่านะครับ